“ชูวงษ์ แซ่ตั๊ง” เสี่ยธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสตนดาร์ด เพอร์ฟอร์แม้นซ์ จำกัด ซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ไม่เพียงแต่ทิ้งเงื่อนงำการตายอย่างมีปริศนาเท่านั้น ยังทิ้งธุรกรรมอำพรางการซื้อขายหุ้นที่ต้องสางปมกันอีกด้วย
ประเด็นการฆาตกรรมอำพรางอยู่ในความสนใจของประชาชนทั่วไป ส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการโอนและซื้อขายหุ้นกำลังอยู่ในความสนใจของนักลงทุนในตลาดหุ้น แต่ทั้งสองประเด็นต้องรอผลสอบสวนข้อเท็จจริงของตำรวจต่อไป
การเสียชีวิตของเสี่ยชูวงษ์ นอกจากเชื่อมโยงถึงธุรกรรมการโอนและซื้อขายหุ้นหลายบริษัทแล้ว ยังเกี่ยวพันไปถึงหลักสูตร วตท.ที่เสี่ยชูวงษ์กำลังอบรมอยู่ด้วย
ธุรกรรมการโอนและซื้อขายหุ้นอยู่ระหว่างการสืบค้นว่า เป็นหนึ่งในเหตุจูงใจการฆาตกรรมอำพรางหรือไม่ ซึ่งต้องปล่อยให้ตำรวจทำหน้าที่สางปม
แต่ วตท.ทำให้ผู้คนถามไถ่กันไม่น้อยว่า เป็นหลักสูตรอะไรของใคร มีความเป็นมาอย่างไร ทำไมคนอย่างเสี่ยชูวงษ์ คนอย่างพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต ส.ส.ผู้กว้างขวาง จังหวัดนครสวรรค์ พรรคเพื่อไทยจึงเข้าไปเรียนได้
วตท.หรือวิทยาการตลาดทุน (วตท.) ตั้งขึ้นปี 2548 โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสนับสนุน และก่อตั้งในยุคนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นกรรมการและผู้จัดการ วัตถุประสงค์เพื่อสร้างผู้บริหารที่มีความรู้ความสามารถด้านตลาดทุน โดยมีกิจกรรมจัดหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง
กิจกรรมการศึกษาของหลักสูตรประกอบด้วย การสร้างองค์ความรู้ทางธุรกิจตลาดทุน โดยเน้นด้านบรรษัทภิบาล การสร้างทักษะเชิงวิสัยทัศน์ การสร้างภูมิปัญญาความเป็นผู้นำ ทั้งความรู้ ความคิด และคุณธรรม
ส่วนคุณสมบัติผู้สมัครเรียนหลักสูตร วตท.ประกอบด้วย ผู้บริหารระดับสูงสถาบันการเงิน องค์กร หน่วยงานรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ การเงิน และตลาดทุน ผู้บริหารระดับสูงด้านกระบวนการยุติธรรมของรัฐ สถาบันการศึกษา สื่อมวลชน และสมาชิกรัฐสภาที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ การเงิน และตลาดทุน
และบุคคลที่ วตท.เสนอชื่อเพื่อพิจารณาเป็นนักศึกษา โดยหลักสูตรมีระยะเวลา60 ชั่วโมง จบแล้วมีประกาศนียบัตรรับรอง ค่าใช้จ่ายไม่ต้องเสีย ควักเงินเฉพาะค่ากิจกรรมในหลักสูตรเท่านั้น
วตท.จัดอบรมมาแล้ว 20 รุ่น รุ่นละร่วม 100 คน มีคนดังๆ เข้าหลักสูตรคับคั่ง แต่ชื่อคนดีๆ ที่สังคมยอมรับไม่ค่อยปรากฏ
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยเป็นประธานรุ่นที่ 12 นายพายัพ ชินวัตร ซึ่งมีข่าวเป็นระยะว่า อยู่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวหุ้นร้อนๆ หลายตัว เป็นประธานที่ปรึกษารุ่นที่ 13
