"นายกฯ" ย้ำ 14 นศ. ต้องขึ้นศาลทหารเท่านั้น ระบุเป็นกม.ที่ใช้กับทุกคนที่ฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ขอสื่อหยุดขยายความ ผบ.ทบ.ยัน ไม่ปล่อย14 นศ. เพราะความผิดมีอยู่จริง ปล่อยปละละเลยไม่ได้ หวั่นบานปลายสู่หายนะ เล็งหาช่องใช้ กม.เยาวชนผ่อนหนักเป็นเบา ฮึ่มกลุ่มโหนกระแสคอยเติมเชื้อไฟหวังสถานการณ์จุดติด ให้หยุดกระทำ วอนคณาจารย์ อย่าหนุน "ลูกศิษย์" เห็นผิดเป็นชอบ ผบ.ตร.เชื่อมีคนอยู่เบื้องหลัง กลุ่มนศ. ด้านอาจารย์ มธ. ยื่นศาลทหารค้านฝากขัง14 นศ. ผลัดสอง "วัชระ" ระบุวอร์รูมตระกูลชินฯ ปั่นกระแส หวังเร่งสถานการณ์การเมือง ขณะที่ชาวบ้านนามูล จ.ขอนแก่น ฮือต้านกลุ่มดาวดิน ยุยงชาวบ้านให้คัดค้านโครงการขุดเจาะบ่อก๊าซ พร้อมเขียนป้ายข้อความประณาม แต่ให้กำลังใจ"บิ๊กตู่" เดินหน้าปฏิรูปเต็มสูบ เร่งผลักดันการขุดเจาะบ่อก๊าซต่อไป
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการดำเนินคดีกับ 14 นักศึกษา กลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ที่เคลื่อนไหวต่อต้านการรัฐประหาร ว่า ต้องแก้ปัญหาด้วยกฎหมาย ด้วยกระบวนการยุติธรรม ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวต้องขึ้นศาลทหารเท่านั้น ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กฎหมายประกาศไว้อย่างไร ต้องรู้ว่าทหารเขาทำอย่างไร ในยามที่ไม่ปกติ หรือเมื่อที่ต้องใช้อำนาจพิเศษ เพราะมีการประกาศออกมาแล้วว่า คดีใดที่จะต้องขึ้นศาลทหาร ไม่ใช่ประกาศมาหลังจากเกิดการจัดกิจกรรมเคลื่อนไหว โดยหลังจากนี้ต้องว่าไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ว่าจะดูแลได้แค่ไหน แต่ก็มักจะขุดคุ้ยให้ได้ เขามีการประกาศคำสั่ง คสช. แล้ว เวลาเขียนข่าวก็เขียนให้มันชัด ว่า กี่เรื่องที่ขึ้นศาลทหาร 1. คดีอาญา มาตรา 112 และ 2. ขัดคำสั่ง คสช. ซึ่งหมายถึงกฎหมายตามคำสั่ง คสช.ทุกฉบับ
เล็งใช้กม.เยาวชนผ่อนหนักเป็นเบา
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผบ.ทบ. กล่าวถึง กรณีที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนักศึกษา14 คน ที่จะครบการฝากขังผลัดแรก ในวันที่ 7 ก.ค.นี้ ว่า ฝ่ายความมั่นคงไม่ได้มองนักศึกษาเป็นศัตรู หรืออะไร นักศึกษาก็เป็นลูกหลาน ตนเห็นภาพของแต่ละคน อายุก็อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องศึกษาเล่าเรียน และเป็นอนาคตที่ดีของชาติได้ต่อไป แต่การที่เจ้าหน้าที่ได้จับกุมนักศึกษา14 คนนั้น เพราะมีการปฏิบัตินอกกรอบ มีส่วนที่ก่อให้เกิดความไม่สงบ และขัดต่อกฎหมาย ต่อระเบียบที่ คสช.วางไว้ เพื่อให้เกิดความสงบ โดยก่อนหน้านี้ก็เริ่มต้นด้วยการตักเตือนมาตามลำดับ แต่ก็ยังกระทำในสิ่งที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบ และความมั่นคงในอนาคต สุดท้ายต้องปล่อยให้กฎหมายดำเนินการ โดยทางฝ่ายความมั่นคงได้ให้ทางตำรวจไปดำเนินการ ภายใต้การกำกับการดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ที่รับคำสั่งมาจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
"เรื่องนี้จะปล่อยปละละเลยไม่ได้ เพราะขัดต่อกฎหมาย และคำสั่งของ คสช. ที่ได้ระบุไว้ ไม่เช่นนั้นปัญหาจะพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป นำไปสู่กลุ่มก้อนที่มากมาย และเกิดความไม่สงบ เราเห็นหายนะที่อยู่เบื้องหน้า คงไม่อยู่เฉยๆ และปล่อยปละละเลยไป ผมมั่นใจว่าประชาชนเข้าใจดี แต่ไม่ได้แสดงออก จะมีแสดงออกก็เพียงบางกลุ่มที่เห็นว่าการเคลื่อนไหวของนักศึกษา จะเป็นตัวนำ กลายเป็นประเด็นในสิ่งที่จะต่อต้านและต่อสู้รัฐบาล ขอยืนยันว่า ทางรัฐบาลและคสช. ไม่ได้มองเห็นประชาชนทุกกลุ่มเป็นศัตรู จึงไม่ได้ต่อสู้กับใคร เพียงแต่ต้องดูแลความสงบให้เกิดขึ้น เพื่อนำไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้องในอนาคต"
พล.อ.อุดมเดช กล่าวด้วยว่า นักศึกษาทั้ง 14 คน แน่นอนว่าจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่ด้วยความเป็นนักศึกษา เป็นเยาวชน ทางออกยังพอมี ในส่วนที่จะพิจารณา ในกรณีที่เป็นเยาวชน โทษทัณฑ์ต่างๆ ก็คงไม่มากมายอะไร แต่เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมาย ตนไม่ขอก้าวล่วง แต่ในแง่มุมของกฎหมายสามารถพิจารณาได้จากการเป็นเยาวชนอยู่ได้บ้าง คิดว่าทางฝ่ายกฎหมาย ตำรวจ และศาล ตลอดจนถึงผู้ควบคุมทางฝ่ายกฎหมาย คงจะมองกรณีนี้อยู่และเร่งคิดหาทางออกที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ฐานความผิดมีอยู่จริง กลุ่มที่ต่อต้านก็โหนกระแสเข้ามา คณาจารย์ ครูบาอาจารย์ ที่ดีๆ หลายท่านคิดด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตนก็ทราบ ไม่อยากให้ทำอะไรที่รุนแรง ตนก็เชื่อว่าทางผู้ใหญ่ในรัฐบาลก็ฟังอยู่ และหาหนทางที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา แต่จะให้ยกไปเสียเลย ก็ทำไม่ได้ เพราะเป็นกฎหมาย บางท่านบริสุทธิ์ใจ บางท่านจะมีอะไรอยู่หรือเปล่าตนก็ไม่แน่ใจ แต่หลายท่านที่มีชื่อออกมาแสดงความคิดเห็น ก็ย่อมรู้ว่าคิดเห็นอย่างไร แต่ขอว่า อะไรก็ตามที่จะเกิดความไม่สงบเรียบร้อย ขอให้ช่วยกัน
