“ดอนเมือง”สุดโกลาหล หลังทอท.ปรับมาตรการเอ็กซเรย์กระเป๋า สแกนทุกใบหวังอุดช่องโหว่ ICAO พบกระทบความปลอดภัย ทำผู้โดยสารรอคิวแน่นนานนับชั่วโมง”ประจิน”เต้นสั่งแก้ด่วน ชี้ไม่ทดลองก่อนเลยป่วน สุดท้ายต้องกลับไปใช้แบบเดิม พร้อมไฟเขียว ทอท.เตรียมชงบอร์ด 22 ก.ค.นี้ สบช่องขอซื้อเครื่องซีทีเอ็กซ์ที่สุวรรณภูมิใหม่ โล๊ะ 26 เครื่องเก่ายุค”ทักษิณ” อ้างใช้งานนาน อะไหล่จะไม่ผลิต ไม่เกี่ยว”แจ๊ด ปืนจิ๋ว”
จากกรณีที่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ได้ออกประกาศท่าอากาศยานดอนเมืองใหม่ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยทำการปรับเพิ่มมาตรการการรักษาความปลอดภัย ด้วยการตรวจค้นและเอ็กซเรย์กระเป๋า สัมภาระของผู้โดยสารทุกชิ้นที่นำเข้าไปในพื้นที่เช็คอินเพื่อเป็นการป้องกันการแทรกแซงโดยมิชอบด้วยกฎหมายซึ่งการเพิ่มมาตรการดังกล่าวทำให้เกิดความล่าช้าในขั้นตอนการเช็คอิน โดยผู้โดยสารภายในประเทศควรมาถึงภายในสนามบินล่วงหน้าอย่างน้อย 2 ชั่วโมงครึ่ง และ ผู้โดยสารขาออกต่างประเทศควรมาถึงภายในสนามบินล่วงหน้าอย่างน้อย 3 ชั่วโมงนั้น ปรากฏว่า ตั้งแต่ช่วงเช้าของวานนี้ (20 ก.ค.) ผู้โดยสารจำนวนมากต้องเข้าคิวเพื่อรอตรวจเอ็กซเรย์กระเป๋าทุกใบแน่นขนัด ส่งผลให้การเดินทางล่าช้าแล้ว
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า กรณีดังกล่าวเป็นมาตรการที่เป็นมาตรการดูแลด้าน ความปลอดภัย (Safety) และรักษาความปลอดภัย (Security) ของกรมการบินพลเรือน (บพ.) ซึ่งดำเนินการตามมาตรการที่องค์การการบินพลเรือนระหว่างประเทศ (ICAO) ให้ไว้ โดยได้ตรวจพบที่ดอนเมืองมีความสุ่มเสี่ยงจึงให้มีการเพิ่มมาตรการ ซึ่งเมื่อพบว่าการเพิ่มมาตรการตรวจค้นกระเป๋าสัมภาระดังกล่าวส่งผลกระทบกับบริการผู้โดยสาร ทาง ผู้บริหาร บพ.และ ท่าอากาศยานดอนเมือง ได้ประชุมหารือร่วมกันและสรุปว่าจะกลับไปใช้มาตรการตรวจกระเป๋าสัมภาระเดิม คือเอ็กซเรย์เฉพาะกระเป๋าที่ทำการโหลดขึ้นเครื่องบินเท่านั้น
ส่วนกระเป๋าที่ติดตัวขึ้นเครื่องนั้นจะทำการตรวจค้นในพื้นที่ด้านใน โดยทอท.จะจัดทีมเจ้าหน้าที่สุ่มในการสังเกตการณ์ความผิดปกติเป็นรายๆ แทน
“การเพิ่มมาตรการเอ็กซเรย์ เป็นดุลยพินิจของทอท.เอง เมื่อตัดสินใจก็ทำทันที แต่ลืมนึกถึงผลกระทบ พอมีปัญหา จะเพิ่มเครื่องเอ็กซเรย์ก็ไม่ได้เพราะดอนเมืองคือมีพื้นที่แคบ ส่วน ทาง ICAO ไม่ได้บอกให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ อย่างไรก็ตาม ในเวลาประมาณ 18.00 น.ผมจะเดินทางไปตรวจสอบสถานการณ์ที่สนามบินดอนเมืองพร้อมทั้งให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ด้วย”พล.อ.อ.ประจินกล่าว