นายชูวงษ์เป็นประธานรุ่นที่ 20 หรือรุ่นล่าสุด ซึ่งจะจบหลักสูตรในเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อนร่วมรุ่นประกอบด้วย พ.ต.ท.บรรยิน ซึ่งนั่งอยู่ในรถยนต์คันเกิดอุบัติเหตุข้างนายชูวงษ์ นายชัช ชลวร ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมักเป็น 1 ในเสียงข้างน้อยในมติสำคัญทางการเมืองของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
เป้าหมายของ วตท.เขียนไว้เลิศหรู แต่โดยข้อเท็จจริง หลักสูตร วตท.ก็เหมือนกับหลักสูตรจัดอบรมทั่วๆ ไป โดยเป็นแหล่งรวมของคนดีคนร้าย ซึ่งถูกจับมาละลายพฤติกรรมชั่วคราว ปรับเปลี่ยนคนดีและคนร้ายให้กลายเป็นเพื่อนร่วมรุ่น หลายคนจึงมุ่งเข้าไปสร้างเครือข่าย สร้างพวก สร้างคอนเนกชัน ไม่แตกต่างหลักสูตรอบรมทั้งหลายแหล่นั่นแหละ
วิทยากรที่ถูกคัดเลือกมาอบรมนักศึกษา ไม่ได้ถูกเฟ้นอย่างพิถีพิถัน และเน้นเฉพาะบุคคลที่รู้กระจ่างเรื่องวงการหุ้นเท่านั้น เพราะเคยเชิญอาจารย์ที่มีความเข้าใจตลาดทุนไปเป็นวิทยากร แต่กลับไม่รู้จริงเรื่องตลาดหุ้น โดยยกบทเรียนความล่มสลายของอาณาจักรบริษัทเงินทุน เอกธนกิจมาเล่าเป็นกรณีศึกษา
แต่ดันไปยกย่อง “ปิ่น จักกะพาก” ในทำนองว่าเป็นคนเก่ง เพียงแต่เกิดผิดที่ผิดเวลาเท่านั้น อาณาจักร “ฟินวัน” จึงล้มไป ทั้งที่คนในแวดวงสถาบันการเงินรู้กันทั้งนั้นว่า “ปิ่น” โกง
ไม่มีใครตั้งความหวังสักเท่าไหร่ว่า วตท.จะเป็นสถาบันที่ผลิตผู้บริหารตลาดทุนที่มีคุณธรรม มีบรรษัทภิบาล เพราะถ้าเน้นคุณธรรมและธรรมาภิบาลจริง นักศึกษาที่เข้าไปนั่งอบรมกันหน้าสลอนแต่ละรุ่น ไม่ควรมีบุคคลที่มีพฤติกรรมปั่นหุ้นเข้าร่วมหลักสูตร
ไม่ควรเชิญนักการเมือง ข้าราชการ หรือผู้บริหารองค์กรที่ไร้สำนึกด้านคุณธรรมเข้าร่วมหลักสูตร
ถ้าเน้นบรรษัทภิบาลจริง ตลาดหลักทรัพย์ฯ คงไม่เต็มไปด้วยพฤติกรรมไซฟ่อน พฤติกรรมปั่นหุ้น จนกลายเป็นชุมโจรแก๊งปั่นหุ้นเหมือนทุกวันนี้
รางวัลบรรษัทภิบาลที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือหน่วยงานในสังกัด ประกาศมอบให้บริษัทจดทะเบียนประจำปีนั้น เป็นที่รู้กันว่า เป็นเพียงรางวัลโหลๆ เพื่อสร้างภาพเท่านั้น ไม่แตกต่างจากการซื้อประกาศนียบัตรด็อกเตอร์ตามห้องแถวแต่อย่างใด
และถ้าผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ เน้นพิเศษด้านคุณธรรมจริง หุ้นเน่าๆ บริษัทจดทะเบียนจอมขี้โกง คงไม่ได้เข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้น ส่วนคนที่สังคมไม่ยอมรับ คงไม่ได้มีโอกาสอาศัยหลักสูตร วตท.ฟอกตัว
ต้องยอมรับว่า หลักสูตร วตท.มาแรง ใครๆ ก็อยากเข้าเรียน เพียงแต่คนดีๆ ไม่มีใครใส่ใจดิ้นรนอยากอบรมเท่าไหร่ เพราะเมื่อรับนักศึกษาไม่เลือกหน้า คนดีคนร้ายผสมปนเปจนมั่ว คนดีๆ จึงถือเป็นที่อโคจร
ใครอยากสร้างพวก สร้างภาพ ฟอกตัว ได้พกประกาศนียบัตรจบหลักสูตรตลาดหุ้นไว้โก้ๆ เชิญตามสบายที่ วตท.
