xs
xsm
sm
md
lg

โฆษกคสช.ปัดปล่อยนศ. "ยะใส"แนะอย่าเหมาเข่ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online

โฆษก คสช.ยันไม่รู้ข่าว “บิ๊กตู่” เตรียมปล่อย 14 นศ. "ไพบูลย์" ซัดไม่เคยต่อสู้เรียกร้องเพื่อปากท้องชาวบ้าน ทำผิด ก.ม.ไม่ยื่นประกันตัว แต่มาให้ปล่อยตัวโดยไม่มีเงื่อนไข "สุริยะใส" แนะรัฐบาลอย่าเหมารวมว่า นศ.มีเบื้องหลังทั้งหมด "ประสาร" แนะใช้ มาตรา 44 นิรโทษกรรมผู้ชุมนุมทางการเมืองโดยสุจริต ไม่พ่วงคดีโกง และอาญา "พล.ท.นันทเดช" แทงใจดำพวกหนุน นศ. ป่วน แค่กลัวรัฐบาลสอบทุจริต ส่วนที่เชียงใหม่มีการรวมตัวทำกิจกรรม-ชูป้าย เรียกร้องปล่อยตัวไร้เงื่อนไข

วานนี้ ( 5 ก.ค.) พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวถึง กรณีที่มีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เตรียมปล่อยตัว 14 นักศึกษา กลุ่มประชาธิปไตยใหม่ ที่ถูกจับกุมนำตัวส่งเข้าเรือนจำ ภายหลังจัดกิจกรรมต่อต้าน คสช. เพื่อต้องการประคับประคองสถานการณ์ให้เกิดความสงบ ตัดตอนปัญหาที่เริ่มลุกลามกระทบโรดแมป และต่ออายุรัฐบาล ว่า ตนยังไม่ทราบ และยังไม่ได้รับรายงานข้อมูลเรื่องดังกล่าว และไม่ทราบว่ากระแสข่าวดังกล่าวนั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร ต้องขอตรวจสอบรายละเอียดก่อน พร้อมกับปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็น กรณีที่ 14 นักศึกษา เรียกร้องขอขึ้นศาลพลเรือน แทนศาลทหาร

**แนะนศ.กลับไปทบทวนดูตัวเอง

พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม และหัวหน้าฝ่ายกฎหมาย และกระบวนการยุติธรรม คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.). กล่าวถึง กรณีการเรียกร้องให้ปล่อยตัวนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ 14 คน โดยไม่มีเงื่อนไขว่า การจับกุมนักศึกษาครั้งนี้ มันไม่ใช่เพราะพวกเขาเรียกร้องต่อสู้เป็นปากเสียงให้กับชาวบ้านในเรื่องที่ชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน แต่เพราะว่านักศึกษาต่อต้านรัฐประหาร ซึ่งมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 116 และข้อหาฝ่าฝืนคำสั่ง คสช. ก็ต้องทำตามกฎหมาย ขณะนี้อยู่ในห้วงเวลาที่ คสช. เข้ามาบริหารประเทศ และได้พูดคุยกันแล้วว่า จะต้องใช้กฎหมาย และกฎเกณฑ์เพื่อหยุดความขัดแย้ง ประชาธิปไตยต้องหยุดเอาไว้ก่อน เพราะประชาธิปไตยที่ผ่านมา บริหารประเทศไม่ได้ ดังนั้นท่านต้องหยุดทุกอย่าง