"บางคนก็กระโดดเข้าสู่กระแส โหนไปตามกระแสนั้นๆ เชื่อว่าจะเป็นจุดหนึ่งที่จะทำให้เกิดความไม่เรียบร้อย หรือรัฐบาลกระเพื่อม ขอให้หยุด ขอเถอะครับ ครูบาอาจารย์ ผมก็เคารพรัก เจอกันภายนอกก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายไม่ได้เป็นศัตรูกัน บางอย่างท่านเอาไปให้ข้อคิดเห็นสนับสนุน จนทำให้คิดว่า สิ่งที่ไม่ดี เป็นสิ่งดี ซึ่งมันไม่ใช่เวลานี้ มีอยู่ท่านหนึ่งพูดผ่านสื่อโดยเปรียบเทียบว่า หมอกำลังจะผ่าตัดคนไข้ และมีคนไปดึงมีดผ่าตัดของคุณหมอออกมา ไม่ให้คนป่วยพ้นจากโรคภัย เทียบกันสถานการณ์ตอนนี้ ก็เช่นเดียวกันที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ แต่มีคนไปยื้อไว้ ขออย่าสนับสนุนเลย ให้รัฐบาลมีเวลา มีโอกาสทำงานต่อไป อีกไม่นานจะมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ นำไปสู่การเลือกตั้ง ทุกคนอยากไปถึงตรงนั้นทั้งหมด ทั้งนายกฯเอง ตำรวจ ทหาร" พล.อ.อุดมเดช กล่าว
"วิษณุ"ชี้แนวคิดนิรโทษฯยังไม่ตกผลึก
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่ฝ่ายการเมืองออกมาเสนอให้รัฐบาลใช้ มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กลุ่มนักศึกษา ว่า การใช้ ม. 44 หรือออกเป็นพระราชบัญญัติเพื่อนิรโทษกรรม เป็นเพียงวิธีการ แต่ก่อนจะพูดถึงวิธีการต้องมาพิจารณาถึงความจำเป็นก่อน ว่าจำเป็นต้องทำหรือไม่ นโยบายเป็นอย่างไร อยากที่จะทำหรือไม่ และพูดถึงผลกระทบที่จะตามมาด้วยว่าเป็นอย่างไร จะมีคนออกมาชุมนุมหรือไม่ ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องมาก่อนวิธีการ ถ้าสิ่งที่ตนกล่าวมายังไม่ตกผลึก ก็อย่าเพิ่งไปพูดถึงวิธีการ และเท่าที่ทราบเรื่องดังกล่าวยังไม่มีการพูดกันอย่างเป็นทางการในที่ใด แต่อ่านหนังสือพิมพ์แล้วก็มีพูดคุยกันบ้าง
ผบ.ตร.เชื่อมีคนอยู่เบื้องหลัง 14 นศ.
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่จะมีการยื่นเรื่องขอให้ปล่อยตัวนักศึกษากลุ่มดาวดินทั้ง 14 คน ที่ถูกควบคุมตัวหลังออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งในวันที่ 7 ก.ค.นี้ จะครบกำหนดฝากขังว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของความมั่นคง เป็นเรื่องที่ทางฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ทหารจะต้องดำเนินการ เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมที่จะปฎิบัติการตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือรัฐบาล ทั้งนี้อะไรที่ผิดกฎหมายก็ต้องว่าไปตามผิด ส่วนจะดำเนินการอย่างไรนั้น ก็ต้องรอดูว่าท่าทีของกลุ่มนักศึกษาเป็นอย่างไร
"ส่วนองค์กรแอมเนสตี้ หรือ องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน ได้มีการส่งหนังสือมาถึงผม ให้ปล่อยตัวนักศึกษาด้วย องค์กรเหล่านี้ไม่ว่าองค์กรไหนก็แล้วแต่ ก็มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็น หรือจะแสดงความรู้สึก แต่ถามนิดเดียว เวลาประเทศชาติมีปัญหาองค์กรเหล่านี้ไปไหนหมด เวลาพี่น้องประชาชนเดือดร้อน องค์กรเหล่านี้หดหัวไปอยู่ที่ไหนหมด เคยไหมที่จะออกมาช่วยเหลือ เคยไหมที่จะออกมาทำให้คนไทยรักกันสมานสามัคคี ไม่มีหรอก เพราะเขาไม่ใช่คนบ้านเรา เขาไม่รู้จักคนไทยดี คนไทยในประวัติศาสตร์มีการรักใคร่ปรองดองเป็นปึกแผ่น แต่ประเทศไทยในอดีตสมัยกรุงศรีอยุธยา และสมัยกรุงธนบุรี ล่มสลายเพราะคนไทยไปเชื่อต่างชาติยุแยงตะแคงรั่ว เราจะเป็นแบบนั้นอีกเหรอ ฟังเขา เขาคิดไม่เห็นต้องทำตาม เขาจะรู้จักคนไทยได้ยังไง เขากินขนมปัง เขาไม่ได้กินน้ำพริกปลาร้าอย่างเรา แล้วจะไปรู้จักนิสัยคนไทยได้อย่างไร คนไทยเท่านั้นที่จะรู้จักนิสัยคนไทยดี ฝรั่งก็คิดแบบฝรั่ง เพ้อเจ้อ เขาไม่ใช่คนไทย บางครั้งนั่งวิจารณ์อยู่ที่ประเทศเขา ผมไม่ฟังเขาหรอก " พล.ต.อ.สมยศ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนักศึกษา 14 คนนี้ จะฝากขังต่อ ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ที่กระบวนการยุติธรรม ถามต่อว่าและกลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ขณะนี้ มีเบื้องหลังหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า มีแน่ แต่เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง
คุมเข้มฝากขังผลัดสอง 7 ก.ค.