ประเด็นการฆาตกรรมอำพรางอยู่ในความสนใจของประชาชนทั่วไป ส่วนประเด็นที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมการโอนและซื้อขายหุ้นกำลังอยู่ในความสนใจของนักลงทุนในตลาดหุ้น แต่ทั้งสองประเด็นต้องรอผลสอบสวนข้อเท็จจริงของตำรวจต่อไป
การเสียชีวิตของเสี่ยชูวงษ์ นอกจากเชื่อมโยงถึงธุรกรรมการโอนและซื้อขายหุ้นหลายบริษัทแล้ว ยังเกี่ยวพันไปถึงหลักสูตร วตท.ที่เสี่ยชูวงษ์กำลังอบรมอยู่ด้วย
ธุรกรรมการโอนและซื้อขายหุ้นอยู่ระหว่างการสืบค้นว่า เป็นหนึ่งในเหตุจูงใจการฆาตกรรมอำพรางหรือไม่ ซึ่งต้องปล่อยให้ตำรวจทำหน้าที่สางปม
แต่ วตท.ทำให้ผู้คนถามไถ่กันไม่น้อยว่า เป็นหลักสูตรอะไรของใคร มีความเป็นมาอย่างไร ทำไมคนอย่างเสี่ยชูวงษ์ คนอย่างพ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต ส.ส.ผู้กว้างขวาง จังหวัดนครสวรรค์ พรรคเพื่อไทยจึงเข้าไปเรียนได้
วตท.หรือวิทยาการตลาดทุน (วตท.) ตั้งขึ้นปี 2548 โดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยสนับสนุน และก่อตั้งในยุคนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นกรรมการและผู้จัดการ วัตถุประสงค์เพื่อสร้างผู้บริหารที่มีความรู้ความสามารถด้านตลาดทุน โดยมีกิจกรรมจัดหลักสูตรผู้บริหารระดับสูง
กิจกรรมการศึกษาของหลักสูตรประกอบด้วย การสร้างองค์ความรู้ทางธุรกิจตลาดทุน โดยเน้นด้านบรรษัทภิบาล การสร้างทักษะเชิงวิสัยทัศน์ การสร้างภูมิปัญญาความเป็นผู้นำ ทั้งความรู้ ความคิด และคุณธรรม
ส่วนคุณสมบัติผู้สมัครเรียนหลักสูตร วตท.ประกอบด้วย ผู้บริหารระดับสูงสถาบันการเงิน องค์กร หน่วยงานรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ การเงิน และตลาดทุน ผู้บริหารระดับสูงด้านกระบวนการยุติธรรมของรัฐ สถาบันการศึกษา สื่อมวลชน และสมาชิกรัฐสภาที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจ การเงิน และตลาดทุน
และบุคคลที่ วตท.เสนอชื่อเพื่อพิจารณาเป็นนักศึกษา โดยหลักสูตรมีระยะเวลา60 ชั่วโมง จบแล้วมีประกาศนียบัตรรับรอง ค่าใช้จ่ายไม่ต้องเสีย ควักเงินเฉพาะค่ากิจกรรมในหลักสูตรเท่านั้น
วตท.จัดอบรมมาแล้ว 20 รุ่น รุ่นละร่วม 100 คน มีคนดังๆ เข้าหลักสูตรคับคั่ง แต่ชื่อคนดีๆ ที่สังคมยอมรับไม่ค่อยปรากฏ
นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยเป็นประธานรุ่นที่ 12 นายพายัพ ชินวัตร ซึ่งมีข่าวเป็นระยะว่า อยู่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวหุ้นร้อนๆ หลายตัว เป็นประธานที่ปรึกษารุ่นที่ 13
