ASTVผู้จัดการรายวัน-"ประยุทธ์"ประชด สร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ไม่ได้ วันหน้าเตรียมใช้ตะเกียงแทน เตรียมหาคนกลางมาช่วยเคลียร์ "ณรงค์ชัย"เมินข้อเสนอม็อบ ยันเดินหน้าสร้างต่อ ระบุภาคใต้ต้องมีพลังงานหลักผลิตไฟฟ้า ปลัดพลังงานมั่นใจไม่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและท่องเที่ยว เครือข่ายปกป้องอันดามันปักหลักประท้วงต่อ 2 แกนนำอดข้าวครบ 13 วัน ลั่นไม่สนม.44 กฎหมายคุมม็อบ แฉทหารบุกบ้านคุกคามแม่แกนนำ สั่งให้บอกลูกหยุดประท้วง "ปานเทพ-วีระ"รุดให้กำลังใจ
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการคัดค้านสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ที่จ.กระบี่ ว่า หากไม่เอา แล้วจะเอาอะไร ไปทำมาสิ ปัญหานี้ กระทรวงพลังงานได้พูดคุยกับกลุ่มคัดค้านมาโดยตลอด แต่คุยกันไม่รู้เรื่อง สื่อก็ไปช่วยคุยแล้วกัน โดยแนวโน้มของรัฐบาล คือ ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็ไม่ทำ ถ้าไฟฟ้าไม่มีใช้ ก็ไปรับผิดชอบกันในวันหน้า จบ ส่วนการผลิตไฟฟ้าโดยใช้ปาล์มน้ำมัน ขณะนี้สั่งให้เขาไปทำอยู่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ถ้าชาวบ้านยังยืนยันที่จะปักหลักประท้วง จะทำอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า มาก็มาสิ ไม่กลับก็ไม่กลับ สื่อก็ไปบอกให้เขาปรับสิ หากอยู่วันหลังก็จะเดือดร้อน เพราะมีกฎหมาย แต่ตนไม่อยากใช้ อยากให้มาพูดคุยกันดีๆ กระทรวงพลังงานมีหน้าที่ชี้แจงในส่วนของราชการ ผู้คัดค้านมีอะไรก็มาพูด ให้เจอกัน ถ้าพูดกันไม่รู้เรื่อง เดี๋ยวตนจะหาคนกลางไปพูด มันก็แค่นั้น ซึ่งข้าราชการก็จำเป็นต้องทำตามกฎหมายในการจัดหาพลังงาน ทำได้ก็ทำ ทำไม่ได้ก็ไม่ทำ ไปหาทางอื่นทำ ถ้าทำไม่ได้เลย วันหน้าก็ใช้ตะเกียงเอา จบ
***"ณรงค์ชัย"สั่งเดินหน้าสร้างตามแผน
นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงานเร่งทำความเข้าใจการดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ ว่า กระทรวงพลังงานจะพยายามทำการชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ พร้อมกับการเดินหน้าเพื่อให้โรงไฟฟ้าเป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้ เนื่องจากการก่อสร้างโรงไฟฟ้าดังกล่าว ก็เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับภาคใต้ ซึ่งจำเป็นจะต้องพึ่งพิงไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงหลักซึ่งขณะนี้ก็คือต้องพึ่งก๊าซธรรมชาติและถ่านหิน 60% ที่เหลือเป็นพลังงานทดแทนทั้งจากน้ำแสงอาทิตย์ ชีวมวล และลม เป็นต้น
ส่วนกรณีที่มีการระบุว่าพลังงานทดแทนในภาคใต้ ให้นำปาล์มน้ำมันมาผลิตไฟฟ้านั้น พบว่าแม้จะสนับสนุน แต่ก็ผลิตได้ไม่เกิน 200กว่าเมกะวัตต์ และพลังงานทดแทนเหล่านี้ จะเกิดไม่ได้ หากไม่มีพลังงานหลัก เพราะการผลิตไฟฟ้าจะไม่พอจากพลังงานทดแทนเมื่อเทียบกับการใช้ไฟของภาคใต้ ขณะเดียวกันต้องเข้าใจว่าพลังงานทดแทน ไม่สามารถจะสั่งการเดินเครื่องได้ตลอดเวลา เนื่องจากขึ้นอยู่กับธรรมชาติ