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. กล่าวถึง การดูแลรักษาความปลอดภัย กรณีที่พนักงานสอบสวนยื่นฝากขังนักศึกษา 14 คน ตามมาตรา 116 และมาตรา 83 ผลัด 2 ที่ศาลทหารกรุงเทพ ในวันนี้ ( 7 ก.ค.) หลังจากที่ครบกำหนดฝากขังผลัดแรก 12 วัน ว่า การดูแลรักษาความปลอดภัยในเบื้องต้น จะใช้กฏหมายปกติ คือเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องดูแล ในส่วนของทหารเรามีกองกำลังรักษาความาสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่อยู่แล้ว
ด้าน พล.ต.พนมเทพ เวสารัชชนันท์ ตุลาการพระธรรมนูญ หัวหน้าศาลทหารกรุงเทพ กล่าวว่า ในวันนี้ (7 ก.ค.) การดูแลรักษาความปลอดภัยในส่วนของศาลทหารก็จะดูแลเพียงภายในเท่านั้น ส่วนบริเวณด้านนอกรอบๆ บริเวณศาล จะเป็นในส่วนของกองรักษาความปลอดภัยของสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งทางศาลทหาร มีการพิจารณาคดีอย่างเปิดเผยอยู่แล้ว แต่เนื่องจากห้องพิจารณาคดีของทางศาลค่อนข้างเล็ก จุคนได้เพียง 20-30 คน จึงต้องมีการส่งตัวแทนเข้าไปร่วมฟังเท่านั้น เฉพาะญาติของผู้ที่เข้าฟังทั้ง 14 คน ทนายความ ผู้สื่อข่าว ก็ต้องตกลงกันว่า ใครจะเข้าไปร่วมฟังการพิจารณาคดี
อ.ธรรมศาสตร์ ค้านฝากขังผลัด 2
เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ ที่ศาลทหารกรุงเทพ นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ พร้อมด้วย นายต่อพงศ์ กิตติยานุพงศ์ รองคณบดีฝ่ายการนักศึกษา คณะนิติศาสตร์ ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงผู้พิพากษาศาลทหารกรุงเทพ ที่กรมพระธรรมนูญ กระทรวงกลาโหม เพื่อคัดค้านการฝากขังผลัดที่สองในวันนี้ ซึ่งมีนักศึกษาจากม.ธรรมศาสตร์ รวมอยู่ด้วย โดยเนื้อหาในจดหมายดังกล่าว ให้เหตุผลว่า
1. เหตุผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ขอฝากขังคือ เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี จึงขอเอาตัวมาฝากขังไว้ในเรือนจำ เพื่อดำเนินการส่งฟ้องต่อไป แต่พฤติกรรมที่ผ่านมาของทั้ง 14 คน ไม่ปรากฏว่าจะมีการหลบหนีแต่อย่างใด การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาขอฝากขังเป็นเรื่องความสะดวกในการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เป็นสิ่งที่กระทบต่อสิทธิของผู้ต้องหาทั้ง 14 คน มากเกินไปโดยไม่จำเป็น
2. ตามหลักนิติรัฐ หรือหลักนิติธรรมนั้น ในคดีอาญาต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด เพียงผู้ถูกกล่าวหาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ การเอาตัวไปฝากขังไว้ในเรือนจำ โดยที่ยังไม่มีการส่งฟ้องต่อศาล คือยังไม่เป็นจำเลยด้วยซ้ำไป จึงเป็นเรื่องที่กระทบต่อความเป็นธรรมของกระบวนการยุติธรรม
3. ถึงแม้ว่า คำสั่ง คสช. ที่ผู้ต้องหาทั้ง 14 คน โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวหาว่าฝ่าฝืนนั้น จะอาศัยอำนาจตาม มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 แต่มาตรา 2 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ บัญญัติว่า"ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”และมาตรา 3 บัญญัติให้ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย อีกทั้ง มาตรา 4 ยังบัญญัติไว้อีกว่า "ภายใต้บังคับแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค บรรดาที่ชนชาวไทยเคยได้รับการคุ้มครองตามประเพณีการปกครองประเทศไทย ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีอยู่แล้ว ย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญนี้" การแสดงออกซึ่งความเห็นที่แตกต่างไปจากรัฐบาล เป็นสิทธิเสรีภาพที่ชนชาวไทยเคยได้รับความคุ้มครองจากรัฐธรรมนูญมาทุกฉบับ และการได้รับสิทธิในการต่อสู้คดีโดยไม่ถูกกักขังระหว่างการพิจารณา ก็เป็นสิทธิตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยได้เป็นภาคีอยู่ด้วย การใช้และการตีความ มาตรา 44 จึงต้องคำนึงถึง มาตรา 2 มาตรา 3 และ มาตรา 4 ผู้ต้องหาทั้ง 14 คน จึงยังเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ควรได้รับสิทธิในการต่อสู้คดีโดยไม่ต้องถูกขังในระหว่างการดำเนินคดี ทั้งนี้ จึงใคร่ขอศาลทหารกรุงเทพ ได้โปรดพิจารณาไม่อนุมัติฝากขังต่อ และให้ผู้ต้องหา 14 คน ได้มีสิทธิต่อสู้คดีนอกเรือนจำด้วย
วอร์รูมตระกูลชินฯปั่นกระแสการเมือง