"คสช.โดนทั้งขึ้นทั้งล่อง แม้ว่าคสช.ไม่ได้เข้ามาตามประชาธิปไตย แต่ก็ไม่ได้เป็นเผด็จการทั้งหมด อะไรที่ขอกันได้ คสช.ก็ให้ แต่อยู่ดีๆท่านมาบอกว่า คสช.ไม่ชอบด้วยประชาธิปไตย ผมก็บอกตั้งแต่แรกว่าไม่ได้เป็นประชาธิปไตย พูดกันแล้วว่าต้องออกกฎหมายมาช่วยในการบริหารประเทศ แล้วมาพูดว่าไม่ชอบเพราะเผด็จการ ผมอยากให้ประชาชนคิดว่าคสช.ไม่ควรจะอยู่บริหารประเทศแล้ว ใช่หรือไม่ ควรจะไปได้หรือยัง ผมจะลาออกทันที แล้วให้ท่านมาบริหารกันเอาเอง มาบอกตอนนี้ว่าไม่เป็นประชาธิปไตย และไม่ยอมรับคสช. จะให้ผมทำยังไง ผมเข้าใจว่านักศึกษา ทั้ง14 คน มีความบริสุทธิ์ใจ มันก็เข้าอีหรอบเดิม คือคนจนติดคุก คนรวยอยู่บ้าน ตอนนี้ คสช.พยายามช่วยเหลือประนีประนอม ทำความเข้าใจ ให้ประกันตัวก็ไม่ยอมประกันตัว ผมจะใช้กองทุนยุติธรรมเข้าช่วยเหลือ โดยขอร้องให้พ่อแม่ญาติพี่น้องนักศึกษาทั้ง14 คน มาเซ็นชื่อ แต่ไม่มีใครยอม แล้วจะให้ผมทำอย่างไร เพราะต้องใช้มาตรฐานเดียวกนทั้งประเทศ จึงขอให้กลับไปทบทวนตัวเองด้วย

**เชื่อสถานการณ์รัฐบาล- นศ.ดีขึ้น

นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี ด้านสังคม กล่าวถึงกรณี 14 นักศึกษา ถูกจับกุมในข้อหาขัดประกาศคสช.ว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. มีแนวทางที่จะให้มีการปรองดองกัน ซึ่งน่าจะดี เพราะช่วงนี้เป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ น่าจะให้เดินไปตามโรดแมปไปอย่างนั้นก่อน ดีกว่ามาเขย่ากัน อะไรที่ทั้งสองฝ่ายบันยะบันยัง ช่วยกันได้น่าจะทำ อย่างนักศึกษาเป็นพลังบริสุทธิ์เหมือนกับที่นายกฯระบุ จึงน่าจะใช้พลังนี้อย่างเหมาะสม และมีความรับผิดชอบ ส่วนรัฐบาลเองก็จะใช้วิธีสร้างความเข้าใจต่อเขา ตอนนี้เข้าใจความรู้สึกและความเห็น ซึ่งได้รับฟังแล้วว่า นักศึกษารู้สึกอย่างไร ส่วนตัวมองว่า ขณะนี้เรื่องค่อยๆ ดีขึ้น ค่อยๆ เป็น ค่อยๆไป แต่อย่าให้มีใครมาเขย่าเพิ่มเพราะจะไปกันใหญ่

** ทนายเตรียมร้องคัดค้านฝากขังผลัด2

ด้าน นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความของนักศึกษากลุ่มประชาธิปไตยใหม่ เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 ก.ค.นี้ ทางเจ้าหน้าที่จะทำการยื่นคำร้อง ขอฝากขังกลุ่มนักศึกษาประชาธิปไตยใหม่ทั้ง 14 คน ต่อศาลทหารเป็นผลัดที่ 2 ซึ่งขณะนี้ตน และทีมทนายความกำลังอยู่ในขั้นตอนรวบรวมข้อมูล ถึงประเด็นในการยื่นคำร้องคัดค้านการฝากขัง โดยจะชี้แจงเหตุผลต่อศาลว่า นักศึกษาทั้ง 14 คน ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี รวมทั้งเจ้าหน้าที่ก็รู้ความเคลื่อนไหวของกลุ่มนักศึกษามาโดยตลอด ซึ่งในวันนี้ (6 ก.ค.) ตนในฐานะหัวหน้าทีมทนายความ จะประชุมหารือกับทนายความของนักศึกษาทั้งหมดอีกครั้ง