ส่วนกรณีที่ฝ่ายต่อต้านเสนอ3 แนวทาง โดยเฉพาะให้ยกเลิกประมูลโรงไฟฟ้าถ่านหินมีการจัดตั้งคณะกรรมการหารือกัน ตนไม่รับทราบเรื่องนี้
"เราใช้หลักคิดที่พลังงานหลักจะต้องอยู่ร่วมกับพลังงานทดแทน จะมีตัวใดตัวหนึ่งไม่ได้ และพลังงานหลักภาพรวมและภาคใต้เองเวลานี้เองก็พึ่งก๊าซฯ มากไป อย่างวันนี้ก๊าซฯ จากพื้นที่พัฒนาร่วมไทย-มาเลเซียหรือ JDA หยุดจ่าย 21-25 ก.ค. ก็จะกระทบทันที ดังนั้น ตามแผนพัฒนากำลังการผลิตไฟฟ้าหรือ PDP 2015 จึงพยายามลดการใช้ก๊าซฯ ที่มีความเสี่ยงจากทั้งความมั่นคงและราคามาเพิ่มสัดส่วนถ่านหินที่มีสต็อกมากและราคาต้นทุนต่ำ"นายณรงค์ชัยกล่าว
ทั้งนี้ ไฟภาคใต้ผลิตเองไม่พอใช้ ส่วนหนึ่งต้องป้อนจากภาคกลาง การดำเนินงาน ก็มีการรับฟังความเห็นในการดูแลสิ่งแวดล้อม ซึ่งวันที่ 25 ก.ค. ก็จะเปิดเวทีรับฟังความเห็นในส่วนของโรงไฟฟ้ากระบี่เทพา จ.สงขลา ซึ่งยืนยันว่ามีการเปิดรับฟังความเห็นให้คนในพื้นที่ได้นำเสนอปัญหาและหาข้อตกลงร่วมกัน ดังนั้น ผู้ที่มาต่อต้านน่าจะไปพูดคุยกับคนในพื้นที่มากกว่า คนกรุงเทพฯคงจะไม่สนใจอะไร
***พลังงานยืนยันต้องมีโรงไฟฟ้า
นายคุรุจิต นาครทรรพ ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า กระทรวงพลังงานขอชี้แจงถึงกรณีที่มีกลุ่มคัดค้านการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ ได้ยื่นข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ได้แก่ 1.ให้ยกเลิกรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม 2.เสนอให้เลื่อนการเปิดประมูลโครงการในวันที่ 5 ส.ค.นี้ ออกไปไม่มีมีกำหนด และ3.การตั้งคณะกรรมการร่วมกันก่อนมีการพิจารณาใดๆ นั้น กระทรวงฯ ขอน้อมรับฟังความคิดเห็น พร้อมยืนยันว่าการเตรียมการสร้างโรงไฟฟ้าเทคโนโลยีถ่านหินสะอาด และท่าเทียบเรือบ้านคลองรั้ว ที่ จ.กระบี่ ได้ดำเนินการตามขั้นตอนที่ครบถ้วนตามกฎหมายสิ่งแวดล้อมและการรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ และได้มีการศึกษาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ของทั้ง 2 โครงการควบคู่กันมาต่อเนื่อง ซึ่งกระทรวงฯ ขอให้ประชาชนในพื้นที่มั่นใจว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินกระบี่ จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ สิ่งแวดล้อม และการท่องเที่ยวในพื้นที่อย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ความจำเป็นของการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินสะอาด ที่จ.