ภัยแล้งยังคงคุกคามประเทศไทย ขณะที่พายุโซนร้อนได้เอื้อประโยชน์ต่อเพื่อนบ้านทั้งใกล้และไกล สภาวะเอลนินโญ่ปรากฏชัด แม่น้ำหลักหลายสายในภาคเหนือแทบไม่มีน้ำเหลือ ระดับน้ำในเขื่อนหลักยังลดลงอย่างน่าใจหาย
เป็นปรากฏการณ์ภัยแล้งรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี น้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ยังอยู่ในระดับต่ำที่สุด ขณะที่ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนยังมีจำนวนน้อยเพราะน้ำจากฝนแท้และฝนเทียมถูกแผ่นดินแห้งผากดูดซับไว้ส่วนหนึ่ง
ยังไม่รู้ชัดว่าปีนี้ฤดูฝนจะมาหรือไม่ แม้จะล่าช้า ถ้ายังมา ปริมาณน้ำฝนจะมีเพียงพอเติมน้ำต้นทุนในเขื่อนให้มีมากพอจนถึงฤดูฝนปีหน้าได้หรือไม่
ชะตากรรมของชาวนาอยู่ในภาวะวิกฤตสุดๆ เมื่อภาครัฐประกาศห้ามชาวนาทำนา หรือให้เปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นๆ แม้จะรู้ว่าพืชต้องการน้ำทั้งสิ้น ชาวไร่ ชาวสวน ยังอยู่ในสภาวะตามมีตามเกิด รายได้ยังมีจากการขายผลไม้
ถ้าฝนไม่มา มีปัญหาแล้งรุนแรงต่อเนื่อง ชาวนาไม่มีโอกาสทำนา จะเกิดอะไรขึ้น แน่นอน ย่อมขาดรายได้ ขาดข้าวสำหรับบริโภค ปริมาณการผลิตข้าวในประเทศจะลดน้อยลง จำนวนการขาย การส่งออก ย่อมมีน้อยลงตามส่วน
ชาวนาไม่มีหลักประกันชีวิต ไร้สวัสดิการ มีพลังต่อรองน้อยที่สุด เป็นภาคส่วนซึ่งได้รับความสำคัญน้อยที่สุด เป็นกลุ่มที่ต้องเสียสละ เสียผลประโยชน์มากที่สุดเมื่อได้รับผลกระทบการลงทุนจากภาคธุรกิจอื่น
เมื่อชาวนารวมตัวเรียกร้องผลประโยชน์ตามสิทธิที่ควรได้ หรือขอความช่วยเหลือจากผลกระทบต่อการดำรงชีพ ปัญหาสุขภาพ ความอยู่รอด ดังเช่นพิษร้ายจากเหมืองทองในจังหวัดพิจิตร เพชรบูรณ์ เลย ก็ถูกสั่งให้เสียสละ
ชาวบ้านจะเป็นจะตายจากสารพิษร้าย ทำนา ปลูกพืชไม่ได้ ภาครัฐบอกต้องยอมเพื่อให้เหมืองทองทำธุรกิจต่อไป การเยียวยาสุขภาพ รายได้ไม่คุ้มค่า
ภัยแล้งรุนแรงครั้งนี้ ชาวนาต้องยอมรับสภาพแบบไร้อำนาจต่อรอง จะ เรียกร้องอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น อย่างมากก็ให้เจ้าหนี้ผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้โดยไม่มีฝ่ายใดรับประกันว่าจะมีข้าวกิน มีรายได้เพื่ออยู่รอดจากภาวะวิกฤต
ผลกระทบต่อเนื่องถึงผู้ผลิตสินค้าเพื่ออุปโภคบริโภค เมื่อชาวนาไม่มีรายได้สำหรับใช้จ่าย ใช้หนี้เจ้าหนี้ ภาระการส่งเสียค่าเทอม รวมทั้งการยังชีพเพื่อเอาตัวรอดในสภาพแร้นแค้น ส่งผลกระทบด้านสังคม อาชญากรรมอย่างมากมาย