ส่วนแนวทางการต่อสู้คดี ถ้าหากศาลอนุญาตให้ฝากขังผลัดที่ 2 ได้ ทางกลุ่มนักศึกษา ก็ยังคงถูกขุมขังอยู่ในเรือนจำเหมือนเดิม อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าศาลจะมีคำสั่งอย่างไร ในฐานะทนายความก็คงต้องยอมรับคำตัดสินของศาล และอาจจะยื่นคำร้องคัดค้านการฝากขังอีกครั้งในผัดต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่าในวันที่ 7 ก.ค. นักศึกษาทั้ง 14 คน ต้องไปขึ้นศาลทหารด้วยหรือไม่ นายกฤษฎางค์ ตอบว่า ยังไม่ทราบ เพราะโดยปกติในศาลทหารจะมีการเบิกตัวผู้ต้องหากระทำการไต่สวนต่อหน้าศาล แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องไม่ปกติ ยังไม่สามารถตอบได้ ส่วนสภาพจิตใจของนักศึกษาทั้ง 14 คนยังมีกำลังใจที่ดีเหมือนเดิม แม้จะมีบางคนที่มีอาการเจ็บป่วยบ้าง แต่กลุ่มนักศึกษา ก็ยังคงยืนยันที่จะต่อสู้ต่อไป เพราะมีความเชื่อมั่นว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง

**หวั่น นศ.ถูกใช้เป็นเครื่องมือการเมือง

นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กมธ.ยกร่างฯ กล่าวถึง กรณี 14 นักศึกษาว่า วันนี้ต้องระวังไม่ให้มีปัจจัยเสริมมาใช้โอกาสนี้สร้างสถานการณ์ให้แย่ลง ความต้องการของนักศึกษากลุ่มดาวดินจริงๆ ต้องการให้สังคมรับรู้ว่า มีปัญหาความเหลื่อมล้ำและความไม่เป็นธรรมอยู่ในสังคมอยู่จริง แต่วันนี้กระแสที่ออกมากลายเป็นว่า เรื่องการเมืองกลับมาลบความจริงที่พวกเขาต้องการสื่อออกไปจนหมด รวมทั้งฝ่ายการเมือง ก็จับจ้องจะเอาพวกเขามาเป็นเครื่องมือทางการเมือง หากรัฐบาลแก้ปัญหาที่พวกเขาต้องการจริง คือ ลดความเหลื่อมล้ำ แก้ปัญหาความเป็นธรรม และการมีส่วนร่วมในกระบวนการต่างได้ พวกเขาอาจจะยอมถอย แต่รัฐบาลเองก็ต้องมีความจริงใจด้วย

**"ประสาร" ใช้ ม. 44 นิรโทษฯ นศ.

นายประสาร มฤคพิทักษ์ กรรมการในคณะกรรมการศึกษาแนวทางสร้างความปรองดอง ของสปช.กล่าวถึงกรณีนพ.เชิดชัย ตันติศิรินทร์ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เสนอให้มีการนิรโทษกรรมเหมาเข่ง คดีอาญาและคดีอื่นๆ ทุกคดี ซึ่งตนมองว่าทำไม่ได้ และไม่มีใครเอาด้วย เพราะการนิรโทษกรรม ในขั้นตอนแรกควรขีดวงจำกัดเฉพาะผู้ร่วมชุมนุมทางการเมือง ในฐานความผิดไม่ร้ายแรง เช่น ผิด พ.ร.บ.ฉุกเฉิน ฝืน พ.ร.บ.จราจร หรือ พ.ร.บ.ความมั่นคง ไม่ได้สร้างความเสียหาย ต้องเข้าสูทางชีวิตหรือทรัพย์สิน เป็นกลุ่มประชาชนที่ร่วมชุมนุมโดยสงบอย่างสุจริตใจ รวมถึงระดับเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติ ที่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา

ส่วนคนต้องคดีอาญา คนสั่งการเผาบ้านเผาเมือง คนทุจริต คนผิดคดีหมิ่นสถาบัน ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ต้องรับโทษทัณฑ์ และต้องสำนึกผิด จะมาห้อยโหน ขอเป็นตู้รถพ่วงไม่ได้ นพ.เชิดชัย ต้องก้าวไปให้พ้นเข่งอัปยศใบเดิม ที่เรียกคนออกมาหลายล้านคน ขับไล่รัฐบาลชุดที่แล้วออกไป

" ขอเสนอให้รัฐบาลใช้อำนาจตาม มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญ 2557 พิจารณาดำเนินการให้มีการนิรโทษกรรมประชาชนกลุ่มแรกที่เข้าร่วมชุมนุมโดยสุจริตใด้ ถ้าทำได้เร็วตามแนวทางนี้ ซึ่งเป็นแนวทางที่สังคมรับได้กว้างที่สุด จะเป็นสัญญาณทางบวก ทำให้เกิดความไว้วางใจว่า คสช.เอาจริงในความพยายามที่จะเปิดทางสู่การเดินหน้าปรองดองในขั้นต่อไป"

นายประสาร ยังกล่าวว่า เป็นการนำหลักความยุติธรรมในระยะเปลี่ยนผ่านมาใช้ เป็นกระบวนการยุติธรรมเชิงสมานฉันท์ จะสมานฉันท์หรือเมตตาธรรม โดยทิ้งกฏหมายไม่ได้ ขณะที่จะใช้กฏหมายอย่างเข้มงวดกวดขันโดยทิ้งเมตตาธรรม ก็จะทำให้การปรองดองเดินหน้าได้ยาก เป็นการอำนวยความยุติธรรม เพื่อเอื้อให้เกิดการสำนึกผิดและให้อภัย ทอดสะพานไปสู่สังคมสันติสุข ไม่คืนกลับไปสู่ความรุนแรงอีก แต่ก็ต้องเตรียมใจรับสภาพว่า การปรองดองไม่ใช่การบ่มแก้สรมควันผลไม้ที่จะเร่งเวลาได้ เพราะมาตรการหนึ่งใด ไม่ใช่จะทำให้สำเร็จได้ฉับพลัน ยังมีอักหลายปัจจัยที่เข้ามาเกี่ยวข้องทั้งทางสังคม เศรษฐกิจและการเมือง จึงต้องยอมให้เรื่องการปรองดอง ต้องใข้เวลาอีกยาวไกล

นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา’35 และคณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช. )กล่าวว่า เรื่องการเคลื่อนไหวของนักศึกษา เขามีสิทธิชอบธรรมในการเสนอหลักการสู่สาธารณะ ควรเปิดพื้นที่ให้เขา และไม่ควรเอาผิดเขาด้วยข้อหาหนักหนาเช่นนี้ ต้องปล่อยตัวด้วยวิธีใดก็ได้ หวังว่าฝ่ายทหารจะเรียนรู้ทั้งจากอดีตและในสถานการณ์ในระยะที่ผ่านมา ว่าที่ผ่านมาได้สร้างเงื่อนไข ได้ใช้วิธีการที่เกินกว่าเหตุและความรุนแรงกับนักศึกษามาตลอด การที่จะทำให้กระบวนการปฏิรูปและปรองดองดำเนินไปได้ ผู้เกี่ยวข้องต้องเปิดพื้นที่ให้ประชาชนพลเมืองทุกฝ่ายที่ใส่ใจกับประเด็นการเมืองสังคมได้มีโอกาสและเสรีภาพในการแสดงความเห็นอย่างสร้างสรรค์และเอื้อต่อการอยู่ร่วมกันของคนที่ต่างกันในสังคม และเป็นการดำเนินการโดยกลุ่มบุคคลที่หลากหลายและได้รับความไว้วางใจจากผู้เกี่ยวข้องทุกๆ ฝ่าย