กระบี่ ซึ่งเป็นพื้นที่เดิมที่เคยมีโรงไฟฟ้าถ่านหินลิกไนต์ ของ กฟผ. อยู่แล้วนั้น เพื่อจัดหาไฟฟ้าให้เพียงพอในอนาคต และเป็นไปตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP 2015) เพื่อความมั่นคงทางพลังงาน โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ ซึ่งมีแนวโน้มของการใช้ไฟฟ้าในอัตราที่สูงขึ้นทุกปีอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจะเป็นการกระจายความเสี่ยงของแหล่งเชื้อเพลิงในการผลิตไฟฟ้า เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยมีการพึ่งพาก๊าซธรรมชาติในการผลิตไฟฟ้าสูงถึงเกือบร้อยละ 70 ของการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด ที่สำคัญต้นทุนของเชื้อเพลิงถ่านหินเพื่อผลิตไฟฟ้าต่อหน่วย จะทำให้ราคาค่าไฟฟ้ามีเสถียรภาพ ช่วยให้เศรษฐกิจของไทยก้าวหน้าไปได้อย่างมั่นคงและแข่งขันได้ในเวทีโลก เมื่อเทียบกับเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ ที่ราคาแพงกว่า
นอกจากนี้ หากต้องนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว หรือ LNG เพื่อผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น เพื่อมาทดแทนการใช้เชื้อเพลิงถ่านหินสะอาด ก็จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อราคาค่าไฟฟ้าที่จำเป็นต้องปรับเพิ่มขึ้นตามต้นทุนเชื้อเพลิง และกระทบต่อทุกภาคส่วนของสังคมไทย รวมถึงการท่องเที่ยวและการพาณิชย์บริการด้วย และยังจะกระทบต่อคนไทยส่วนใหญ่ที่อาจต้องจ่ายค่าไฟฟ้าแพงขึ้น หากโครงการโรงไฟฟ้าต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนดตามข้อเรียกร้อง
** กลุ่มต้านไม่สน ม.44-กม.คุมม็อบ
วันเดียวกันนี้ เมื่อเวลา 09.00 น. กลุ่มเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านหิน และกลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านโรงไฟฟ้า จ.กระบี่ กว่า 150 คน เคลื่อนขบวนจากจุดพักแรม ที่วัดโสมนัสราชวรวิหาร ข้างทำเนียบรัฐบาล เดินจุดเทียนเชิงสัญลักษณ์รอบทำเนียบรัฐบาล เป็นจำนวน 3 รอบ เพื่อต้องการสื่อสารไปยังนายกรัฐมนตรีให้เปิดกว้าง และเห็นคุณค่าของพลังงานสะอาด ที่ไม่ใช่พลังงานสกปรก หลังจากที่เมื่อวันที่ 21 ก.ค. ที่ผ่านมา ทางกลุ่มเครือข่ายฯ ได้ออกแถลงการณ์ตอบโต้นายกรัฐมนตรี ที่ยังคงไม่ให้คำตอบในการแก้ไขปัญหา
นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล ตัวแทนกลุ่มฯ กล่าวว่า จากที่นายกฯ ตั้งข้อสังเกตว่า ทางกลุ่มอดอาหารจริงหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่า ทางกลุ่มเพียงแต่ดื่มน้ำเท่านั้น และไม่กังวลต่อการที่รัฐบาลจะบังคับใช้ พ.ร.บ.การชุมนุมในที่สาธารณะในช่วงสิ้นเดือน ซึ่งรวมถึง มาตรา 44 ด้วย เนื่องจากการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินนั้นมีผลกระทบที่น่ากลัวกว่าการบังคับใช้กฎหมายดังกล่าว ซึ่งนายกรัฐมนตรีจะเลือกรักษาทรัพยากรธรรมชาติ หรือบังคับใช้กฎหมายกับทางกลุ่มเครือข่ายฯ
