เผยผลหารือ “กระทรวงทรัพย์ - กรมทรัพยากรทางทะเลฯ” สรุปให้ “กฟผ.” เร่งถอนอีเอชไอเอ เพื่อถอนโครงการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินที่กระบี่ ด้าน “กรมทรัพยากรทางทะเลฯ” ย้ำจะไม่อนุญาตโครงการนี้ต่อ กฟผ. เผย พบ EIA มีการวัดพิกัดเฉพาะในแผนที่ แต่ไม่มีรายละเอียดในพื้นที่ มีจุดอ่อนจำนวนมาก ขณะที่ กฟผ.ยังไม่เลิกทำตัวเป็นพ่อพระแจกทั้งเงิน ข้าวกล่อง ข้าวสาร เสื้อ และสิ่งของมากมายให้ฝ่ายหนุนเวที ค.3 โรงไฟฟ้าและท่าเรือขนถ่านหินเทพา ขณะที่ "เครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาถ่านหิน" ตั้งใจจะเคลื่อนขบวนไปถามผู้ว่าฯ สงขลา ที่ออกประกาศจังหวัดกีดกันผู้เห็นต่างกลับยังไม่สามารถเข้าได้
วานนี้ (27 ก.ค.) มีรายงานจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หน่วยงานซึ่งเป็นเลขานุการคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ว่า นายเกษมสันต์ จิณณวาโส ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เชิญ นายชลธิศ สุรัสวดี อธิบดีกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เข้าหารือเรื่องทางออกสำหรับโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินใน จ.กระบี่
โดยเฉพาะกรณีของ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เจ้าของโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินใน จ.กระบี่ ที่ในเว็บไซต์ของ กฟผ. เผยแพร่ว่า จะเปิดประมูลการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ในวันที่ 5 สิงหาคมนี้
“ไม่ควรมีการเปิดประมูลเพื่อก่อสร้างโรงไฟฟ้า กรณีนี้ถ้าเปิดประมูลไปแล้ว ก็ต้องยกเลิก เพราะเปิดซองไปแล้วได้ผู้ชนะมา ก็ยังทำอะไรไม่ได้ ก่อสร้างอะไรก็ไม่ได้ เพราะรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ยังไม่ผ่าน ยิ่งกรณีที่จะมีการสร้างอุโมงค์มุดพื้นที่ป่าชายเลน ระยะทางถึง 9 กิโลเมตร ยังนึกไม่ออกว่าจะทำอย่างไร” รายงานระบุถึงการหารือในครั้งนั้น
มีรายงานด้วยว่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ยังจะไม่อนุญาตโครงการนี้ต่อกฟผ. เนื่องจากพบว่า การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) มีการวัดพิกัดกันเฉพาะในแผนที่ แต่ไม่มีรายละเอียดในพื้นที่ จึงมีจุดอ่อนจำนวนมาก ซึ่งพบว่าคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) ได้ติงไปหลายข้อ
ขณะที่บทสรุปของการหรือในครั้งนั้น สรุปว่า กฟผ. ควรรีบมาถอนอีเอชไอเอ ออกจากการพิจารณาของคชก. เพื่อแสดงความจริงใจ รวมทั้งประกาศยกเลิกการประกวดราคาทุกอย่าง ซึ่งทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ยืนยันว่า กฟผ. สามารถถอนและยกเลิกการประมูล และถอนอีเอชไอเอได้ และเมื่อคณะกรรมการ 3 ฝ่าย หรือรัฐบาล มีนโยบายอย่างไรก็สามารถพิจารณาใหม่ได้.
