ASTVผู้จัดการรายวัน-ก.เกษตรฯ เอ็มโอยู ไทยแอร์เอเชีย ตั้งศูนย์บริการส่งออกสินค้าเกษตรแบบเบ็ดเสร็จ ที่ดอนเมืองเปิด 1 ต.ค. 58 ลดขั้นตอนย่นเวลาส่งออกเพิ่มศักยภาพแข่งขันรับเปิด AEC “ธรรศพลฐ์”เผยทุ่มกว่า 200 ล. พลิกฟื้นคลังสินค้า หวังใช้พื้นที่ใต้ท้องส่งออกเพิ่ม 80% ของกว่า 140 เที่ยวบินต่อวัน เชื่อคืนทุนใน 3-5 ปี
นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรเเละสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือจัดตั้ง “ศูนย์บริการส่งออกสินค้าเกษตรแบบเบ็ดเสร็จ”(Export Agricultural Products Quarantine One Stop Service) ระหว่างกระทรวงเกษตรฯ และบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด เป้าหมาย เพื่อพัฒนาระบบบริการขนส่งสินค้าทางอากาศ เพื่อสนับสนุนการส่งออกสินค้าภาคการเกษตรไปสู่ตลาดอาเซียนและตลาดโลก โดยการขนส่งสินค้าทางอากาศที่รวดเร็วซึ่งจะเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันของผู้ประกอบการ เนื่องจากสินค้าภาคการเกษตร ประเภท พืช ผัก ผลไม้ และอาหาร จะต้องใช้ความรวดเร็วในการขนส่งเพื่อรักษาคุณภาพของสินค้า และเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการส่งออก
กรมวิชาการเกษตร กรมประมง และกรมปศุสัตว์ จะตั้งจุดให้บริการตรวจสอบรับรองสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออก ทั้งด้านพืช ประมง และปศุสัตว์ รวมไว้ ณ จุดเดียว เพื่ออำนวยความสะดวก และจะทำการเชื่อมต่อระบบผลการตรวจสอบรับรองจากห้องปฏิบัติการ (Lab) ของแต่ละหน่วยงานให้สามารถออกใบรับรองส่งออกได้ ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งโดยเฉลี่ยสามารถดำเนินการออกใบรับรองได้ประมาณ 2 – 3 วัน ตามแต่ชนิดสินค้าซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนให้ผู้ส่งออกสินค้าเกษตรเกิดความสะดวก ลดต้นทุน และร่นระยะเวลาในการให้บริการในการขนส่งสินค้าเกษตรได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสหกรณ์หรือผู้ประกอบการรายย่อยที่จะสามารถเพิ่มช่องทางการตลาดไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียน หรือในตลาดต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น
นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า เรื่องระบบโลจิสติกส์จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นหลังจากเปิดAECปลายปี 2558 ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งสินค้าประเภทใดก็ตาม หากใช้เวลาที่เร็วขึ้นจะสามารถแข่งขันได้ ซึ่งความร่วมมือกับก.เกษตร ตั้งศูนย์ One stop Serviceที่ดอนเมืองในการขนส่งสินค้าเกษตรทางเครื่องบิน จะลดระยะเวลาจากเดิมลงจาก 5-7 วันเหลือ 3 วันเท่านั้น เพราะจะให้บริการทุกขั้นตอนรวมถึงแพคสินค้าได้เรียบร้อยในจุดเดียวส่งขึ้นเครื่องบิน ไม่ต้องส่งสินค้าไปตรวจสอบหลายที่ก่อนที่จะดำเนินการจัดส่ง
โดยปัจจุบัน ไทยแอร์เอเชีย ทำการเครือข่ายครอบคลุมทั้งในประเทศรวม 24 เส้นทาง และระหว่างประเทศทั่วอาเซียนและจีน 27 เส้นทาง และมีกว่า 140 เที่ยวบินต่อวัน มีเครื่องบิน44 ลำ และใน 3 ปีข้างหน้าเพิ่มเป็น 60 ลำ โดยจะกำหนดอัตราค่าบริการบริหารจัดการคลังที่บวกกำไรที่ 10% จากต้นทุนเท่านั้น เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้ขยายการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังอาเซียนได้มากขึ้น
โดยตั้งเป้าหมาย เพิ่มพื้นที่ระวางการขนส่งจากที่มีประมาณ 20% หรือ 30-40 ตันต่อวันในปัจจุบันเป็น 80% หรือประมาณ 100-120 ตันต่อวัน ซึ่งจะทำให้คืนทุนได้ใน 3-5 ปี เนื่องจากบริษัทต้องลงทุนปรับปรุงคลังสินค้า 2 ที่ดอนเมืองประมาณ 200 ล้านบาทเศษส่วนใหญ่เป็นการปรับปรุงพื้นที่คลังสินค้าที่เสียหายจากน้ำท่วมเมื่อปี 2554 มีห้องเย็น และสำนักงานสำหรับตรวจสอบให้ได้ตามมาตรฐานของก.เกษตรฯ มีห้องตรวจสอบของกรมศุลกากร จะเสร็จใน 3 เดือน เพื่อเปิดให้บริการในวันที่ 1 ต.ค. 2558 เป็นต้นไป โดยได้ทำสัญญาเช่าพื้นที่คลังสินค้าจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท.แบบ 3 ปีต่อ 3 ปี ซึ่งขณะนี้คลังดังกล่าวว่าง และทอท.ยังไม่มีแผนที่จะใช้ประโยชน์ใดๆ
นายปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรเเละสหกรณ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานในการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือจัดตั้ง “ศูนย์บริการส่งออกสินค้าเกษตรแบบเบ็ดเสร็จ”(Export Agricultural Products Quarantine One Stop Service) ระหว่างกระทรวงเกษตรฯ และบริษัท ไทยแอร์เอเชีย จำกัด เป้าหมาย เพื่อพัฒนาระบบบริการขนส่งสินค้าทางอากาศ เพื่อสนับสนุนการส่งออกสินค้าภาคการเกษตรไปสู่ตลาดอาเซียนและตลาดโลก โดยการขนส่งสินค้าทางอากาศที่รวดเร็วซึ่งจะเป็นข้อได้เปรียบในการแข่งขันของผู้ประกอบการ เนื่องจากสินค้าภาคการเกษตร ประเภท พืช ผัก ผลไม้ และอาหาร จะต้องใช้ความรวดเร็วในการขนส่งเพื่อรักษาคุณภาพของสินค้า และเพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้ประกอบการส่งออก
กรมวิชาการเกษตร กรมประมง และกรมปศุสัตว์ จะตั้งจุดให้บริการตรวจสอบรับรองสินค้าเกษตรเพื่อการส่งออก ทั้งด้านพืช ประมง และปศุสัตว์ รวมไว้ ณ จุดเดียว เพื่ออำนวยความสะดวก และจะทำการเชื่อมต่อระบบผลการตรวจสอบรับรองจากห้องปฏิบัติการ (Lab) ของแต่ละหน่วยงานให้สามารถออกใบรับรองส่งออกได้ ณ ท่าอากาศยานดอนเมือง ซึ่งโดยเฉลี่ยสามารถดำเนินการออกใบรับรองได้ประมาณ 2 – 3 วัน ตามแต่ชนิดสินค้าซึ่งจะช่วยลดขั้นตอนให้ผู้ส่งออกสินค้าเกษตรเกิดความสะดวก ลดต้นทุน และร่นระยะเวลาในการให้บริการในการขนส่งสินค้าเกษตรได้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสหกรณ์หรือผู้ประกอบการรายย่อยที่จะสามารถเพิ่มช่องทางการตลาดไปยังประเทศในกลุ่มอาเซียน หรือในตลาดต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น
นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายการบินไทยแอร์เอเชีย กล่าวว่า เรื่องระบบโลจิสติกส์จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นหลังจากเปิดAECปลายปี 2558 ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งสินค้าประเภทใดก็ตาม หากใช้เวลาที่เร็วขึ้นจะสามารถแข่งขันได้ ซึ่งความร่วมมือกับก.เกษตร ตั้งศูนย์ One stop Serviceที่ดอนเมืองในการขนส่งสินค้าเกษตรทางเครื่องบิน จะลดระยะเวลาจากเดิมลงจาก 5-7 วันเหลือ 3 วันเท่านั้น เพราะจะให้บริการทุกขั้นตอนรวมถึงแพคสินค้าได้เรียบร้อยในจุดเดียวส่งขึ้นเครื่องบิน ไม่ต้องส่งสินค้าไปตรวจสอบหลายที่ก่อนที่จะดำเนินการจัดส่ง
โดยปัจจุบัน ไทยแอร์เอเชีย ทำการเครือข่ายครอบคลุมทั้งในประเทศรวม 24 เส้นทาง และระหว่างประเทศทั่วอาเซียนและจีน 27 เส้นทาง และมีกว่า 140 เที่ยวบินต่อวัน มีเครื่องบิน44 ลำ และใน 3 ปีข้างหน้าเพิ่มเป็น 60 ลำ โดยจะกำหนดอัตราค่าบริการบริหารจัดการคลังที่บวกกำไรที่ 10% จากต้นทุนเท่านั้น เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรให้ขยายการส่งออกสินค้าเกษตรไปยังอาเซียนได้มากขึ้น
โดยตั้งเป้าหมาย เพิ่มพื้นที่ระวางการขนส่งจากที่มีประมาณ 20% หรือ 30-40 ตันต่อวันในปัจจุบันเป็น 80% หรือประมาณ 100-120 ตันต่อวัน ซึ่งจะทำให้คืนทุนได้ใน 3-5 ปี เนื่องจากบริษัทต้องลงทุนปรับปรุงคลังสินค้า 2 ที่ดอนเมืองประมาณ 200 ล้านบาทเศษส่วนใหญ่เป็นการปรับปรุงพื้นที่คลังสินค้าที่เสียหายจากน้ำท่วมเมื่อปี 2554 มีห้องเย็น และสำนักงานสำหรับตรวจสอบให้ได้ตามมาตรฐานของก.เกษตรฯ มีห้องตรวจสอบของกรมศุลกากร จะเสร็จใน 3 เดือน เพื่อเปิดให้บริการในวันที่ 1 ต.ค. 2558 เป็นต้นไป โดยได้ทำสัญญาเช่าพื้นที่คลังสินค้าจาก บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือทอท.แบบ 3 ปีต่อ 3 ปี ซึ่งขณะนี้คลังดังกล่าวว่าง และทอท.ยังไม่มีแผนที่จะใช้ประโยชน์ใดๆ