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณี นศ.กลุ่มดาวดิน ไม่ยอมยื่นประกันตัวว่า เป็นสิทธิแห่งความเชื่อของคนหนุ่มสาว นักศึกษากลุ่มนี้ยังโชคดีกว่านักศึกษา หรือประชาชนที่ต่อต้านระบอบทักษิณ เพราะหากต่อต้านระบอบทักษิณไม่บาดเจ็บ พิการ ก็ล้มตาย เช่น นายทวีศักดิ์ โพธิ์แก้ว นักศึกษา ม.รามคำแหงชั้นปีที่ 1 ถูกคนเสื้อแดงยิงตาย นักศึกษานับพันคนถูกล้อมยิงทั้งคืน จากกรณี นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พูดจายั่วยุคนเสื้อแดงให้ใช้ความรุนแรงกับนักศึกษารามคำแหง ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อ 30 พ.ย. 56 นายวสุ สุฉันทบุตร ถูกตำรวจแต่งชุดดำยิงตาย ที่สนามกีฬาไทย - ญี่ปุ่น เมื่อ 2 ม.ค. 57 ยังไม่นับ ทนายสมชาย นีละไพจิตร ที่หายสาปสูญหาศพไม่พบ หรือถูกอุ้มฆ่าอย่าง นายเอกยุทธ อัญชันบุตร หรือกรณีเหวี่ยงแหอ้างว่าปราบยาเสพติดกว่า 2,800 ศพ ทั่วประเทศ หรือการอุ้มฆ่าพี่น้องมุสลิมใน 3 จว.ภาคใต้ การฆาตกรรมเพื่อนร่วมชาติจำนวนมากนี้ เกิดขึ้นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งการด้วยนโยบายกำปั้นเหล็ก ขณะที่มีอำนาจและช่วงหลังเกิดขึ้นเพราะต้องการรักษาระบอบทักษิณให้ดำรงอยู่ โดยถึงขั้นจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธ และชายชุดดำ
"ถ้านักศึกษาเป็นปัญญาชน ย่อมคิดได้ด้วยตนเองว่า ที่ต่อต้าน คสช.นี้ รัฐบาลดำเนินไปตามกฎหมาย และมีทีท่าเข้าใจ แต่ถ้าต่อต้านระบอบทักษิณ ทำไมต้องถูกเข่นฆ่าเหมือนชีวิตคนไม่มีค่าเช่นนี้ แล้วเมื่อนักศึกษาและเพื่อนร่วมชาติถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม ที่ผ่านมา ทำไมอาจารย์ของเราจึงไม่ชวนนักศึกษาทำกิจกรรมเรียกร้องความเป็นธรรมให้ผู้ตายบ้าง กลับสนับสนุนระบอบทักษิณอยู่ได้อย่างไร นี่คือสองมาตรฐานใช่ไหม"
นายวัชระ กล่าวว่า ในระบบ คสช. ที่เรียกว่าเผด็จการนี้ ทำไมประชาชนมีความปลอดภัยมากกว่าในยุคที่ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ครองเมืองจะด่าจะว่ารัฐบาลอย่างไรก็ได้ หากเป็นสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ อาจถูกคนเสื้อแดงไปประท้วงหน้าบ้าน ถูกข่มขู่ หรือยิงปืนใส่ หรือปาระเบิดใส่บ้านไปแล้วโชคดีที่ในยุค คสช. นี้สามารถกำราบอันธพาลการเมืองที่เคยเหิมเกริมให้หายไปได้ แต่มันอาจจะกลับมาอีกหากระบอบทักษิณกลับคืนมา การเร่งเร้าสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ กำลังดำเนินไปตามจังหวะก้าวของวอร์รูม ตระกูลชินวัตร ที่มี นายภูมิธรรม เวชยชัย นายจาตุรนต์ ฉายแสง มือขวา และมือซ้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ คอยชี้นำและบงการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของระบอบทักษิณ นักศึกษาคนหนุ่มสาว ก็ต้องรู้ให้เท่าทันระบอบประชาธิปไตยอาบยาพิษของทักษิณ ด้วย
ชาวบ้านนามูลฮือต้านนศ.ดาวดิน
วานนี้ (6 ก.ค.)ที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายอุดม หลาบยองสี อายุ 58 ปี ตัวแทนชาวบ้านนามูล ต.ดูนสาด อ.กระนวน จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยชาวบ้าน ต.ดูนสาด 11 หมู่บ้าน กว่า 100 คน ถือป้ายคัดค้านนักศึกษากลุ่มดาวดิน เรียกร้องให้หยุดกิจกรรมต่อต้านรัฐบาล และการกระทำที่แสดงออกถึงความแตกแยก โดยยื่นหนังสือผ่านนายกำธร ถาวรสถิตย์ ผวจ.ขอนแก่น เพื่อสนับสนุนรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาให้บริหารงานเดินหน้าปฏิรูปประเทศต่อไป
นายอุดม กล่าวว่าได้รวมตัวกับชาวบ้านออกมาคัดค้านการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาดาวดิน ที่มาทำลายความน่าเชื่อถือ และความมั่นคงของชาติ บิดเบือนข้อเท็จจริง หลังจากที่กลุ่มดาวดิน และกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบ้านนามูลดูนสาด 50 คน เข้าแทรกแซงในหมู่บ้าน ต่อกรณีพิพาทการขุดเจาะบ่อก๊าซธรรมชาติ ในพื้นที่ของบริษัท อพิโก้ (โคราช) จำกัด สร้างความปั่นป่วน และความแตกแยกขึ้นในหมู่บ้าน
ล่าสุดทางบริษัทได้ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจ และประชุมร่วม 3 ฝ่าย (ไตรภาคี) ทำให้ชาวบ้านเกิดความกระจ่างใจ และลดความขัดแย้ง จึงขอสนับสนุนให้บริษัทขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ เพราะมองว่าเป็นประโยชน์ในระดับประเทศ และสนับสนุนให้รัฐบาล เดินหน้าปฏิรูปประเทศ และเร่งเกิดการขุดเจาะบ่อก๊าซในพื้นที่ต่อไป