แฉกฟผ.หว่านเงินแจกของแลกหนุนสร้างโรงไฟฟ้า
วานนี้ (27 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานจากบริเวณที่ทำการองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ปากบาง อ.เทพา จ.สงขลา ซึ่งเป็นสถานที่ที่การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ใช้จัดเวทีรับฟังความคิดเห็นประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โครงการโรงไฟฟ้าเทพาและท่าเทียบเรือขนส่งถ่านหินเทพา ครั้งที่ 3 (ค.3) ว่า ตั้งแต่ช่วงเข้ามีรถยนต์ที่จัดเตรียมโดย กฟผ.นำผู้สื่อข่าวชุดใหญ่เดินทางออกจากหน้าโรงแรมไดอิชิ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เข้าสู้บริเวณเวที ขณะที่รถยนต์ขนส่งประชาชนฝ่ายเห็นด้วยต่อโครงการก็ทยอยนำคนเข้าร่วมเวทีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน โดยส่วนใหญ่มีการนัดแนะจัดเตรียมกันไว้แล้ว เป็นทั้งรถยนต์ของชาวบ้านเอง หรือส่วนที่ผู้จัดเวทีเตรียมการไว้ให้ นอกจากนี้ ยังมีการแจกข้าวกล่องให้รับประทานก่อนเข้าร่วมด้วย ซึ่งมีการจัดเตรียมไว้ทั้งมื้อเช้าและมื้อเที่ยง
ในส่วนของนายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมข้าราชการทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ และทหาร ได้เดินทางมาถึงตั้งแต่ก่อนเริ่มเวที โดยนายธำรงค์ รับหน้าเสื่อเป็นประธานบนเวทีในการเปิดรับฟังความคิดเห็นภาคประชาชนในครั้งนี้ด้วยตัวเอง ซึ่งหวังว่าจะทำให้การดำเนินการราบรื่น และประสบผลสำเร็จ เนื่องจากช่วงก่อนหน้านี้ไม่กี่วันได้มีการออกประกาศจังหวัดที่ลงนามโดย ผู้ว่าฯ ห้ามมิให้บุคคลหรือกลุ่มคนที่เห็นต่างเข้าไปในบริเวณ เพราะเกรงว่าจะสร้างความปั่นป่วน และเกิดความไม่ปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน
สำหรับการจัดเตรียมเวที ค.3 ของ กฟผ.ในครั้งนี้ ได้มีการเกณฑ์ข้าราชการมาเป็นจำนวนมาก ขณะที่กองกำลังดูและรักษาความสงบก็กระจายเต็มพื้นที่ทั้งตำรวจ ทหาร และ อส. บางส่วนมีการแต่งชุดลายพราง และติดอาวุธ รวมแล้วกว่า 1 พันนาย ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ฝ่ายสนับสนุนที่มีการจัดเตรียมสามารรถเข้าสู่บริเวณงานได้อย่างง่ายดาย แต่หากใคร หรือกลุ่มใดที่แสดงตัวหรือมีเครื่องหมายไม่เห็นด้วย บุคคลและกลุ่มคนเหล่านั้นจะถูกกีดกันไม่ให้เข้าไปในบริเวณ
นอกจากนี้ ในส่วนของประชาชนฝ่ายที่เห็นด้วยที่ กฟผ.อ้างไว้ก่อนหน้าว่าจะมีถึง 1 หมื่นคนเข้าร่วมนั้น มีข้อมูลที่ยืนยันด้วยว่า โดยรวมๆ แล้วประชาชนแต่ละคนที่เข้าร่วมจะได้รับทั้งเงิน และของแจกมากมาย เช่น ฝ่ายเห็นด้วยที่เข้าร่วมจะได้รับถุงใส่เอกสาร และสิ่งของแล้ว ยังได้รับค่าเดินทางเป็นเงินคนละ 500 บาท สิ่งนี้ยืนยันได้จากเอกสารรับและจ่ายเงิน เสื้อยืดคอกลมที่มีข้อความว่า "เทพาเมืองเก่า คนเอาถ่าน" ขณะที่เสื้อแจ็กเกตว่ากันว่ามีการมอบให้ไปก่อนหน้าที่จะจัดเวที อีกทั้งยังมีข้าวสารไว้แจกให้อีกคนละ 5 กิโลกรัม แต่ต้องกลับไปขอรับยังบ้านผู้ประสานงานที่มีการเตรียมไว้ให้แล้ว ซึ่งแตกต่างจากการจัดเวที ค.1 เมื่อปีที่แล้วที่มีการแจกจ่ายข้าวสารให้ถือกลับบ้านกันอย่างโจ๋งครึ่มแบบไม่อายฟ้าดิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เวทีเริ่มขึ้นเมื่อเวลากว่า 09.00 น.