ทั้งนี้ การตรวจเอ็กซเรย์เดิมที่สนามบินดอนเมืองนั้น หลังจากเดินเข้าประตูอาคารผู้โดยสารจะมีการเครื่องเอ็กซเรย์ เฉพาะกระเป๋าสัมภาระที่ต้องการโหลดใต้ท้องเครื่องบินโดยจะมีสติ๊กเกอร์ปิดไว้ ส่วนกระเป๋าสัมภาระที่จะถือขึ้นเครื่องนั้นไม่ต้องผ่านเครื่องเอ็กซเรย์ จากนั้นผู้โดยสารจะเข้าสู่ขั้นตอนการเช็คอิน โดยกระเป๋าที่โหลดนั้นจะส่งเข้าสู่สายพานผ่านกระบวนการตรวจสอบด้วยเครื่องเอ็กซเรย์อีกรอบ จึงจะนำขึ้นเครื่องบินได้ เป็นมาตรการปกติ ซึ่งเมื่อผ่านเข้าไปในพื้นที่เช็คอิน เกิดเป็นข้อสงสัยในเรื่องความปลอดภัย กรณีเกิดเหตุจะมาจากการที่ท่าอากาศยานดอนเมืองไม่มีระบบการตรวจสอบก่อนผ่านเข้าพื้นที่เช็คอินหรือไม่
แต่ปัจจุบันได้เพิ่มขั้นตอนในการเอ็กซเรย์กระเป๋าสัมภาระที่ผู้โดยสารถือขึ้นเครื่องด้วย ถือว่าเป็นการเอ็กซเรย์กระเป๋าทุกใบ ทำให้ผู้โดยสารต้องรอคิวนานโดยทอท.ได้ประกาศว่า ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2558 ท่าอากาศยานดอนเมือง ได้ดำเนินการปรับมาตรการรักษาความปลอดภัยให้เหมาะสมยิ่งขึ้นโดยจะทำการเอ็กซเรย์กระเป๋าสัมภาระเฉพาะที่จะโหลดลงใต้ท้องเครื่อง (Check - in Baggage) ส่วนกระเป๋าที่ถือติดตัวขึ้นเครื่องจะทำการเอ็กซเรย์ ณ จุดตรวจค้นผู้โดยสาร
โดยเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ของสายการบินเข้มงวดในการตรวจกระเป๋าสัมภาระและสติกเกอร์ก่อนเช็คอินและโหลดขึ้นเครื่องทุกครั้ง รวมทั้งจะมีเจ้าหน้าที่ของท่าอากาศยานเข้าควบคุมการปฏิบัติงานในขั้นตอนการตรวจสติกเกอร์ด้วยเช่นกัน เพื่อความมั่นใจในมาตรการรักษาความปลอดภัยดังกล่าว ทั้งนี้ ห้ามมิให้ผู้โดยสารเปิดกระเป๋าสัมภาระที่ผ่านขั้นตอนการเอ็กซเรย์และติดสติกเกอร์แล้ว หากมีการตรวจพบว่าสติกเกอร์ที่ติดกระเป๋าสัมภาระมีการชำรุดจะต้องทำการเอ็กซเรย์กระเป๋าใหม่ โดยยืนยัน มาตรการรักษาความปลอดภัยของดอนเมืองยังคงเป็นไปตามมาตรฐานสากล
”ประจิน”ไฟเขียวทอท. เปลี่ยนCTXสุวรรณภูมิใหม่
พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า ได้รับรายงานจาก ทอท.ถึงแนวทางการปรับเปลี่ยนเครื่อง ตรวจจับวัตถุระเบิด ซีทีเอ็กซ์ 9000 ของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ใหม่ เพื่อให้มีความทันสมัย ซึ่งในหลักการไม่ขัดข้องโดยยังอยู่ในขั้นตอนที่ทอท.จะต้องศึกษารายละเอียดความเหมาะสมก่อน
ด้านนายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพกร ในฐานะประธานคณะกรรมการ (บอร์ด) ทอท.กล่าวว่า ในการประชุมบอร์ดทอท.วันที่ 22 ก.ค.นี้ จะมีการพิจารณาแผนการปรับเปลี่ยนเครื่องซีทีเอ็กซ์ที่สุวรรณภูมิใหม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการหารือถึงแนวคิดดังกล่าวไปบ้างแล้ว ซึ่งทอท.จะต้องไปศึกษารายละเอียดของเครื่องที่มีความเหมาะสม พร้อมทำเตรียมจัดทำร่างเงื่อนไขการประกวดราคาการจัดซื้อ(TOR) แผนการติดตั้ง ซึ่งมีความสำคัญมาก เนื่องจากในช่วงเปลี่ยนจากเครื่องซีทีเอ็กซ์เก่าเป็นเครื่องใหม่นั้นจะต้องไม่กระทบต่อการให้บริการ การตรวจสอบกระเป๋าสัมภาระต้องไม่สะดุด คาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการจัดซื้อและปรับเปลี่ยนติดตั้งเครื่องใหม่ทดแทนเครื่องซีทีเอ็กซ์ 26 เครื่อง กว่า 3 ปี