นายชูวงษ์เป็นประธานรุ่นที่ 20 หรือรุ่นล่าสุด ซึ่งจะจบหลักสูตรในเดือนกรกฎาคมนี้ เพื่อนร่วมรุ่นประกอบด้วย พ.ต.ท.บรรยิน ซึ่งนั่งอยู่ในรถยนต์คันเกิดอุบัติเหตุข้างนายชูวงษ์ นายชัช ชลวร ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งมักเป็น 1 ในเสียงข้างน้อยในมติสำคัญทางการเมืองของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
เป้าหมายของ วตท.เขียนไว้เลิศหรู แต่โดยข้อเท็จจริง หลักสูตร วตท.ก็เหมือนกับหลักสูตรจัดอบรมทั่วๆ ไป โดยเป็นแหล่งรวมของคนดีคนร้าย ซึ่งถูกจับมาละลายพฤติกรรมชั่วคราว ปรับเปลี่ยนคนดีและคนร้ายให้กลายเป็นเพื่อนร่วมรุ่น หลายคนจึงมุ่งเข้าไปสร้างเครือข่าย สร้างพวก สร้างคอนเนกชัน ไม่แตกต่างหลักสูตรอบรมทั้งหลายแหล่นั่นแหละ
วิทยากรที่ถูกคัดเลือกมาอบรมนักศึกษา ไม่ได้ถูกเฟ้นอย่างพิถีพิถัน และเน้นเฉพาะบุคคลที่รู้กระจ่างเรื่องวงการหุ้นเท่านั้น เพราะเคยเชิญอาจารย์ที่มีความเข้าใจตลาดทุนไปเป็นวิทยากร แต่กลับไม่รู้จริงเรื่องตลาดหุ้น โดยยกบทเรียนความล่มสลายของอาณาจักรบริษัทเงินทุน เอกธนกิจมาเล่าเป็นกรณีศึกษา
แต่ดันไปยกย่อง “ปิ่น จักกะพาก” ในทำนองว่าเป็นคนเก่ง เพียงแต่เกิดผิดที่ผิดเวลาเท่านั้น อาณาจักร “ฟินวัน” จึงล้มไป ทั้งที่คนในแวดวงสถาบันการเงินรู้กันทั้งนั้นว่า “ปิ่น” โกง
ไม่มีใครตั้งความหวังสักเท่าไหร่ว่า วตท.จะเป็นสถาบันที่ผลิตผู้บริหารตลาดทุนที่มีคุณธรรม มีบรรษัทภิบาล เพราะถ้าเน้นคุณธรรมและธรรมาภิบาลจริง นักศึกษาที่เข้าไปนั่งอบรมกันหน้าสลอนแต่ละรุ่น ไม่ควรมีบุคคลที่มีพฤติกรรมปั่นหุ้นเข้าร่วมหลักสูตร
ไม่ควรเชิญนักการเมือง ข้าราชการ หรือผู้บริหารองค์กรที่ไร้สำนึกด้านคุณธรรมเข้าร่วมหลักสูตร
ถ้าเน้นบรรษัทภิบาลจริง ตลาดหลักทรัพย์ฯ คงไม่เต็มไปด้วยพฤติกรรมไซฟ่อน พฤติกรรมปั่นหุ้น จนกลายเป็นชุมโจรแก๊งปั่นหุ้นเหมือนทุกวันนี้
รางวัลบรรษัทภิบาลที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือหน่วยงานในสังกัด ประกาศมอบให้บริษัทจดทะเบียนประจำปีนั้น เป็นที่รู้กันว่า เป็นเพียงรางวัลโหลๆ เพื่อสร้างภาพเท่านั้น ไม่แตกต่างจากการซื้อประกาศนียบัตรด็อกเตอร์ตามห้องแถวแต่อย่างใด
และถ้าผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ เน้นพิเศษด้านคุณธรรมจริง หุ้นเน่าๆ บริษัทจดทะเบียนจอมขี้โกง คงไม่ได้เข้ามาซื้อขายในตลาดหุ้น ส่วนคนที่สังคมไม่ยอมรับ คงไม่ได้มีโอกาสอาศัยหลักสูตร วตท.ฟอกตัว
ต้องยอมรับว่า หลักสูตร วตท.มาแรง ใครๆ ก็อยากเข้าเรียน เพียงแต่คนดีๆ ไม่มีใครใส่ใจดิ้นรนอยากอบรมเท่าไหร่ เพราะเมื่อรับนักศึกษาไม่เลือกหน้า คนดีคนร้ายผสมปนเปจนมั่ว คนดีๆ จึงถือเป็นที่อโคจร
ใครอยากสร้างพวก สร้างภาพ ฟอกตัว ได้พกประกาศนียบัตรจบหลักสูตรตลาดหุ้นไว้โก้ๆ เชิญตามสบายที่ วตท.