**รัฐบาลต้องพิจารณา อย่าเหมารวม

นายสุริยะใส กตะศิลา รองคณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม ม.รังสิต และ ผอ.สถาบันปฏิรูปประเทศไทย (สปท.) กล่าวว่า คสช.และรัฐบาลต้องไม่เหมารวมการเคลื่อนไหว หรือการจัดกิจกรรมนักศึกษา ว่าเป็นกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทั้งหมด ต้องจำแนกเป็นกลุ่มๆ เพราะบางกลุ่มเรียกร้องให้รัฐบาลออกมาแก้ปัญหาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากนโยบาย หรือโครงการของรัฐ หากรัฐบาลแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ก็ไม่น่าห่วงว่าปัญหาจะลุกลามบานปลาย

ทั้งนี้เชื่อว่าการข่าวของฝ่ายความมั่นคง รู้ดี และมีข้อมูลที่สามารถจำแนกแยกแยะได้ว่า การเคลื่อนไหวของนักศึกษาแต่ละกลุ่มมีเป้าประสงค์ระดับใด การเหมารวม และใช้มาตรการทางกฎหมาย และข้ออ้างความมั่นคงจัดการทั้งหมด จะไม่แก้ปัญหา และอาจลุกลามได้เช่นกัน ซึ่ง คสช. และรัฐบาลต้องยอมรับความจริงว่า การบริหาร หรือการตัดสินใจของรัฐบาลในโครงการบางโครงการ ก็กระทบต่อชาวบ้านจริง

ในขณะเดียวกัน กลุ่มเคลื่อนไหวโดยเฉพาะกลุ่มที่ทำกิจกรรมบนฐานปัญหาของชาวบ้าน ก็ต้องมีจังหวะก้าวที่ควรระมัดระวัง ต้องไม่ปล่อยให้ปัญหาชาวบ้านไปปะปนกับกลุ่มต้าน คสช. หรือกลุ่มอำนาจเก่าที่เสียประโยชน์ ซึ่งกลุ่มนี้หาพื้นที่หาโอกาสอยู่แล้ว ถ้าคนเคลื่อนไหวจำแนกไม่ออก หรือมองข้ามปัจจัยแบบนี้ไป ก็จะถูกมองว่าไม่บริสุทธิ์ มีเบื้องหลังไปด้วยในที่สุด การเคลื่อนไหวอาจไม่ใช่เรื่องยาก แต่ทำอย่างไรจะไม่ให้เข้าทางหรือตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มเสียประโยชน์

นอกจากนี้ต้องระมัดระวังการเผชิญหน้าของประชาชนด้วยกันเอง ส่วนตัวไม่ห่วงว่าสถานการณ์ปัจจุบันจะเข้าเงื่อนไขเหตุการณ์ 14 ตุลาฯ 16 แต่ห่วงเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 19 มากกว่า และกลไกรัฐ จะต้องระมัดระวังไม่สร้างเงื่อนไข เพราะยิ่งเป็นการซ้ำเติมความขัดแย้งแตกแยก

**ฉะพวกอีแอบหากินกับ นศ.ถูกจับ

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตรอง ผอ.ศูนย์ประสานงานข่าวกรองแห่งชาติ ได้โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊ก Nuntdach Makswat ระบุ เป็นจดหมายถึง "คนหากินกับเด็กๆ ที่ถูกจับ" โดยอธิบายให้เห็นถึงสาเหตุทำไมถึงต้องป่วนรัฐบาลที่เข้ามาปราบทุจริต ป่วนแล้วได้อะไร และทำไมให้นศ. ดาวดินติดคุก ไม่ขอประกันตัว ตามข้อความดังนี้