ด้านนายกำธร ถาวรสถิตย์ ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ทางราชการเคารพสิทธิประชาชน ขณะเดียวกันต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และการประกอบการที่ได้รับอนุญาตจากราชการโดยชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นจึงได้ตั้งคณะกรรมการไตรภาคี ประกอบด้วย ประชาชน หน่วยงานราชการ และผู้ประกอบการ ร่วมทำความเข้าใจกันแก้ปัญหาการขุดเจาะบ่อก๊าซที่ผ่านมา
นายกำธร กล่าวด้วยว่า ข้อเท็จจริงในพื้นที่ประชาชนได้รับการดูแล และมีส่วนร่วมในการขุดเจาะบ่อก๊าซตามสัญญาสัมปทาน หลังเกิดความกังวลขึ้น ตอนนี้ประชาชนได้มาชี้แจงว่าที่ผ่านมาได้แก้ปัญหาโดยไตรภาคีแล้ว และบอกว่ากลุ่มอนุรักษ์ที่ออกมาคัดค้าน พร้อมด้วยนักศึกษากลุ่มดาวดินมีเพียง 3% เท่านั้น ซึ่งประชาชนคงทนไม่ได้ จึงต้องมาชี้แจงให้คนทั้งประเทศได้ทราบข้อเท็จจริง พร้อมเป็นกำลังให้รัฐบาลและ คสช. บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึงการดำเนินคดีกับ 14 นักศึกษา กลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ที่เคลื่อนไหวต่อต้านการรัฐประหาร ว่า ต้องแก้ปัญหาด้วยกฎหมาย ด้วยกระบวนการยุติธรรม ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีดังกล่าวต้องขึ้นศาลทหารเท่านั้น ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า กฎหมายประกาศไว้อย่างไร ต้องรู้ว่าทหารเขาทำอย่างไร ในยามที่ไม่ปกติ หรือเมื่อที่ต้องใช้อำนาจพิเศษ เพราะมีการประกาศออกมาแล้วว่า คดีใดที่จะต้องขึ้นศาลทหาร ไม่ใช่ประกาศมาหลังจากเกิดการจัดกิจกรรมเคลื่อนไหว โดยหลังจากนี้ต้องว่าไปตามขั้นตอนของกระบวนการยุติธรรม ว่าจะดูแลได้แค่ไหน แต่ก็มักจะขุดคุ้ยให้ได้ เขามีการประกาศคำสั่ง คสช. แล้ว เวลาเขียนข่าวก็เขียนให้มันชัด ว่า กี่เรื่องที่ขึ้นศาลทหาร 1. คดีอาญา มาตรา 112 และ 2. ขัดคำสั่ง คสช. ซึ่งหมายถึงกฎหมายตามคำสั่ง คสช.ทุกฉบับ
เล็งใช้กม.เยาวชนผ่อนหนักเป็นเบา
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผบ.ทบ. กล่าวถึง กรณีที่เจ้าหน้าที่ควบคุมตัวนักศึกษา14 คน ที่จะครบการฝากขังผลัดแรก ในวันที่ 7 ก.ค.นี้ ว่า ฝ่ายความมั่นคงไม่ได้มองนักศึกษาเป็นศัตรู หรืออะไร นักศึกษาก็เป็นลูกหลาน ตนเห็นภาพของแต่ละคน อายุก็อยู่ในเกณฑ์ที่ต้องศึกษาเล่าเรียน และเป็นอนาคตที่ดีของชาติได้ต่อไป แต่การที่เจ้าหน้าที่ได้จับกุมนักศึกษา14 คนนั้น เพราะมีการปฏิบัตินอกกรอบ มีส่วนที่ก่อให้เกิดความไม่สงบ และขัดต่อกฎหมาย ต่อระเบียบที่ คสช.วางไว้ เพื่อให้เกิดความสงบ โดยก่อนหน้านี้ก็เริ่มต้นด้วยการตักเตือนมาตามลำดับ แต่ก็ยังกระทำในสิ่งที่จะก่อให้เกิดความไม่สงบ และความมั่นคงในอนาคต สุดท้ายต้องปล่อยให้กฎหมายดำเนินการ โดยทางฝ่ายความมั่นคงได้ให้ทางตำรวจไปดำเนินการ ภายใต้การกำกับการดูแลของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ที่รับคำสั่งมาจากพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี
"เรื่องนี้จะปล่อยปละละเลยไม่ได้ เพราะขัดต่อกฎหมาย และคำสั่งของ คสช. ที่ได้ระบุไว้ ไม่เช่นนั้นปัญหาจะพัฒนาแบบค่อยเป็นค่อยไป นำไปสู่กลุ่มก้อนที่มากมาย และเกิดความไม่สงบ เราเห็นหายนะที่อยู่เบื้องหน้า คงไม่อยู่เฉยๆ และปล่อยปละละเลยไป ผมมั่นใจว่าประชาชนเข้าใจดี แต่ไม่ได้แสดงออก จะมีแสดงออกก็เพียงบางกลุ่มที่เห็นว่าการเคลื่อนไหวของนักศึกษา จะเป็นตัวนำ กลายเป็นประเด็นในสิ่งที่จะต่อต้านและต่อสู้รัฐบาล ขอยืนยันว่า ทางรัฐบาลและคสช. ไม่ได้มองเห็นประชาชนทุกกลุ่มเป็นศัตรู จึงไม่ได้ต่อสู้กับใคร เพียงแต่ต้องดูแลความสงบให้เกิดขึ้น เพื่อนำไปสู่ระบอบประชาธิปไตยที่ถูกต้องในอนาคต"
พล.อ.อุดมเดช กล่าวด้วยว่า นักศึกษาทั้ง 14 คน แน่นอนว่าจำเป็นต้องดำเนินการตามกฎหมาย แต่ด้วยความเป็นนักศึกษา เป็นเยาวชน ทางออกยังพอมี ในส่วนที่จะพิจารณา ในกรณีที่เป็นเยาวชน โทษทัณฑ์ต่างๆ ก็คงไม่มากมายอะไร แต่เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมาย ตนไม่ขอก้าวล่วง แต่ในแง่มุมของกฎหมายสามารถพิจารณาได้จากการเป็นเยาวชนอยู่ได้บ้าง คิดว่าทางฝ่ายกฎหมาย ตำรวจ และศาล ตลอดจนถึงผู้ควบคุมทางฝ่ายกฎหมาย คงจะมองกรณีนี้อยู่และเร่งคิดหาทางออกที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ฐานความผิดมีอยู่จริง กลุ่มที่ต่อต้านก็โหนกระแสเข้ามา คณาจารย์ ครูบาอาจารย์ ที่ดีๆ หลายท่านคิดด้วยความบริสุทธิ์ใจ ตนก็ทราบ ไม่อยากให้ทำอะไรที่รุนแรง ตนก็เชื่อว่าทางผู้ใหญ่ในรัฐบาลก็ฟังอยู่ และหาหนทางที่เหมาะสมในการแก้ปัญหา แต่จะให้ยกไปเสียเลย ก็ทำไม่ได้ เพราะเป็นกฎหมาย บางท่านบริสุทธิ์ใจ บางท่านจะมีอะไรอยู่หรือเปล่าตนก็ไม่แน่ใจ แต่หลายท่านที่มีชื่อออกมาแสดงความคิดเห็น ก็ย่อมรู้ว่าคิดเห็นอย่างไร แต่ขอว่า อะไรก็ตามที่จะเกิดความไม่สงบเรียบร้อย ขอให้ช่วยกัน
