**เรื่องราวความรักของดารา ซึ่งเป็นบุคคลสาธารณะ มักจะอยู่ในความสนใจของคนไทยมากเป็นพิเศษอยู่แล้ว หาก ดารามีรักที่ดี ไม่นอกลู่นอกทาง มักจะเป็นที่ชื่นชม แต่หากออกนอกลู่นอกทางเมื่อไร มีหวังอนาคตดับลงง่ายๆ ยิ่งเรื่องรักร้าวฉาวโฉ่มากแต่ไหน สปอตไลต์ยิ่งสาดส่อง ต่อม"เผือก" ของแฟนคลับก็ยิ่งทำงานหนักขึ้น
ชั่วโมงนี้ทอล์กอ๊อฟเดอะทาวน์ ที่คนไทยเม้าต์กันสนั่นเมืองมากที่สุดหนีไม่พ้น ฉากรักของพระเอกรูปหล่อ“ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล” ที่ถูกเม้าต์สนั่นลั่นเมืองว่า "แอบซุกกิ๊ก" ชื่อย่อ"น้อง บ."ไว้ที่ "เมืองเซราะกราว" บุรีรัมย์เปอร์
และถูกขยายปมหนักขึ้นเมื่อ“พลอยพรรณ ทวีรัตน์” ศรีภรรยา ที่ลงทุนโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย วอนให้ “คุณพ่อลูกสอง”กลับมาหาลูกที่บ้าน เรื่องจึงแดงซ้ำขึ้นมาอีก
ถ้าเป็นช่วงปกติเรื่องนี้คงกระทบแค่ภาพลักษณ์ของ“ปีเตอร์”เท่านั้น อาจจะมีปัญหาในเรื่องงานพรีเซนเตอร์ หรืองานแสดงบ้าง ที่อาจจะลดน้อยถอยลงจากภาพลักษณ์ที่ย่ำแย่อย่างหนัก
**แต่เรื่องนี้กลายเป็น "วาระแห่งชาติ" ไปทันที เมื่อปรากฏชื่อ "ปีเตอร์ คอร์ป" เป็นนักแสดงนำ ในภาพยนตร์เรื่อง " ละติจูดที่ 6 " ซึ่งอำนายการสร้างโดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และมีกำหนดฉายในวันที่ 23 ก.ค.นี้
ภาพลักษณ์ และกระแสแอนตี้ "ปีเตอร์"จึงมีผลต่อ“ละติจูดที่ 6”อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ชื่อ“ละติจูดที่ 6”นำมาจากเส้นละติจูดที่ 6 ซึ่งพาดผ่าน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พอดิบพอดี โดยกอ.รมน. ต้องการถ่ายทอดชีวิตความเป็นอยู่ของคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเปิดเผยให้สังคมภายนอกรับรู้ข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่ง
โดยคอนเซปต์ที่วางเอาไว้คือ ไม่เน้นความรุนแรง และไม่กระทบต่ออัตลักษณ์ วีถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ แต่สิ่งที่ต้องการสื่อออกมากลับขัดแย้งกับสิ่งที่“ปีเตอร์”เป็นในตอนนี้
อย่าลืมว่าตามคำสอนของศาสนาอิสลาม แม้จะให้โอกาส“ผู้ชาย”มีภรรยาได้ 4 คน แต่การมีภรรยาได้ 4 คน ต้องได้รับอนุญาตจากภรรยาคนที่มาร่วมใช้ชีวิตก่อน
แถมการมีภรรยาได้ 4 คน ต้องประกาศให้เป็นที่รับรู้ทั่วกัน ว่ามีใครเป็นภรรยาบ้างด้วย
ทว่า“ปีเตอร์”ที่มีภรรยาและลูกเป็นตัวเป็นตนแล้ว กลับแอบซุกกิ๊ก ถือว่าผิดตามหลักศาสนาอิสลามแน่นอน
**ดังนั้นกระแสแอนตี้ “ปีเตอร์”ส่งผลกระทบต่อภาพยนตร์เรื่อง“ละติจูดที่ 6”อย่างแน่นอน
เรื่องนี้ “พล.ต.นักรบ บุญบัวทอง”รองผู้อำนวนการศูนย์ประสานการปฏิบัติหมายเลข 5 กอ.รมน. ออกมายอมรับว่า เป็นห่วงกระแสแอนตี้ “ปีเตอร์”ในเรื่องส่วนตัวจะมีผลกระทบต่อจำนวนผู้เข้าชมภาพยนต์ เพราะการปลุกกระแสต้านกันในโลกโซเชียลมีเดียกันแล้ว ว่าจะไม่ชมหนังที่“ปีเตอร์”แสดง
"ขอร้องว่าอย่าเอาเรื่องปีเตอร์ มาโยงกับเรื่องหนังละติจูดที่ 6 เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวที่ต้องรอให้เจ้าตัวชี้แจง ส่วนหนังเป็นการแสดง และเป็นเรื่องของราชการที่สร้างขึ้นมา เพื่อบรรเทาปัญหาภาคใต้ สะท้อนความสวยงาน และวิถีชีวิต"
แม้ กอ.รมน. จะพยายามแก้ต่างให้กับ“ปีเตอร์”แถมยังยกเครดิตให้ว่า การแสดงหนังเรื่องดังกล่าว“ปีเตอร์”ได้รับค่าตัวไม่สูงมากนัก และยังกล้าลงไปถ่ายทำที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยไม่กลัวอันตราย แต่ก็ดูเหมือนจะสายเกินไปแล้ว
กระแสต่อต้าน“ปีเตอร์”มีสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่ง“ปีเตอร์”ไม่ออกมาแถลงความจริง หรือออกมาขอโทษต่อการกระทำดังกล่าว หนัง“ละติจูดที่ 6”ก็จะได้รับผลกระทบ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
งบประมาณ 15-20 ล้านบาท ที่ กอ.รมน. ต้องสูญเสียไปกับการจัดทำภาพยนตร์เรื่องนี้ อาจจะสูญเปล่าไปโดยปริยาย เพราะแม้จะทำมาดีแค่ไหน หากไม่มีคนดู ก็ไม่สามารถถ่ายทอดสิ่งที่อยากให้คนภายนอกได้เห็นความเป็นอยู่ของคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ด้วย
**ชั่วโมงนี้แม้ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะขออาสาปลุกกระแส โดยไปเป็นประธานในการเปิดงานชมภาพยนตร์ “ละติจูดที่ 6”ด้วยตัวเอง อาจจะเรียกเรตติ้งได้บ้างจาก“แฟนคลับลุงตู่”แต่ยากที่จะดึง "กลุ่มแอนตี้ปีเตอร์" ให้เปลี่ยนใจได้
และระวังให้ดี เมื่อกระแสแอนตี้แรง“บิ๊กตู่”ลงไปเปิดงานด้วยตัวเอง อาจจะโดนกระแสตีกลับ นำเรื่องภาพยนตร์ไปเป็นเรื่องการเมืองได้ อาจมีกระแสมโนกันไปว่า“บิ๊กตู่”เข้าข้าง“ปีเตอร์”คนที่เป็นจำเลยของสังคม
ถึงเวลานั้นเครดิต-ภาพลักษณ์ของ “บิ๊กตู่”จะกระทบไปด้วย ยิ่งเป็นภาพลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวด้วยแล้ว มันยิ่งแทงใจดำคนไทยที่แอนตี้เรื่องรักสามเส้าอยู่แล้ว
ทีมงานสร้างภาพลักษณ์“บิ๊กตู่”ที่ทำงานปั่นกระแส“บิ๊กตู่”ให้มีภาพลักษณ์เป็นผู้นำ ทั้งผู้นำประเทศ-ผู้นำครอบครัว อาจจะเสียหลักเสียรังวัดหมดความเป็น“ผู้นำครอบครัว”ได้ หากยังดันทุรัง ไปเปิดภาพยนตร์ “ละติจูดที่ 6”
แต่ที่สำคัญกว่านั้น สิ่งที่ กอ.รมน. ตั้งใจที่จะเผยแพร่อัตลักษณ์ และวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างความเข้าใจ และอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาให้สถานการณ์ในพื้นที่ดีขึ้นได้มลายหายไปในพริบตา
สิ่งที่ควรทำมากที่สุดคือ ภาวนาให้“ปีเตอร์”ออกมาแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ และทำอย่างไรก็ได้ ที่จะเรียกกระแสของตัวเองให้กลับมาได้โดยเร็ว
**ไม่เช่นนั้นภาพยนตร์ที่ซุ่มถ่ายทำด้วยความปรารถนาดีมาเกือบ 3 ปี อาจจะเป็นแค่แผ่นฟิล์มที่ไร้ราคาก็เป็นได้
ชั่วโมงนี้ทอล์กอ๊อฟเดอะทาวน์ ที่คนไทยเม้าต์กันสนั่นเมืองมากที่สุดหนีไม่พ้น ฉากรักของพระเอกรูปหล่อ“ปีเตอร์ คอร์ป ไดเรนดัล” ที่ถูกเม้าต์สนั่นลั่นเมืองว่า "แอบซุกกิ๊ก" ชื่อย่อ"น้อง บ."ไว้ที่ "เมืองเซราะกราว" บุรีรัมย์เปอร์
และถูกขยายปมหนักขึ้นเมื่อ“พลอยพรรณ ทวีรัตน์” ศรีภรรยา ที่ลงทุนโพสต์ลงโซเชียลมีเดีย วอนให้ “คุณพ่อลูกสอง”กลับมาหาลูกที่บ้าน เรื่องจึงแดงซ้ำขึ้นมาอีก
ถ้าเป็นช่วงปกติเรื่องนี้คงกระทบแค่ภาพลักษณ์ของ“ปีเตอร์”เท่านั้น อาจจะมีปัญหาในเรื่องงานพรีเซนเตอร์ หรืองานแสดงบ้าง ที่อาจจะลดน้อยถอยลงจากภาพลักษณ์ที่ย่ำแย่อย่างหนัก
**แต่เรื่องนี้กลายเป็น "วาระแห่งชาติ" ไปทันที เมื่อปรากฏชื่อ "ปีเตอร์ คอร์ป" เป็นนักแสดงนำ ในภาพยนตร์เรื่อง " ละติจูดที่ 6 " ซึ่งอำนายการสร้างโดยกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) และมีกำหนดฉายในวันที่ 23 ก.ค.นี้
ภาพลักษณ์ และกระแสแอนตี้ "ปีเตอร์"จึงมีผลต่อ“ละติจูดที่ 6”อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ชื่อ“ละติจูดที่ 6”นำมาจากเส้นละติจูดที่ 6 ซึ่งพาดผ่าน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ พอดิบพอดี โดยกอ.รมน. ต้องการถ่ายทอดชีวิตความเป็นอยู่ของคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อเปิดเผยให้สังคมภายนอกรับรู้ข้อเท็จจริงอีกด้านหนึ่ง
โดยคอนเซปต์ที่วางเอาไว้คือ ไม่เน้นความรุนแรง และไม่กระทบต่ออัตลักษณ์ วีถีชีวิตของประชาชนในพื้นที่ แต่สิ่งที่ต้องการสื่อออกมากลับขัดแย้งกับสิ่งที่“ปีเตอร์”เป็นในตอนนี้
อย่าลืมว่าตามคำสอนของศาสนาอิสลาม แม้จะให้โอกาส“ผู้ชาย”มีภรรยาได้ 4 คน แต่การมีภรรยาได้ 4 คน ต้องได้รับอนุญาตจากภรรยาคนที่มาร่วมใช้ชีวิตก่อน
แถมการมีภรรยาได้ 4 คน ต้องประกาศให้เป็นที่รับรู้ทั่วกัน ว่ามีใครเป็นภรรยาบ้างด้วย
ทว่า“ปีเตอร์”ที่มีภรรยาและลูกเป็นตัวเป็นตนแล้ว กลับแอบซุกกิ๊ก ถือว่าผิดตามหลักศาสนาอิสลามแน่นอน
**ดังนั้นกระแสแอนตี้ “ปีเตอร์”ส่งผลกระทบต่อภาพยนตร์เรื่อง“ละติจูดที่ 6”อย่างแน่นอน
เรื่องนี้ “พล.ต.นักรบ บุญบัวทอง”รองผู้อำนวนการศูนย์ประสานการปฏิบัติหมายเลข 5 กอ.รมน. ออกมายอมรับว่า เป็นห่วงกระแสแอนตี้ “ปีเตอร์”ในเรื่องส่วนตัวจะมีผลกระทบต่อจำนวนผู้เข้าชมภาพยนต์ เพราะการปลุกกระแสต้านกันในโลกโซเชียลมีเดียกันแล้ว ว่าจะไม่ชมหนังที่“ปีเตอร์”แสดง
"ขอร้องว่าอย่าเอาเรื่องปีเตอร์ มาโยงกับเรื่องหนังละติจูดที่ 6 เพราะเป็นเรื่องส่วนตัวที่ต้องรอให้เจ้าตัวชี้แจง ส่วนหนังเป็นการแสดง และเป็นเรื่องของราชการที่สร้างขึ้นมา เพื่อบรรเทาปัญหาภาคใต้ สะท้อนความสวยงาน และวิถีชีวิต"
แม้ กอ.รมน. จะพยายามแก้ต่างให้กับ“ปีเตอร์”แถมยังยกเครดิตให้ว่า การแสดงหนังเรื่องดังกล่าว“ปีเตอร์”ได้รับค่าตัวไม่สูงมากนัก และยังกล้าลงไปถ่ายทำที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยไม่กลัวอันตราย แต่ก็ดูเหมือนจะสายเกินไปแล้ว
กระแสต่อต้าน“ปีเตอร์”มีสูงมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่ง“ปีเตอร์”ไม่ออกมาแถลงความจริง หรือออกมาขอโทษต่อการกระทำดังกล่าว หนัง“ละติจูดที่ 6”ก็จะได้รับผลกระทบ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้เลย
งบประมาณ 15-20 ล้านบาท ที่ กอ.รมน. ต้องสูญเสียไปกับการจัดทำภาพยนตร์เรื่องนี้ อาจจะสูญเปล่าไปโดยปริยาย เพราะแม้จะทำมาดีแค่ไหน หากไม่มีคนดู ก็ไม่สามารถถ่ายทอดสิ่งที่อยากให้คนภายนอกได้เห็นความเป็นอยู่ของคนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ด้วย
**ชั่วโมงนี้แม้ “บิ๊กตู่”พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะขออาสาปลุกกระแส โดยไปเป็นประธานในการเปิดงานชมภาพยนตร์ “ละติจูดที่ 6”ด้วยตัวเอง อาจจะเรียกเรตติ้งได้บ้างจาก“แฟนคลับลุงตู่”แต่ยากที่จะดึง "กลุ่มแอนตี้ปีเตอร์" ให้เปลี่ยนใจได้
และระวังให้ดี เมื่อกระแสแอนตี้แรง“บิ๊กตู่”ลงไปเปิดงานด้วยตัวเอง อาจจะโดนกระแสตีกลับ นำเรื่องภาพยนตร์ไปเป็นเรื่องการเมืองได้ อาจมีกระแสมโนกันไปว่า“บิ๊กตู่”เข้าข้าง“ปีเตอร์”คนที่เป็นจำเลยของสังคม
ถึงเวลานั้นเครดิต-ภาพลักษณ์ของ “บิ๊กตู่”จะกระทบไปด้วย ยิ่งเป็นภาพลักษณ์ที่เกี่ยวข้องกับครอบครัวด้วยแล้ว มันยิ่งแทงใจดำคนไทยที่แอนตี้เรื่องรักสามเส้าอยู่แล้ว
ทีมงานสร้างภาพลักษณ์“บิ๊กตู่”ที่ทำงานปั่นกระแส“บิ๊กตู่”ให้มีภาพลักษณ์เป็นผู้นำ ทั้งผู้นำประเทศ-ผู้นำครอบครัว อาจจะเสียหลักเสียรังวัดหมดความเป็น“ผู้นำครอบครัว”ได้ หากยังดันทุรัง ไปเปิดภาพยนตร์ “ละติจูดที่ 6”
แต่ที่สำคัญกว่านั้น สิ่งที่ กอ.รมน. ตั้งใจที่จะเผยแพร่อัตลักษณ์ และวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อสร้างความเข้าใจ และอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยบรรเทาให้สถานการณ์ในพื้นที่ดีขึ้นได้มลายหายไปในพริบตา
สิ่งที่ควรทำมากที่สุดคือ ภาวนาให้“ปีเตอร์”ออกมาแสดงความเป็นสุภาพบุรุษ และทำอย่างไรก็ได้ ที่จะเรียกกระแสของตัวเองให้กลับมาได้โดยเร็ว
**ไม่เช่นนั้นภาพยนตร์ที่ซุ่มถ่ายทำด้วยความปรารถนาดีมาเกือบ 3 ปี อาจจะเป็นแค่แผ่นฟิล์มที่ไร้ราคาก็เป็นได้