มีประชาชนที่ผ่านเข้าสู่บริเวณได้รวมแล้วหลายพันคน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นั่งเป็นประธานอยู่ด้านบน ควบคู่กับผู้บริหาร กฟผ. จากนั้นเวลาประมาณ 10.00 น. กลุ่มชาวบ้านที่แสดงตัวไม่เห็นด้วยต่อการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินได้เคลื่อนขบวนมาถึง แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตั้งด่านกีดกั้นไม่ให้เข้าไปในบริเวณเวที ซึ่งก็ใช้เวลาเจรจากันพักใหญ่ โดยฝ่ายรัฐมีนายอำเภอเทพาเป็นตัวแทนเจรจา กำหนดให้ฝ่ายเห็นต่างส่งตัวแทนเข้าพบผู้ว่าฯ ได้เพียง 3 คน และหากใครถือป้าย หรือแสดงสัญลักษณ์ไม่เห็นด้วยห้ามไม่ให้เข้า
พล.ต.ต.อัมพล บัวรับพร ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา เปิดเผยว่า ได้จัดกำลังตำรวจ 400 นาย ซึ่งในจำนวนนี้มี 150-200 นาย ปฏิบัติการในพื้นที่ที่จัดการประชุม โดยผู้ว่าฯ สงขลามีอำนาจเต็มในการสั่งการ พร้อมกับนำป้ายคำสั่งกองอำนวยการและบรรเทาสาธารณภัย จ.สงขลา ที่ลงนามโดย นายธำรงค์ เจริญกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา มาติดตั้งบริเวณสถานที่จัดประชุม
ขณะเดียวกัน ชาวบ้านที่รวมตัวหันในนามเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ได้มาตั้งขบวนใกล้กับบริเวณทางเข้าที่ประชุม โดยแจ้งความประสงค์ต่อเจ้าหน้าที่ว่า ต้องการเข้าไปพบผู้ว่าฯ ที่มาเป็นประธานการประชุมในครั้งนี้ เพื่อขอความชัดเจนกรณีลงนามในคำสั่งกองอำนวยการและบรรเทาสาธารณภัย จ.สงขลา ที่ห้ามไม่ให้มีการเคลื่อนไหวใดๆ อันเป็นการแสดงออกคัดค้านโครงการโรงไฟฟ้า หลังจากที่เมื่อวานนี้ (26 ก.ค.) ชาวบ้านกลุ่มนี้ได้เดินทางไปยื่นหนังสือที่ศาลากลางจังหวัดแล้วครั้งหนึ่ง
ด้าน นายดิเรก เหมนคร ผู้ประสานงานเครือข่ายคนสงขลา-ปัตตานีไม่เอาโรงไฟฟ้าถ่านหิน ระบุว่า คำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัดไม่มีความเป็นธรรม และอาจจะขัดต่อกฎหกมาย เนื่องจากมีการกีดกันชาวบ้านที่เห็นต่างกับโครงการนี้ไม่ให้มีการเคลื่อนไหว ขณะเดียวกัน ผู้ว่าราชการจังหวัดวางตัวไม่เป็นกลาง จึงทำให้ชาวบ้านมองว่าการจัดเวทีรับฟังความคิดเห็นในครั้งนี้ไม่มีความชอบธรรมตั้งแต่ต้น อย่างไรก็ตาม การชุมนุมของชาวบ้านยังคงเป็นไปอย่างสงบ โดยไม่มีการก่อความวุ่นวายใดๆ ท่ามกลางการรักษาความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่
ส่วนบรรยากาศบริเวณเวทีแสดงความคิดเห็น หลังจากที่เจ้าหน้าที่ กฟผ. ได้ชี้แจงรายละเอียดของโครงการแล้วเสร็จ ได้เปิดโอกาสให้ชาวบ้านแสดงความคิดเห็น โดยมีทั้งผู้สนับสนุนและคัดค้าน โดยในส่วนของผู้สนับสนุนเห็นว่า โครงการจะช่วยพัฒนาพื้นที่ ขณะเดียวกันได้เป็นห่วงเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและธรรมชาติ ขณะที่ผู้คัดค้านโครงการมองว่า โครงการนี้จะส่งผลเสียมากกดว่าผลดี เนื่องจากโรงไฟฟ้าถ่านหินจะมีอายุการใช้งานไม่ถึง 50 ปี แต่จะสร้างมลพิษอย่างมหาศาลต่อวิถีชีวิตของชาวบ้านในพื้นที่ และยากต่อการฟื้นฟู