ประธานบอร์ดแอร์เอเซีย เผยตั้งเป้ารายได้ปีนี้ไม่น้อยกว่า 10% เหตุรัฐยกเลิกกฎอัยการศึก นักท่องเที่ยวแห่เข้าไทยมากขึ้น อีกทั้งต้นทุนน้ำมันลดลง เตรียมปรับกลยุทธ์เพิ่ม Load Factor ให้ได้ถึง 83% พร้อมขยายเส้นทางบินเพิ่มทั้งในและต่างประเทศ และเสริมทัพเครื่องบินใหม่อีก 5 ลำ เชื่อปัญหา SSC ไม่กระทบระยะยาว คาดสรุปเสร็จ ก.ค.นี้
นายธรรศพลฐ์ แบเลเว็ลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการ บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น หรือ AAV กล่าวว่า บริษัทฯ ตั้งเป้าประมาณการกำไรปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 10% หรือใกล้เคียงกับรายได้ของปี 2556 ซึ่งมีกำไรอยู่ที่ 1,043 ล้านบาท จากสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมืองที่เริ่มเข้าสู่ภาวะปกติและรัฐบาลได้ประกาศยกเลิกกฎอัยการศึกทำให้นักท่องเที่ยวต่างประเทศคลายความกังวลและเข้ามาท่องเที่ยวในประเทศไทยเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งต้นทุนราคาน้ำมันที่ถูกลง ประกอบกับมีช่วงเทศกาลที่มีวันหยุดยาวต่อเนื่องหลายวันช่วยให้บริษัทฯ มีรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม ประเมินว่าในปีนี้ทั้งปีอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสารหรือ Load Factor ของบริษัทจะเฉลี่ยเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 83% หรือประมาณ 14.5 ล้านคน จากปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 80% รวมถึงการที่บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดเส้นทางบินใหม่เพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 3-4 เส้นทางในปีนี้ โดยจะเน้นเสริมเส้นทางบินที่นักท่องเที่ยวนิยมเดินทางเป็นจำนวนมากเช่นในภูมิภาคอินโดจีน ได้แก่ ลาว กัมพูชา เวียดนาม และประเทศฟิลิปปินส์ อินเดีย ตลอดจนบางมณฑลในประเทศจีนเป็นต้น ขณะที่ในส่วนของเส้นทางบินภายในประเทศบางจังหวัดก็จะมีการปรับเพิ่มจำนวนเที่ยวต่อวันอีกด้วย นอกจากนี้ บริษัทฯ เตรียมที่จะมีการรับมอบเครื่องบินใหม่ในปีนี้อีกจำนวน 5 ลำ โดยมีการรับมอบแล้วในช่วงไตรมาสที่ 1/2558 จำนวน 2 ลำ และจะทยอยส่งมอบจนถึงสิ้นปีนี้อีกจำนวน 3 ลำ
“การขอเพิ่มเส้นทางบินไปประเทศจีน เชื่อมั่นว่ากรมการบินพลเรือนของไทย จะแก้ไขข้อบกพร่องที่มีนัยสำคัญต่อความความปลอดภัย (Significant Safety Concern: SSC) ทั้งหมด 33 ข้อ ได้ภายใน 90 วัน หรือจะแล้วเสร็จได้ภายในช่วงเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งยืนยันว่ากรณีดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อการให้บริการในทุกเส้นทางของไทยแอร์เอเชีย ยังสามารถทำการบินได้ตามปกติ โดยเส้นทางเข้า-ออกสู่จีน ที่ขอเพิ่มหากไม่ได้รับการอนุญาตให้ทำการบิน บริษัทฯ ก็สามารถหาเส้นทางบินอื่นเข้ามาทดแทนได้ เช่นในภูมิภาคอินโดจีน แต่หากได้รับการอนุญาตก็จะเป็นไปตามแผนที่วางไว้ว่าจะสามารถเปิดให้บริการเส้นทางดังกล่าวได้ในช่วงเดือน ตุลาคม-พฤศจิกายนปีนี้”
ขณะที่ในส่วนของราคาน้ำมันที่ลดลงถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ในการสนับสนุนให้รายได้และกำไรของบริษัทฯ เติบโตขึ้น เพราะมีต้นทุนที่ลดลง โดยปัจจุบันราคาน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐต่อแกลลอน เมื่อเทียบกับปีก่อนที่เฉลี่ยอยู่ที่ 120 เหรียญสหรัฐต่อแกลลอน