ชาวเมืองจะมีน้ำประปาเพียงพอต่อเนื่องจนถึงฤดูฝนหน้าหรือไม่ ทุกวันนี้คนในเมืองยังไม่รู้สึกถึงแรงบีบคั้นในครอบครัว ตราบใดที่น้ำประปายังไหล ไฟฟ้าสว่าง ผู้คนยังไม่มีปัญหาด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากนัก
ผู้บริหารประเทศมีความรู้สึกสำนึกถึงภาวะวิกฤตเพียงพอหรือยัง ที่ผ่านมามีคำเตือน คำขอร้องจากการประปาให้ประหยัดการใช้น้ำแต่ยังไม่มีการใช้มาตรการภาคบังคับเข้มงวดคงเป็นเพราะไม่ต้องการให้ประชาชนลำบาก
นี่ย่อมไม่เป็นการยุติธรรมอย่างมาก เมื่อชาวนา ประชาชนภาคเกษตรถูกสั่งห้ามปลูกข้าว พืชหลักแห่งชีวิต ไร้ทางเลือกสำหรับการอยู่รอด แต่คนภาคในเมืองยังมีชีวิตเป็นไปตามเดิม ยังไม่รู้สึกเดือดร้อน แม้จะรู้ว่ามีภัยแล้งรุนแรง
รัฐบาลต้องตระหนักถึงภาวะวิกฤต พิจารณาว่าถึงเวลาหรือยังที่ภาคธุรกิจอื่นๆ จำเป็นต้องรับรู้และเสียสละเช่นกัน โดยเฉพาะธุรกิจบางประเภทเช่น อาบ อบ นวด ใช้น้ำมากมาย ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับรายได้จากการท่องเที่ยว
ในช่วงวิกฤตพลังงาน รัฐบาลประกาศกำหนดเวลาปิดเปิดธุรกิจอาบ อบ นวด ห้างสรรพสินค้า ให้เวลาสั้นลง ลดการใช้ไฟฟ้าเพื่อประหยัดพลังงานจากการใช้พลังน้ำผลิตกระแสไฟฟ้า ธุรกิจล้างรถยนต์ สนามกอล์ฟ และอื่นๆ
อาจมีคำถามว่า ธุรกิจ อาบ อบ นวด ล้างรถ จะใช้น้ำมากสักเท่าไหร่กัน ถ้ามีมาตรการควบคุมผู้มีรายได้ในภาคนี้จะมีปัญหาด้านผ่อนซื้อรถ ผ่อนบ้าน การครองชีพ และภาระอื่นๆ คำตอบคือ คนทุกระดับต้องแบ่งปันทุกข์ แบ่งสุข
ชาวนาเป็นผู้ด้อยโอกาส รายได้ต่ำ ไม่สม่ำเสมอที่สุดในสังคมไทย แม้เป็นผู้ผลิตอาหารหลักให้คนทุกระดับ ตั้งแต่ขอทานจนถึงเจ้าสัว มหาเศรษฐีแสนล้าน ดังนั้นชาวนาจึงไม่ควรต้องแบกรับความทุกข์แต่เพียงกลุ่มเดียว
สำคัญอยู่ที่ว่าผู้บริหารบ้านเมืองได้ตระหนักถึงภาวะวิกฤตนี้หรือไม่ เมื่อรับรู้แล้วจะมีแนวทางปฏิบัติอย่างไรนอกเหนือจากการทำฝนเทียม เยียวยาผู้ได้รับกระทบ เพราะถึงอย่างไรกลุ่มผู้ยากไร้ก็ไม่มีโอกาสเข้าถึงความช่วยเหลือ
เห็นได้ชัดว่าผู้บริหารบ้านเมืองตำแหน่งสูงหลายคนยังไม่รู้สึกทุกข์ร้อน ต่างจากกลุ่มรากหญ้าชนบท รากหญ้าป่าคอนกรีต ผู้ค้ารายย่อยซึ่งยังไม่เห็นเวลากระเตื้องของเศรษฐกิจซึ่งจะทำให้ตัวเองมีช่องทางเพื่อลืมตาอ้าปากได้
ผู้มีอำนาจหลายคนยังสนุกกับการกอบโกยในช่วงกุมอำนาจพิเศษ ยังไม่สำนึกถึงวิกฤตจนสมควรประกาศภาวะฉุกเฉิน ระดมสรรพกำลัง รถขุดตักดินจากภาคเอกชนเพื่อเร่งขุดลอกแม่น้ำ คู คลองที่ตื้นเขินเพื่อรับน้ำในอนาคต