"ประเทศนี้อยู่ในภาวะที่ต้องปรับปรุง ( พูดคำว่าปฏิรูป พวกเด็กๆ อาจไม่เข้าใจ ) เพื่อให้ภาวะที่ผิดปกติกลับมาอยู่ในภาวะที่ปกติให้ได้มากกว่าครึ่งหนึ่งก่อน ถึงจะมีการเลือกตั้งตามมา ภาวะผิดปกติที่รัฐบาลต้องเข้ามาจัดการเหล่านั้น ก็ล้วนแต่เกิดจากกลุ่มคนกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่ง ทำเรื่องขึ้นมาทั้งสิ้น ตั้งแต่เรื่องการทุจริตเงินชาติไป 100 กว่าเรื่อง การจัดการกติกาของบ้านเมืองให้ผิดเพี้ยนไปเป็นประโยชน์เอื้อให้นักการเมืองทุจริตได้ง่ายขึ้น เช่น การจัดซื้อจัดจ้าง มักจะมีการประกาศยกเว้นการใช้ระเบียบสำนักนายกฯ ในการจัดซื้อจัดจ้าง หลายๆเรื่องเพื่อไม่ให้มีกติกาควบคุม แต่รัฐบาลชุดนี้ พยายามจะเปลี่ยนระเบียบจัดซื้อฯ มาเป็น พระราชบัญญัติฯ เพื่อให้ครม. ไม่มีอำนาจยกเว้น เรื่องกติกาในการจัดซื้อจัดจ้าง ป้องกันการโกงกิน ฯลฯ รวมถึง การนำเงินในอนาคตของชาติมาใช้ล่วงหน้าแบบกรีกอีกด้วย ตอนนี้รัฐบาลยังพบว่า มีการทุจริตหลายรูปแบบ ตั้งแต่เล็กจนถึงใหญ่โผล่ขึ้นมามากมายทั่วประเทศไทย ยกตัวอย่างในภาคอีสานภาคเดียว พบการทุจริต มากกว่า 2 พันเรื่อง

ดังนั้น การออกมาสนับสนุนเด็กให้ออกมาต่อต้านรัฐบาล จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นของคนที่ทำความผิดไว้ จะต้องทำให้บ้านเมืองวุ่นวาย ก่อนที่รัฐบาลจะสอบสวนความผิดมาถึงตัวเอง ในขณะที่รัฐบาล มุ่งมั่นจะทำให้การทุจริตมันลดน้อยลงไม่ใช่มากเกือบ 100% เหมือนสมัยก่อน แต่ก็ต้องชงักลงเพราะเรื่องแบบนี้ ที่ทยอยกันเข้ามาเรื่อยๆ
ดังนั้น กติกาที่ป้องกันไม่ให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง จึงต้องมีขึ้นมากกว่าภาวะปกติ การใช้ศาลทหาร จึงเป็นเรื่องที่จำเป็น และก็ถูกต้อง ทุกคนยอมรับแม้แต่ต่างชาติ โดยเฉพาะในอาเชียนนั้น สนับสนุนเลย พวกต่างประเทศที่ออกมาโวยวาย ก็ทำตามหน้าที่ เช่น สหรัฐฯ เพราะในข้อเท็จจริงแล้ว สหรัฐฯ ทำยิ่งกว่าการจับนักศึกษาในประเทศไทยเสียอีก และบางครั้งก็เคยมาทำในไทยด้วย ฝรั่งบางพวกก็ถูกจ้างให้ทำ

ก็อยากถามว่า ทำไมพวก ISIS ตัดหัวคนไปเป็น 10 ตั้งตลาดค้าทาสแบบโบราณ และยังพิพากษาทุกเรื่องด้วยคนๆ เดียว ยิงกราดฆ่าคนอังกฤษไป 30 คน ที่ชายหาดตูนิเซีย เมื่อ 2 - 3 วันนี้ ฯลฯ พวกมึงไม่ไปประท้วงบ้างล่ะ แล้วลองคิดซิว่ าถ้ารัฐบาลไม่คุมเข้มเรื่องแบบนี้ ปล่อยให้ดันเกิดขึ้นในไทย มหาอำนาจพวกนี้ ไม่รุมยำประเทศไทยหนักถึงขนาดต้องใช้เงินชดเชยให้คนอังกฤษเลยหรือ