"บางคนก็กระโดดเข้าสู่กระแส โหนไปตามกระแสนั้นๆ เชื่อว่าจะเป็นจุดหนึ่งที่จะทำให้เกิดความไม่เรียบร้อย หรือรัฐบาลกระเพื่อม ขอให้หยุด ขอเถอะครับ ครูบาอาจารย์ ผมก็เคารพรัก เจอกันภายนอกก็ยิ้มแย้มแจ่มใส ทักทายไม่ได้เป็นศัตรูกัน บางอย่างท่านเอาไปให้ข้อคิดเห็นสนับสนุน จนทำให้คิดว่า สิ่งที่ไม่ดี เป็นสิ่งดี ซึ่งมันไม่ใช่เวลานี้ มีอยู่ท่านหนึ่งพูดผ่านสื่อโดยเปรียบเทียบว่า หมอกำลังจะผ่าตัดคนไข้ และมีคนไปดึงมีดผ่าตัดของคุณหมอออกมา ไม่ให้คนป่วยพ้นจากโรคภัย เทียบกันสถานการณ์ตอนนี้ ก็เช่นเดียวกันที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ แต่มีคนไปยื้อไว้ ขออย่าสนับสนุนเลย ให้รัฐบาลมีเวลา มีโอกาสทำงานต่อไป อีกไม่นานจะมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ นำไปสู่การเลือกตั้ง ทุกคนอยากไปถึงตรงนั้นทั้งหมด ทั้งนายกฯเอง ตำรวจ ทหาร" พล.อ.อุดมเดช กล่าว
"วิษณุ"ชี้แนวคิดนิรโทษฯยังไม่ตกผลึก
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กรณีที่ฝ่ายการเมืองออกมาเสนอให้รัฐบาลใช้ มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว ออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กลุ่มนักศึกษา ว่า การใช้ ม. 44 หรือออกเป็นพระราชบัญญัติเพื่อนิรโทษกรรม เป็นเพียงวิธีการ แต่ก่อนจะพูดถึงวิธีการต้องมาพิจารณาถึงความจำเป็นก่อน ว่าจำเป็นต้องทำหรือไม่ นโยบายเป็นอย่างไร อยากที่จะทำหรือไม่ และพูดถึงผลกระทบที่จะตามมาด้วยว่าเป็นอย่างไร จะมีคนออกมาชุมนุมหรือไม่ ซึ่งเรื่องดังกล่าวต้องมาก่อนวิธีการ ถ้าสิ่งที่ตนกล่าวมายังไม่ตกผลึก ก็อย่าเพิ่งไปพูดถึงวิธีการ และเท่าที่ทราบเรื่องดังกล่าวยังไม่มีการพูดกันอย่างเป็นทางการในที่ใด แต่อ่านหนังสือพิมพ์แล้วก็มีพูดคุยกันบ้าง
ผบ.ตร.เชื่อมีคนอยู่เบื้องหลัง 14 นศ.
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. กล่าวถึงกรณีที่จะมีการยื่นเรื่องขอให้ปล่อยตัวนักศึกษากลุ่มดาวดินทั้ง 14 คน ที่ถูกควบคุมตัวหลังออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ซึ่งในวันที่ 7 ก.ค.นี้ จะครบกำหนดฝากขังว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องของความมั่นคง เป็นเรื่องที่ทางฝ่ายความมั่นคงและเจ้าหน้าที่ทหารจะต้องดำเนินการ เจ้าหน้าที่ตำรวจพร้อมที่จะปฎิบัติการตามคำสั่งของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) หรือรัฐบาล ทั้งนี้อะไรที่ผิดกฎหมายก็ต้องว่าไปตามผิด ส่วนจะดำเนินการอย่างไรนั้น ก็ต้องรอดูว่าท่าทีของกลุ่มนักศึกษาเป็นอย่างไร
"ส่วนองค์กรแอมเนสตี้ หรือ องค์กรด้านสิทธิมนุษยชน ได้มีการส่งหนังสือมาถึงผม ให้ปล่อยตัวนักศึกษาด้วย องค์กรเหล่านี้ไม่ว่าองค์กรไหนก็แล้วแต่ ก็มีสิทธิที่จะแสดงความคิดเห็น หรือจะแสดงความรู้สึก แต่ถามนิดเดียว เวลาประเทศชาติมีปัญหาองค์กรเหล่านี้ไปไหนหมด เวลาพี่น้องประชาชนเดือดร้อน องค์กรเหล่านี้หดหัวไปอยู่ที่ไหนหมด เคยไหมที่จะออกมาช่วยเหลือ เคยไหมที่จะออกมาทำให้คนไทยรักกันสมานสามัคคี ไม่มีหรอก เพราะเขาไม่ใช่คนบ้านเรา เขาไม่รู้จักคนไทยดี คนไทยในประวัติศาสตร์มีการรักใคร่ปรองดองเป็นปึกแผ่น แต่ประเทศไทยในอดีตสมัยกรุงศรีอยุธยา และสมัยกรุงธนบุรี ล่มสลายเพราะคนไทยไปเชื่อต่างชาติยุแยงตะแคงรั่ว เราจะเป็นแบบนั้นอีกเหรอ ฟังเขา เขาคิดไม่เห็นต้องทำตาม เขาจะรู้จักคนไทยได้ยังไง เขากินขนมปัง เขาไม่ได้กินน้ำพริกปลาร้าอย่างเรา แล้วจะไปรู้จักนิสัยคนไทยได้อย่างไร คนไทยเท่านั้นที่จะรู้จักนิสัยคนไทยดี ฝรั่งก็คิดแบบฝรั่ง เพ้อเจ้อ เขาไม่ใช่คนไทย บางครั้งนั่งวิจารณ์อยู่ที่ประเทศเขา ผมไม่ฟังเขาหรอก " พล.ต.อ.สมยศ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนักศึกษา 14 คนนี้ จะฝากขังต่อ ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า เรื่องนี้อยู่ที่กระบวนการยุติธรรม ถามต่อว่าและกลุ่มที่เคลื่อนไหวอยู่ขณะนี้ มีเบื้องหลังหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า มีแน่ แต่เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง
คุมเข้มฝากขังผลัดสอง 7 ก.ค.