อย่างไรก็ตาม กลุ่มเครือข่ายฯ ยืนยันว่า จะปักหลักเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม จนกว่านายกรัฐมนตรี จะออกมาตอบข้อเรียกร้องทั้ง 3 ข้อ คือ จะต้องยุติโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ และ ยกเลิกรายงานผลกระทบด้านสุขภาพและสิ่งแวดล้อมหรือ EHIA ที่ไม่มีความเป็นธรรม และ จะต้องจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อพิจารณาข้อเสนอเรื่องพลังงานหมุนเวียนจากน้ำมันปาล์ม ที่ทางกระบี่ขอเป็นผู้ผลิตไฟฟ้าใช้เองก่อนในพื้นที่ ภายใน 3 ปี
** อดอาหารเข้าวันที่ 13 แล้ว
ต่อมาเวลา 12.00 น. นายอัครเดช ฉากจินดา ตัวแทนกลุ่มฯ กล่าวว่า ทางกลุ่มฯ รอให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร เพื่อที่จะได้แยกย้ายกลับบ้าน จากกรณีที่เมื่อวันที่ 21ก.ค. ที่นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้กระทรวงพลังงานไปดูเรื่องนี้ ตนเห็นว่าทางกลุ่มเครือข่ายฯ ได้ศึกษาเรื่องนี้ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียงมานาน และทำได้สำเร็จแล้วใน จ.กระบี่ จึงอยากถามรัฐบาลว่า จะศึกษาอะไรอีก ซึ่งตนเห็นว่าควรให้การสนับสนุน และลงมาดูงานที่ จ.กระบี่ มากกว่า ทั้งนี้จากที่นายกรัฐมนตรี ได้พูดถึง ที่ทางกลุ่มอดอาหาร อดจริงหรือไม่นั้น ตนเห็นว่า ไม่เป็นธรรม คิดว่านายกฯคงไม่ทราบว่า คนที่อดอาหารสามารถอยู่ได้เป็นเดือน ถ้ามีจิตใจที่แข้มแข็ง เรื่องแค่นี้ทำได้ไม่ยาก
"ขณะนี้มีกลุ่มพี่น้องชาวภาคใต้ เริ่มทยอยขึ้นมาสมทบ เพราะว่าการสร้างโรงไฟฟ้าในพื้นที่ เป็นสิ่งที่ไม่เหมาะสม และไม่ชอบด้วยกฎหมาย"
สำหรับบรรยากาศการรักษาความปลอดภัย เบื้องต้น มีเจ้าหน้าที่ 50 นาย จากกองอารักขาและควบคุมฝูงชน และกองบังคับการตำรวจนครบาล1 ตรึงกำลังรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ขณะที่ นายอัครเดช และ นายประสิทธิชัย ได้อดอาหารเข้าสู่วันที่ 13 แล้ว นับจากวันที่ 10ก.ค. ที่ผ่านมา
**ทหารบุกกดดันบ้านแกนนำม็อบ
นายประสิทธิ์ชัย หนูนวล กล่าวว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารจำนวน 1 คันรถ ประมาณ 7 นาย บุกไปยังบ้านของตน ที่ จ.พัทลุง จากนั้นได้มีการข่มขู่คุกคามแล้วเตือนมารดาของตน ซึ่งมีอายุ 65 ปี เพื่อให้ตนเลิกประท้วงต่อต้านโรงไฟฟ้าถ่านหิน อย่างไรก็ตาม หากทหารมีปัญหา ก็สามารถเข้ามาพูดคุยเพื่อทำความเข้าใจกันได้ แต่การไม่พูดคุยแสดงว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐ ไม่มีข้อมูลที่จะมาโต้แย้งกันทางเครือข่าย กลับใช้วิธีการโดยใช้อำนาจข่มขู่มารดาของตน จึงขอฝากไปยัง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. ว่า การใช้วิธีการข่มขู่ผู้ที่เห็นต่าง คือการทำลายตัวรัฐบาลเอง ถือเป็นการใช้อำนาจที่ผิด การใช้อำนาจไม่มีทางที่จะนำไปสู่ข้อยุติของปัญหา หากมีการเพิ่มปัญหาขึ้นไปอีก ยืนยันว่าทางเครือข่ายไม่ได้ขัดขวางการพัฒนา แต่เราต้องการพลังงานที่สะอาดร้อยเปอร์เซ็นต์ และการกระทำของรัฐบาลไม่มีทางหยุดอุดมการณ์ของเครือข่ายได้ เพราะยิ่งมีข่มขู่ก็จะยิ่งเพิ่มพลังในการต่อสู้มากขึ้น
