พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เดินทางกลับถึงประเทศไทยแล้ว หลังจากที่อัยการญี่ปุ่นสั่งไม่ฟ้องคดีพกปืนขึ้นเครื่องบินที่สนามบินนาริตะ โดย พล.ต.ท.คำรณวิทย์ เดินทางมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิด้วยเที่ยวบิน TG641 เมื่อเวลา 15.10 น.
ทั้งนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ มีสีหน้ายิ้มแย้ม ยกมือไหว้ และทักทายผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าว แต่ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ก่อนจะรีบเดินทางขึ้นรถตู้ ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิไปทันที
ด้านพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ถูกทางการญี่ปุ่นจับกุมข้อหาพกพาอาวุธปืนที่สนามบินนาริตะ ซึ่งอัยการญี่ปุ่นสั่งไม่ฟ้องและให้ปล่อยตัวเดินทางกลับถึงไทยในวันนี้ ว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เป็นผู้ตรวจสอบประเด็นการลักลอบพกพาอาวุธปืนออกนอกประเทศ
ในส่วนของกระทรวงคมนาคม จะต้องประชุมหารือกับตรวจคนเข้าเมือง กรมการบินพลเรือน และบริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลการตรวจสอบจากทางตำรวจก่อน
ส่วนความผิดพลาดที่เกิดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น เป็นความผิดพลาดจากระบบหรือความผิดพลาดจากคน ซึ่งจะให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเชิงลึกอีกครั้ง รวมทั้งเห็นควรให้มีการยกเครื่องซอฟต์แวร์ของเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ซีทีเอ็กซ์ เนื่องจากมองว่าซอฟต์แวร์ที่ใช้อยู่อาจจะไม่มีความทันสมัยกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และเครื่องดังกล่าวไม่ได้มีคุณสมบัติในการตรวจจับอาวุธ หากมีการปรับปรุงซอฟต์แวร์ให้ทันสมัยและครอบคลุมการตรวจจับจะทำไม่ให้เกิดปัญหาได้
ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.สานิตย์ มเหถาวร รองผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ และทีมตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินคดีกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ตามที่ได้รับมอบหมายจาก ผบ.ตร. ที่สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่า ได้มอบให้ทาง บก.ภ.จ.สมุทรปราการ ตั้งคณะพนักงานสอบสวนเฉพาะกิจขึ้นมา โดยมี พ.ต.อ.ยงยุทธ เดชะรัฐ รองผบก. เป็นหัวหน้าชุดในการทำงาน เนื่องจาก สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งอยู่ในสังกัด จะมีความเชี่ยวชาญด้านข้อมูลการนำปืนเข้า-ออกประเทศ
ทั้งนี้ ภายในสัปดาห์นี้ ทางคณะพนักงานสอบสวน จะยื่นหนังสือขอคำให้การของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จากอัยการญี่ปุ่นโดยผ่านพิธีการไปตามขั้นตอน จากคณะพนักงานสอบสวน ไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วจะส่งเรื่องไปยังฝ่ายกฎหมายในประเทศ เพื่อทำหนังสือส่งต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศ จากนั้น ทางกระทรวงการต่างประเทศจึงจะทำหนังสือไปถึงสถานทูตไทยในญี่ปุ่น โดยให้ทางสถานทูตไทยฯเป็นผู้ทำเรื่องถึงอัยการที่ญี่ปุ่นอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม นอกจากขอข้อมูลในการสอบสวนแล้ว ยังทำเรื่องขออาวุธปืนด้วย แต่ถ้าหากไม่ได้ปืนกลับมาก็ไม่เป็นไร แต่สิ่งสำคัญคือคำให้การ เบื้องต้นทราบว่าทางญี่ปุ่นดูที่เจตนา อัยการจึงไม่สั่งฟ้อง แต่ถ้าถามว่าตอนนี้จะดำเนินคดีอะไร คงยังไม่ทราบ ต้องรอข้อมูลจากญี่ปุ่นก่อน และในระหว่างที่รอคำสอบสวนจากญี่ปุ่นก็จะเชิญตัวพล.ต.ท.คำรณวิทย์ มาให้ข้อมูลอีกครั้ง แต่ตอนนี้คงต้องให้พักผ่อนก่อน โดยคณะพนักงานสอบสวนจะต้องสอบลึกลงไปถึงที่มาของปืนด้วย ส่วนทางบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) จะต้องเข้าแจ้งความหรือไม่นั้น คงไม่จำเป็นเพราะเป็นความผิดทางอาญา เมื่อตำรวจเห็นการกระทำผิดซึ่งหน้า ก็สามารถจับกุมดำเนินคดีได้
ทั้งนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ มีสีหน้ายิ้มแย้ม ยกมือไหว้ และทักทายผู้สื่อข่าวที่มารอทำข่าว แต่ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ ก่อนจะรีบเดินทางขึ้นรถตู้ ออกจากสนามบินสุวรรณภูมิไปทันที
ด้านพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงกรณี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ถูกทางการญี่ปุ่นจับกุมข้อหาพกพาอาวุธปืนที่สนามบินนาริตะ ซึ่งอัยการญี่ปุ่นสั่งไม่ฟ้องและให้ปล่อยตัวเดินทางกลับถึงไทยในวันนี้ ว่า พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้มอบหมายให้ พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 เป็นผู้ตรวจสอบประเด็นการลักลอบพกพาอาวุธปืนออกนอกประเทศ
ในส่วนของกระทรวงคมนาคม จะต้องประชุมหารือกับตรวจคนเข้าเมือง กรมการบินพลเรือน และบริษัท ท่าอากาศยานไทย (ทอท.) ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป อย่างไรก็ตาม ต้องรอผลการตรวจสอบจากทางตำรวจก่อน
ส่วนความผิดพลาดที่เกิดที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมินั้น เป็นความผิดพลาดจากระบบหรือความผิดพลาดจากคน ซึ่งจะให้มีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบเชิงลึกอีกครั้ง รวมทั้งเห็นควรให้มีการยกเครื่องซอฟต์แวร์ของเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด ซีทีเอ็กซ์ เนื่องจากมองว่าซอฟต์แวร์ที่ใช้อยู่อาจจะไม่มีความทันสมัยกับสถานการณ์ในปัจจุบัน และเครื่องดังกล่าวไม่ได้มีคุณสมบัติในการตรวจจับอาวุธ หากมีการปรับปรุงซอฟต์แวร์ให้ทันสมัยและครอบคลุมการตรวจจับจะทำไม่ให้เกิดปัญหาได้
ขณะเดียวกัน พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน ผบช.ภ.1 ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมร่วมกับ พล.ต.ต.สานิตย์ มเหถาวร รองผบช.ภ.1 พล.ต.ต.ธนา ชูวงศ์ ผบก.ภ.จ.สมุทรปราการ และทีมตำรวจภูธรจังหวัดสมุทรปราการ เกี่ยวกับแนวทางการดำเนินคดีกับ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ตามที่ได้รับมอบหมายจาก ผบ.ตร. ที่สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ว่า ได้มอบให้ทาง บก.ภ.จ.สมุทรปราการ ตั้งคณะพนักงานสอบสวนเฉพาะกิจขึ้นมา โดยมี พ.ต.อ.ยงยุทธ เดชะรัฐ รองผบก. เป็นหัวหน้าชุดในการทำงาน เนื่องจาก สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิซึ่งอยู่ในสังกัด จะมีความเชี่ยวชาญด้านข้อมูลการนำปืนเข้า-ออกประเทศ
ทั้งนี้ ภายในสัปดาห์นี้ ทางคณะพนักงานสอบสวน จะยื่นหนังสือขอคำให้การของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ จากอัยการญี่ปุ่นโดยผ่านพิธีการไปตามขั้นตอน จากคณะพนักงานสอบสวน ไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วจะส่งเรื่องไปยังฝ่ายกฎหมายในประเทศ เพื่อทำหนังสือส่งต่อไปยังกระทรวงการต่างประเทศ จากนั้น ทางกระทรวงการต่างประเทศจึงจะทำหนังสือไปถึงสถานทูตไทยในญี่ปุ่น โดยให้ทางสถานทูตไทยฯเป็นผู้ทำเรื่องถึงอัยการที่ญี่ปุ่นอีกครั้ง
อย่างไรก็ตาม นอกจากขอข้อมูลในการสอบสวนแล้ว ยังทำเรื่องขออาวุธปืนด้วย แต่ถ้าหากไม่ได้ปืนกลับมาก็ไม่เป็นไร แต่สิ่งสำคัญคือคำให้การ เบื้องต้นทราบว่าทางญี่ปุ่นดูที่เจตนา อัยการจึงไม่สั่งฟ้อง แต่ถ้าถามว่าตอนนี้จะดำเนินคดีอะไร คงยังไม่ทราบ ต้องรอข้อมูลจากญี่ปุ่นก่อน และในระหว่างที่รอคำสอบสวนจากญี่ปุ่นก็จะเชิญตัวพล.ต.ท.คำรณวิทย์ มาให้ข้อมูลอีกครั้ง แต่ตอนนี้คงต้องให้พักผ่อนก่อน โดยคณะพนักงานสอบสวนจะต้องสอบลึกลงไปถึงที่มาของปืนด้วย ส่วนทางบริษัทท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) จะต้องเข้าแจ้งความหรือไม่นั้น คงไม่จำเป็นเพราะเป็นความผิดทางอาญา เมื่อตำรวจเห็นการกระทำผิดซึ่งหน้า ก็สามารถจับกุมดำเนินคดีได้