ถ้าไม่ขุดอ่างเก็บน้ำแก้มลิง ห้วยหนองคลองบึงยามนี้ จะมีครั้งไหน จะรอให้พวกเจ้าสัว ผู้นำรัฐบาล เปิดก๊อกน้ำประปา แล้วมีแต่เสียงลมออกมาหรือ
เป็นปรากฏการณ์ภัยแล้งรุนแรงที่สุดในรอบ 50 ปี น้ำในเขื่อนภูมิพลและเขื่อนสิริกิติ์ยังอยู่ในระดับต่ำที่สุด ขณะที่ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนยังมีจำนวนน้อยเพราะน้ำจากฝนแท้และฝนเทียมถูกแผ่นดินแห้งผากดูดซับไว้ส่วนหนึ่ง
ยังไม่รู้ชัดว่าปีนี้ฤดูฝนจะมาหรือไม่ แม้จะล่าช้า ถ้ายังมา ปริมาณน้ำฝนจะมีเพียงพอเติมน้ำต้นทุนในเขื่อนให้มีมากพอจนถึงฤดูฝนปีหน้าได้หรือไม่
ชะตากรรมของชาวนาอยู่ในภาวะวิกฤตสุดๆ เมื่อภาครัฐประกาศห้ามชาวนาทำนา หรือให้เปลี่ยนไปปลูกพืชชนิดอื่นๆ แม้จะรู้ว่าพืชต้องการน้ำทั้งสิ้น ชาวไร่ ชาวสวน ยังอยู่ในสภาวะตามมีตามเกิด รายได้ยังมีจากการขายผลไม้
ถ้าฝนไม่มา มีปัญหาแล้งรุนแรงต่อเนื่อง ชาวนาไม่มีโอกาสทำนา จะเกิดอะไรขึ้น แน่นอน ย่อมขาดรายได้ ขาดข้าวสำหรับบริโภค ปริมาณการผลิตข้าวในประเทศจะลดน้อยลง จำนวนการขาย การส่งออก ย่อมมีน้อยลงตามส่วน
ชาวนาไม่มีหลักประกันชีวิต ไร้สวัสดิการ มีพลังต่อรองน้อยที่สุด เป็นภาคส่วนซึ่งได้รับความสำคัญน้อยที่สุด เป็นกลุ่มที่ต้องเสียสละ เสียผลประโยชน์มากที่สุดเมื่อได้รับผลกระทบการลงทุนจากภาคธุรกิจอื่น
เมื่อชาวนารวมตัวเรียกร้องผลประโยชน์ตามสิทธิที่ควรได้ หรือขอความช่วยเหลือจากผลกระทบต่อการดำรงชีพ ปัญหาสุขภาพ ความอยู่รอด ดังเช่นพิษร้ายจากเหมืองทองในจังหวัดพิจิตร เพชรบูรณ์ เลย ก็ถูกสั่งให้เสียสละ
ชาวบ้านจะเป็นจะตายจากสารพิษร้าย ทำนา ปลูกพืชไม่ได้ ภาครัฐบอกต้องยอมเพื่อให้เหมืองทองทำธุรกิจต่อไป การเยียวยาสุขภาพ รายได้ไม่คุ้มค่า
ภัยแล้งรุนแรงครั้งนี้ ชาวนาต้องยอมรับสภาพแบบไร้อำนาจต่อรอง จะ เรียกร้องอะไรไม่ได้ทั้งสิ้น อย่างมากก็ให้เจ้าหนี้ผ่อนปรนเงื่อนไขการชำระหนี้โดยไม่มีฝ่ายใดรับประกันว่าจะมีข้าวกิน มีรายได้เพื่ออยู่รอดจากภาวะวิกฤต
ผลกระทบต่อเนื่องถึงผู้ผลิตสินค้าเพื่ออุปโภคบริโภค เมื่อชาวนาไม่มีรายได้สำหรับใช้จ่าย ใช้หนี้เจ้าหนี้ ภาระการส่งเสียค่าเทอม รวมทั้งการยังชีพเพื่อเอาตัวรอดในสภาพแร้นแค้น ส่งผลกระทบด้านสังคม อาชญากรรมอย่างมากมาย
ชาวเมืองจะมีน้ำประปาเพียงพอต่อเนื่องจนถึงฤดูฝนหน้าหรือไม่ ทุกวันนี้คนในเมืองยังไม่รู้สึกถึงแรงบีบคั้นในครอบครัว ตราบใดที่น้ำประปายังไหล ไฟฟ้าสว่าง ผู้คนยังไม่มีปัญหาด้านความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินมากนัก
ผู้บริหารประเทศมีความรู้สึกสำนึกถึงภาวะวิกฤตเพียงพอหรือยัง ที่ผ่านมามีคำเตือน คำขอร้องจากการประปาให้ประหยัดการใช้น้ำแต่ยังไม่มีการใช้มาตรการภาคบังคับเข้มงวดคงเป็นเพราะไม่ต้องการให้ประชาชนลำบาก
นี่ย่อมไม่เป็นการยุติธรรมอย่างมาก เมื่อชาวนา ประชาชนภาคเกษตรถูกสั่งห้ามปลูกข้าว พืชหลักแห่งชีวิต ไร้ทางเลือกสำหรับการอยู่รอด แต่คนภาคในเมืองยังมีชีวิตเป็นไปตามเดิม ยังไม่รู้สึกเดือดร้อน แม้จะรู้ว่ามีภัยแล้งรุนแรง
รัฐบาลต้องตระหนักถึงภาวะวิกฤต พิจารณาว่าถึงเวลาหรือยังที่ภาคธุรกิจอื่นๆ จำเป็นต้องรับรู้และเสียสละเช่นกัน โดยเฉพาะธุรกิจบางประเภทเช่น อาบ อบ นวด ใช้น้ำมากมาย ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับรายได้จากการท่องเที่ยว
ในช่วงวิกฤตพลังงาน รัฐบาลประกาศกำหนดเวลาปิดเปิดธุรกิจอาบ อบ นวด ห้างสรรพสินค้า ให้เวลาสั้นลง ลดการใช้ไฟฟ้าเพื่อประหยัดพลังงานจากการใช้พลังน้ำผลิตกระแสไฟฟ้า ธุรกิจล้างรถยนต์ สนามกอล์ฟ และอื่นๆ
อาจมีคำถามว่า ธุรกิจ อาบ อบ นวด ล้างรถ จะใช้น้ำมากสักเท่าไหร่กัน ถ้ามีมาตรการควบคุมผู้มีรายได้ในภาคนี้จะมีปัญหาด้านผ่อนซื้อรถ ผ่อนบ้าน การครองชีพ และภาระอื่นๆ คำตอบคือ คนทุกระดับต้องแบ่งปันทุกข์ แบ่งสุข
ชาวนาเป็นผู้ด้อยโอกาส รายได้ต่ำ ไม่สม่ำเสมอที่สุดในสังคมไทย แม้เป็นผู้ผลิตอาหารหลักให้คนทุกระดับ ตั้งแต่ขอทานจนถึงเจ้าสัว มหาเศรษฐีแสนล้าน ดังนั้นชาวนาจึงไม่ควรต้องแบกรับความทุกข์แต่เพียงกลุ่มเดียว
สำคัญอยู่ที่ว่าผู้บริหารบ้านเมืองได้ตระหนักถึงภาวะวิกฤตนี้หรือไม่ เมื่อรับรู้แล้วจะมีแนวทางปฏิบัติอย่างไรนอกเหนือจากการทำฝนเทียม เยียวยาผู้ได้รับกระทบ เพราะถึงอย่างไรกลุ่มผู้ยากไร้ก็ไม่มีโอกาสเข้าถึงความช่วยเหลือ
เห็นได้ชัดว่าผู้บริหารบ้านเมืองตำแหน่งสูงหลายคนยังไม่รู้สึกทุกข์ร้อน ต่างจากกลุ่มรากหญ้าชนบท รากหญ้าป่าคอนกรีต ผู้ค้ารายย่อยซึ่งยังไม่เห็นเวลากระเตื้องของเศรษฐกิจซึ่งจะทำให้ตัวเองมีช่องทางเพื่อลืมตาอ้าปากได้
ผู้มีอำนาจหลายคนยังสนุกกับการกอบโกยในช่วงกุมอำนาจพิเศษ ยังไม่สำนึกถึงวิกฤตจนสมควรประกาศภาวะฉุกเฉิน ระดมสรรพกำลัง รถขุดตักดินจากภาคเอกชนเพื่อเร่งขุดลอกแม่น้ำ คู คลองที่ตื้นเขินเพื่อรับน้ำในอนาคต
ถ้าไม่ขุดอ่างเก็บน้ำแก้มลิง ห้วยหนองคลองบึงยามนี้ จะมีครั้งไหน จะรอให้พวกเจ้าสัว ผู้นำรัฐบาล เปิดก๊อกน้ำประปา แล้วมีแต่เสียงลมออกมาหรือ