ทั้งนี้ สาเหตุที่ต้องมีการเปลี่ยนเครื่องซีทีเอ็กซ์ใหม่ เนื่องจากเครื่องเดิมมีอายุใช้งานนานแล้วตั้งแต่เปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ประกอบกับจะไม่มีการผลิตอะไหล่ใน 4-5 ปีข้างหน้า ส่วนเครื่องซีทีเอ็กซ์ใหม่นั้นจะเป็นรุ่นที่มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น สามารถตรวจกระเป๋าและประมวลผลได้รวดเร็วมากขึ้น เป็นเรื่องของเทคโนโลยีทีดีขึ้นตามยุคสมัย
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับเครื่อง ซีทีเอ็กซ์ 9000จำนวน26 เครื่องนั้น ได้มีการจัดซื้อเมื่อครั้งก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ ยุคพล.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดย บริษัทท่าอากาศยานสากลกรุงเทพแห่งใหม่ (บทม.) ในขณะนั้น ได้ทำสัญญา จัดซื้อจัดจ้างจากกลุ่มไอทีโอ ในวงเงิน 2,608 ล้านบาทขณะที่ไอทีโอจัดซื้อจัดจ้างจากแพทริออท เป็นเงิน 2,003 ล้านบาท โดยแพทริออท จัดซื้อจัดจ้างจากอินวิชั่น อีกทอดในราคา 1,432 ล้านบาท จนเป็นที่มาของข้อสงสัยว่าการจัดซื้อครั้งนั้น เป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่ และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เข้ามาตรวจสอบ ซึ่งการเปลี่ยนเครื่องซีทีเอ็กซ์ใหม่หลังจากใช้งานมาได้ 10 ปี ทอท.ได้ยืนยันว่า มีแนวคิดก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ พล.ต.อ.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางออกจากท่าอากาศยานสุวรรณภูมิโดยนำปืนพกพาขนาดเล็กไว้ภายในกระเป๋าโดยไม่มีการตรวจพบ จนกระทั่ง ถูกจับกุมที่ท่าอากาศยานนานาชาตินาริตะ ประเทศญี่ปุ่น
อย่างไรก็ตาม นายประสงค์ได้กล่าวถึงกรณีการเพิ่มมาตรการเอ็กซเรย์กระเป๋าที่ดอนเมืองจนทำให้ผู้โดยสารเกิดความคับคั่งว่า ได้เห็นภาพผู้ดดยสารต่อคิวเพื่อรอตรวจเอ็กซเรย์กระเป๋าที่สนามบินดอนเมืองรู้สึกตกใจมาก จึงรีบประชุมร่วมกับ บพ.และผู้เกี่ยวข้อง และได้ข้อสรุปในเวลา 15.00 น. ว่า จะใช้มาตรการตรวจกระเป๋าตามเดิม ซึ่งจะใช้เป็นมาตรการชั่วคราว เนื่องจาก ทอท.อยู่ระหว่างปรับปรุงอาคารเทียบเครื่องบิน หมายเลข 5 และปรับปรุงอาคารผู้โดยสาร อาคาร 2 โดย จะแล้วเสร็จในเดือนส.ค. 2558 และกำหนดเปิดให้บริการได้ประมาณปลายเดือนก.ย.2558 โดยมีพื้นที่ 106,586.5 ตารางเมตร รองรับผู้โดยสารได้เพิ่มจาก 18.5 ล้านคน เป็น 30 ล้านคนต่อปี ซึ่งจะปรับการให้บริการใหม่ โดยแยกผู้โดยสารภายในและระหว่างประเทศออกจากกัน จะทำให้มีพื้นที่มากขึ้น โดยจะมีการติดตั้งระบบเอ็กซเรย์ที่มีจอภาพ มองเห็นสัมภาระภายในกระเป๋าได้ ซึ่งจะทำให้การเอ็กซเรย์ทำได้รวดเร็ว