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. กล่าวถึง การดูแลรักษาความปลอดภัย กรณีที่พนักงานสอบสวนยื่นฝากขังนักศึกษา 14 คน ตามมาตรา 116 และมาตรา 83 ผลัด 2 ที่ศาลทหารกรุงเทพ ในวันนี้ ( 7 ก.ค.) หลังจากที่ครบกำหนดฝากขังผลัดแรก 12 วัน ว่า การดูแลรักษาความปลอดภัยในเบื้องต้น จะใช้กฏหมายปกติ คือเป็นหน้าที่ของตำรวจที่ต้องดูแล ในส่วนของทหารเรามีกองกำลังรักษาความาสงบเรียบร้อย (กกล.รส.) รับผิดชอบในแต่ละพื้นที่อยู่แล้ว
ด้าน พล.ต.พนมเทพ เวสารัชชนันท์ ตุลาการพระธรรมนูญ หัวหน้าศาลทหารกรุงเทพ กล่าวว่า ในวันนี้ (7 ก.ค.) การดูแลรักษาความปลอดภัยในส่วนของศาลทหารก็จะดูแลเพียงภายในเท่านั้น ส่วนบริเวณด้านนอกรอบๆ บริเวณศาล จะเป็นในส่วนของกองรักษาความปลอดภัยของสำนักปลัดกระทรวงกลาโหม ซึ่งทางศาลทหาร มีการพิจารณาคดีอย่างเปิดเผยอยู่แล้ว แต่เนื่องจากห้องพิจารณาคดีของทางศาลค่อนข้างเล็ก จุคนได้เพียง 20-30 คน จึงต้องมีการส่งตัวแทนเข้าไปร่วมฟังเท่านั้น เฉพาะญาติของผู้ที่เข้าฟังทั้ง 14 คน ทนายความ ผู้สื่อข่าว ก็ต้องตกลงกันว่า ใครจะเข้าไปร่วมฟังการพิจารณาคดี
อ.ธรรมศาสตร์ ค้านฝากขังผลัด 2
เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ ที่ศาลทหารกรุงเทพ นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล รองอธิการบดีฝ่ายการนักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ พร้อมด้วย นายต่อพงศ์ กิตติยานุพงศ์ รองคณบดีฝ่ายการนักศึกษา คณะนิติศาสตร์ ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึงผู้พิพากษาศาลทหารกรุงเทพ ที่กรมพระธรรมนูญ กระทรวงกลาโหม เพื่อคัดค้านการฝากขังผลัดที่สองในวันนี้ ซึ่งมีนักศึกษาจากม.ธรรมศาสตร์ รวมอยู่ด้วย โดยเนื้อหาในจดหมายดังกล่าว ให้เหตุผลว่า
1. เหตุผลของเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ขอฝากขังคือ เกรงว่าผู้ต้องหาจะหลบหนี จึงขอเอาตัวมาฝากขังไว้ในเรือนจำ เพื่อดำเนินการส่งฟ้องต่อไป แต่พฤติกรรมที่ผ่านมาของทั้ง 14 คน ไม่ปรากฏว่าจะมีการหลบหนีแต่อย่างใด การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาขอฝากขังเป็นเรื่องความสะดวกในการดำเนินคดีของเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่เป็นสิ่งที่กระทบต่อสิทธิของผู้ต้องหาทั้ง 14 คน มากเกินไปโดยไม่จำเป็น
2. ตามหลักนิติรัฐ หรือหลักนิติธรรมนั้น ในคดีอาญาต้องสันนิษฐานไว้ก่อนว่า ผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด เพียงผู้ถูกกล่าวหาจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ การเอาตัวไปฝากขังไว้ในเรือนจำ โดยที่ยังไม่มีการส่งฟ้องต่อศาล คือยังไม่เป็นจำเลยด้วยซ้ำไป จึงเป็นเรื่องที่กระทบต่อความเป็นธรรมของกระบวนการยุติธรรม
3. ถึงแม้ว่า คำสั่ง คสช. ที่ผู้ต้องหาทั้ง 14 คน โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวหาว่าฝ่าฝืนนั้น จะอาศัยอำนาจตาม มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 แต่มาตรา 2 แห่งรัฐธรรมนูญฉบับนี้ บัญญัติว่า"ประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข”และมาตรา 3 บัญญัติให้ อำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย อีกทั้ง มาตรา 4 ยังบัญญัติไว้อีกว่า "ภายใต้บังคับแห่งรัฐธรรมนูญนี้ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค บรรดาที่ชนชาวไทยเคยได้รับการคุ้มครองตามประเพณีการปกครองประเทศไทย ในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยมีอยู่แล้ว ย่อมได้รับการคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญนี้" การแสดงออกซึ่งความเห็นที่แตกต่างไปจากรัฐบาล เป็นสิทธิเสรีภาพที่ชนชาวไทยเคยได้รับความคุ้มครองจากรัฐธรรมนูญมาทุกฉบับ และการได้รับสิทธิในการต่อสู้คดีโดยไม่ถูกกักขังระหว่างการพิจารณา ก็เป็นสิทธิตามพันธกรณีระหว่างประเทศที่ประเทศไทยได้เป็นภาคีอยู่ด้วย การใช้และการตีความ มาตรา 44 จึงต้องคำนึงถึง มาตรา 2 มาตรา 3 และ มาตรา 4 ผู้ต้องหาทั้ง 14 คน จึงยังเป็นผู้บริสุทธิ์ที่ควรได้รับสิทธิในการต่อสู้คดีโดยไม่ต้องถูกขังในระหว่างการดำเนินคดี ทั้งนี้ จึงใคร่ขอศาลทหารกรุงเทพ ได้โปรดพิจารณาไม่อนุมัติฝากขังต่อ และให้ผู้ต้องหา 14 คน ได้มีสิทธิต่อสู้คดีนอกเรือนจำด้วย
วอร์รูมตระกูลชินฯปั่นกระแสการเมือง
นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณี นศ.กลุ่มดาวดิน ไม่ยอมยื่นประกันตัวว่า เป็นสิทธิแห่งความเชื่อของคนหนุ่มสาว นักศึกษากลุ่มนี้ยังโชคดีกว่านักศึกษา หรือประชาชนที่ต่อต้านระบอบทักษิณ เพราะหากต่อต้านระบอบทักษิณไม่บาดเจ็บ พิการ ก็ล้มตาย เช่น นายทวีศักดิ์ โพธิ์แก้ว นักศึกษา ม.รามคำแหงชั้นปีที่ 1 ถูกคนเสื้อแดงยิงตาย นักศึกษานับพันคนถูกล้อมยิงทั้งคืน จากกรณี นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ พูดจายั่วยุคนเสื้อแดงให้ใช้ความรุนแรงกับนักศึกษารามคำแหง ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อ 30 พ.ย. 56 นายวสุ สุฉันทบุตร ถูกตำรวจแต่งชุดดำยิงตาย ที่สนามกีฬาไทย - ญี่ปุ่น เมื่อ 2 ม.ค. 57 ยังไม่นับ ทนายสมชาย นีละไพจิตร ที่หายสาปสูญหาศพไม่พบ หรือถูกอุ้มฆ่าอย่าง นายเอกยุทธ อัญชันบุตร หรือกรณีเหวี่ยงแหอ้างว่าปราบยาเสพติดกว่า 2,800 ศพ ทั่วประเทศ หรือการอุ้มฆ่าพี่น้องมุสลิมใน 3 จว.ภาคใต้ การฆาตกรรมเพื่อนร่วมชาติจำนวนมากนี้ เกิดขึ้นเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ สั่งการด้วยนโยบายกำปั้นเหล็ก ขณะที่มีอำนาจและช่วงหลังเกิดขึ้นเพราะต้องการรักษาระบอบทักษิณให้ดำรงอยู่ โดยถึงขั้นจัดตั้งกองกำลังติดอาวุธ และชายชุดดำ
"ถ้านักศึกษาเป็นปัญญาชน ย่อมคิดได้ด้วยตนเองว่า ที่ต่อต้าน คสช.นี้ รัฐบาลดำเนินไปตามกฎหมาย และมีทีท่าเข้าใจ แต่ถ้าต่อต้านระบอบทักษิณ ทำไมต้องถูกเข่นฆ่าเหมือนชีวิตคนไม่มีค่าเช่นนี้ แล้วเมื่อนักศึกษาและเพื่อนร่วมชาติถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม ที่ผ่านมา ทำไมอาจารย์ของเราจึงไม่ชวนนักศึกษาทำกิจกรรมเรียกร้องความเป็นธรรมให้ผู้ตายบ้าง กลับสนับสนุนระบอบทักษิณอยู่ได้อย่างไร นี่คือสองมาตรฐานใช่ไหม"
นายวัชระ กล่าวว่า ในระบบ คสช. ที่เรียกว่าเผด็จการนี้ ทำไมประชาชนมีความปลอดภัยมากกว่าในยุคที่ ทักษิณ-ยิ่งลักษณ์ ครองเมืองจะด่าจะว่ารัฐบาลอย่างไรก็ได้ หากเป็นสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ อาจถูกคนเสื้อแดงไปประท้วงหน้าบ้าน ถูกข่มขู่ หรือยิงปืนใส่ หรือปาระเบิดใส่บ้านไปแล้วโชคดีที่ในยุค คสช. นี้สามารถกำราบอันธพาลการเมืองที่เคยเหิมเกริมให้หายไปได้ แต่มันอาจจะกลับมาอีกหากระบอบทักษิณกลับคืนมา การเร่งเร้าสถานการณ์ทางการเมืองขณะนี้ กำลังดำเนินไปตามจังหวะก้าวของวอร์รูม ตระกูลชินวัตร ที่มี นายภูมิธรรม เวชยชัย นายจาตุรนต์ ฉายแสง มือขวา และมือซ้ายของ พ.ต.ท.ทักษิณ คอยชี้นำและบงการเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของระบอบทักษิณ นักศึกษาคนหนุ่มสาว ก็ต้องรู้ให้เท่าทันระบอบประชาธิปไตยอาบยาพิษของทักษิณ ด้วย
ชาวบ้านนามูลฮือต้านนศ.ดาวดิน
วานนี้ (6 ก.ค.)ที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่น นายอุดม หลาบยองสี อายุ 58 ปี ตัวแทนชาวบ้านนามูล ต.ดูนสาด อ.กระนวน จ.ขอนแก่น พร้อมด้วยชาวบ้าน ต.ดูนสาด 11 หมู่บ้าน กว่า 100 คน ถือป้ายคัดค้านนักศึกษากลุ่มดาวดิน เรียกร้องให้หยุดกิจกรรมต่อต้านรัฐบาล และการกระทำที่แสดงออกถึงความแตกแยก โดยยื่นหนังสือผ่านนายกำธร ถาวรสถิตย์ ผวจ.ขอนแก่น เพื่อสนับสนุนรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาให้บริหารงานเดินหน้าปฏิรูปประเทศต่อไป
นายอุดม กล่าวว่าได้รวมตัวกับชาวบ้านออกมาคัดค้านการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษาดาวดิน ที่มาทำลายความน่าเชื่อถือ และความมั่นคงของชาติ บิดเบือนข้อเท็จจริง หลังจากที่กลุ่มดาวดิน และกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบ้านนามูลดูนสาด 50 คน เข้าแทรกแซงในหมู่บ้าน ต่อกรณีพิพาทการขุดเจาะบ่อก๊าซธรรมชาติ ในพื้นที่ของบริษัท อพิโก้ (โคราช) จำกัด สร้างความปั่นป่วน และความแตกแยกขึ้นในหมู่บ้าน
ล่าสุดทางบริษัทได้ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจ และประชุมร่วม 3 ฝ่าย (ไตรภาคี) ทำให้ชาวบ้านเกิดความกระจ่างใจ และลดความขัดแย้ง จึงขอสนับสนุนให้บริษัทขุดเจาะก๊าซธรรมชาติ เพราะมองว่าเป็นประโยชน์ในระดับประเทศ และสนับสนุนให้รัฐบาล เดินหน้าปฏิรูปประเทศ และเร่งเกิดการขุดเจาะบ่อก๊าซในพื้นที่ต่อไป
ด้านนายกำธร ถาวรสถิตย์ ผวจ.ขอนแก่น กล่าวว่า ทางราชการเคารพสิทธิประชาชน ขณะเดียวกันต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และการประกอบการที่ได้รับอนุญาตจากราชการโดยชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นจึงได้ตั้งคณะกรรมการไตรภาคี ประกอบด้วย ประชาชน หน่วยงานราชการ และผู้ประกอบการ ร่วมทำความเข้าใจกันแก้ปัญหาการขุดเจาะบ่อก๊าซที่ผ่านมา
นายกำธร กล่าวด้วยว่า ข้อเท็จจริงในพื้นที่ประชาชนได้รับการดูแล และมีส่วนร่วมในการขุดเจาะบ่อก๊าซตามสัญญาสัมปทาน หลังเกิดความกังวลขึ้น ตอนนี้ประชาชนได้มาชี้แจงว่าที่ผ่านมาได้แก้ปัญหาโดยไตรภาคีแล้ว และบอกว่ากลุ่มอนุรักษ์ที่ออกมาคัดค้าน พร้อมด้วยนักศึกษากลุ่มดาวดินมีเพียง 3% เท่านั้น ซึ่งประชาชนคงทนไม่ได้ จึงต้องมาชี้แจงให้คนทั้งประเทศได้ทราบข้อเท็จจริง พร้อมเป็นกำลังให้รัฐบาลและ คสช. บังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง