xs
xsm
sm
md
lg

วิปสนช.ถกคดีสอย248อดีตส.ส.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นพ.เจตน์ ศิรธรานนท์ โฆษกคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (วิป สนช.) เปิดเผยว่า การประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ วันที่ 15-16 ก.ค.นี้ จะมีการพิจารณาวาระการเปิดแถลงสำนวนคดีนัดแรก การถอดถอนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จำนวน 248 คน ออกจากตำแหน่ง ตามมาตรา 6 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ประกอบมาตรา 64 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ตามข้อบังคับการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ 2557 ข้อ 149
โดยเบื้องต้น ทางผู้ถูกกล่าวหายังไม่แจ้งว่า จะมีอดีต ส.ส. หรือให้ตัวแทนมาแถลงเปิดคดีในวันเปิดคดี ซึ่งในการประชุมวิปสนช. วันที่ 14 ก.ค.นี้ มีการประชุมเพื่อพิจารณากระบวนการถอดถอนว่า จะมีแนวทางอย่างไร เพราะทาง สนช. เปิดเวลาไว้ถึง 2 วัน เพื่อให้ผู้ถูกกล่าว ซึ่งมีจำนวนถึง 248 คนได้มีโอกาสได้ชี้แจง
โฆษกคณะกรรมาธิการวิป สปช. กล่าวว่า คาดว่าผู้ถูกกล่าวหาจะมีหนังสือแจ้งให้ สนช.ทราบว่า จะมีผู้มาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหากี่คน หรือจะส่งผู้แทนมาชี้แจงตามกลุ่มฐานความผิดภายในวันที่14 ก.ค.นี้ ซึ่งก็จะเป็นเรื่องที่ดี เพราะทางวิปสนช. จะได้พิจารณาวางแนวทางการประชุมแถลงเปิดสำนวนคดีนัดแรก เพราะในสัปดาห์หน้า จะมีร่างกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของ สนช. หลายฉบับ หากมีความชัดเจนเรื่องของการแถลงเปิดคดี ทางสนช. ก็จะดำเนินการจัดระเบียบวาระการประชุมให้มีความเหมาะสม
ผู้สื่อข่าวรายงานงานว่า สำหรับสำนวนความผิดในคดีถอดถอน 248 อดีต ส.ส. แยกตามสำนวนคดีตามฐานความผิดออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
กลุ่มที่ 1 ส.ส.จำนวน 239 คน ที่ร่วมลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นที่มาของส.ว. รวมทั้งพิจารณาและลงมติในวาระ 1 วาระ 2 โดยเฉพาะการแก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 116 ที่มีผลทำให้ ส.ว.ที่พ้นวาระแล้วสามารถกลับมาลงสมัครได้ทันที และ วาระ 3 โดยถือว่า จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ
กลุ่มที่ 2 ส.ส.จำนวน 1 คน ที่ลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญฯ พิจารณาและลงมติในวาระ 2 และ วาระ 3 ซึ่ง ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิดขัดต่อบทบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 291 อนุ 1 วรรคหนึ่ง
กลุ่มที่ 3 ส.ส.จำนวน 10 คน ที่ร่วมกันลงชื่อเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญพิจารณา และลงมติในวาระที่ 1 และ วาระที่ 3 โดยถือว่าจงใจใช้อำนาจขัดต่อบัญญัติรัฐธรรมนูญมาตรา 291 อนุ 1 วรรคหนึ่ง ทั้งนี้ ในกลุ่มที่ 1 มีสมาชิก 2 คน ประกอบด้วย นายทองดี มนิสสาร และ นายตุ่น จินตะเวช ได้ถึงแก่กรรม จึงไม่ต้องนำมาพิจารณาตามข้อบังคับ
กำลังโหลดความคิดเห็น