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงสายวันที่ 22 ก.ค. ได้มีเจ้าหน้าที่ทหารในพื้นที่ จ.พัทลุงเดินทางไปที่บ้านพักของนายประสิทธิชัย โดยญาติระบุว่าทหารได้พูดจากดดันนางเหวียน หนูนวล ซึ่งเป็นมารดาให้บอกนายประสิทธิชัยเลิกเคลื่อนไหวประท้วงโรงไฟฟ้าถ่านหิน ต่อมานางเหวียนได้ย้ายไปพักอยู่บ้านญาติ เนื่องจากไม่มั่นใจในความปลอดภัย
** "ปานเทพ-วีระ"ไปให้กำลังใจ
ขณะเดียวกัน นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนายวีระ สมความคิด ตัวแทนเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) เดินทางมาให้กำลังใจกลุ่มเครือข่ายฯ โดยนายปานเทพ กล่าวว่า รู้สึกเสียใจที่รัฐบาลจากการรัฐประหารไม่ฟังเสียงของประชาชน อีกทั้งยังมีการข่มขู่คุกคามผู้เห็นต่าง ในนามเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงานไทย (คปพ.) จึงขอสนับสนุนเครือข่ายเครือข่ายปกป้องอันดามันจากถ่านดิน รัฐบาลไม่ควรตั้งธงก่อนที่จะมีการศึกษาผลกระทบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น EIA หรือ EHIA และเรื่องนี้ไม่ควรให้มีการร่างเป็นกฏหมายแล้วค่อยมาปรับแก้ในชั้นกรรมาธิการ เพราะจะไม่สามารถแก้ไขในรายละเอียดที่เป็นหลักการใหญ่ได้
ดังนั้น ก่อนการตัดสินใจ รัฐบาลควรฟังความอย่างรอบด้านไม่ใช่ข่มขู่คุกคามประชาชนแบบนี้ เพราะถือเป็นการยั่วยุ และผลสุดท้ายรัฐบาลจะจบลงเหมือนรัฐบาลทรราชในอดีต นอกจากนี้ ขอเรียกร้องใช้รัฐบาลเปิดเวทีเพื่อให้ฝ่ายต่างๆได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าว โดยต้องมีการถ่ายทอดสดเพื่อประชาชนทั่วประเทศรับทราบด้วย
** ชาวบ้านจะฆ่าตัวตายต่อหน้านายกฯ
นายวีระ สมความคิด กล่าวว่า เมื่อตอนที่นายกรัฐมนตรีทำรัฐประหาร ประชาชนมีความหวังว่าประเทศชาติจะมีความสุข และนายกฯ ประกาศว่า คืนความสุขให้ประชาชน แต่ผ่านมาปีกว่าๆ ประชาชนเริ่มผิดหวังกับสิ่งที่รัฐบาลกำลังทำ ซึ่งสร้างความผิดหวังให้กับประเทศชาติ
ทั้งนี้ ในกรณีที่ทั้ง 2 คน กำลังเสียสละด้วยการอดอาหาร หากนายกฯ ลองมาอดดูซักวัน หากว่าเป็นเรื่องเล่นๆ ว่า ท่านนายกฯ แอบกินอาหารตอนกลางคืน หมายความว่า นายกฯ ไม่สามารถทำได้อย่างทั้ง 2 คน ขอให้เลิกดูถูกประชาชน ถ้าไม่เหลืออด ก็คงไม่ใช้วิธีนี้
"ผมได้ข้อมูลมาว่า ชาวบ้านหนองจาน ตำบลโนนหมากมุ่น ซึ่งใกล้พื้นที่ที่ตนเคยถูกทางการกัมพูชาจับตัวไป กำลังจะมีชาวบ้านมาฆ่าตัวตายต่อหน้านายกฯ เนื่องจากถูกชาวกัมพูชา บุกรุกที่ทำกิน และเมื่อไปร้องเรียนภาครัฐ ก็ได้รับการตอบกลับมาว่า ได้นัดคุยกับทางกัมพูชาแล้ว แต่เมื่อชาวบ้านไปตามนัด นายอำเภอแจ้งกลับว่า ไม่มีเรื่องดังกล่าว ทำให้รู้สึกว่าถูกหลอก จึงตัดสินใจจะมาฆ่าตัวต่อหน้านายกฯ เพื่อแสดงว่านายกฯ ใจดำ ดูแลแผ่นดินไม่ได้ปล่อยให้ประชาชนสู้ตามยถากรรม ขอฝากนายกฯ ว่ายังมีเวลาให้กลับมายอมรับความจริง ไม่ใช่ฟังความเท็จจากที่ปรึกษารอบข้าง"นายวีระกล่าว