อีกเรื่องที่น่าเป็นห่วง ไม่ใช่แต่เด็กพวกนี้อยากออกมาเคลื่อนไหว พวกเด็กอีกหลายร้อยกลุ่ม ก็อยากออกมาเหมือนกัน ปัจจุบันนี้ก็ต้องคอยห้ามปราบกันอยู่ สมมติว่าถ้าไม่จับพวกน้องๆ ก็จะเป็นตัวอย่าง ทำให้พวกเด็กอาชีวะ อีกหลายสิบกลุ่มที่พร้อมจะออกมา กระทืบพวกน้องอยู่ในขณะนี้ ออกมาเคลื่อนไหวเอาอย่างบ้าง ด่ากันไปด่ากันมา พวกนี้เห็นพวกน้องไม่เคารพกติกา พวกเขาก็ไม่เคารพบ้าง อาจจะยกไปเผาธรรมศาสตร์อีก รัฐบาลจะทำอย่างไรละ ทำไมไม่ใช้สมองคิดดูบ้างว่า ทุกคนที่ทำผิดกฎหมายต้องถูกจับอย่างเท่าเทียมกัน ไปขึ้นศาลธรรมดาก็เหมือนกันละครับ กฎหมายมันบังคับไว้อย่างนี้ อย่ามาอ้างเลย

เมื่อทำผิด ก็ต้องถูกจับ แต่ดันไม่ยอมประกันตัว เจตนามันชัดเจนว่าต้องการให้การถูกจับนั้นเป็นเงื่อนไข ในการเคลื่อนไหวต่อ พวกอีแอบทั้งหลายก็โผล่หัวออกมาสนับสนุนกันใหญ่ บางคนสนับสนุนผ่านจอคอมพิวเตอร์ บางคนก็ไม่รู้ว่า อะไรเป็นอะไรหรอก ขอให้มีชื่อไปร่วมด้วยดูดังดี แต่กูไม่รับผิดชอบอะไรกับเด็กด้วย เด็กติดคุก พวกกูเอาไปคุย เอารูปไปลงเฟซบุ๊ก บางคนไปแอบอ้างกับนายใหญ่ขอตังค์อีกว่า ถึงเวลาแล้ว ดังนั้น อีก 2 - 3 วัน ก็จะเห็นมวลชนหน้าเดิมๆ ทยอยกันออกมาชุมนุมสนับสนุนเด็ก บางคนก็เอาเรื่องไปขอตังค์ฝรั่ง แม่หากินกับเด็กชัดๆ เลย ครับ และคนพวกนี้ทำทุกอย่างที่ทำให้บ้านเมืองปั่นป่วน ตั้งแต่การปล่อยข่าวว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ถูกพวกอำมาตย์ ยัดปืนไปในกระเป๋า มหาวิทยาลัยทักษิณ ที่สงขลา พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นคนสร้าง พล.อเ.ปรม ถึงอสัญกรรม ฯลฯ

ประเทศไทยตอนนี้ จะไปรอดหรือไม่รอดก็อยู่ที่คนในชาตินี่ล่ะ ที่จะแสดงออกให้เห็นว่าเรื่องเด็กๆ มันควรเป็นไปตามกฎหมาย หรือ จะให้อภิสิทธิ์แก่พวกเขา เพราะถ้าอยากออกจากคุก แค่ขอประกันตัวก็ออกไปได้แล้ว แต่ดันไม่ขอ ผมภาวนาอย่าให้เหตุการณ์แบบ 6 ตุลา 19 เกิดขึ้นมาอีกเลยครับ ดังนั้นรัฐบาลต้องรักษากติกาให้เคร่งครัด และก็อย่าไปหวังว่าจะเหมือนเหตุการณ์ 14 ตุลา 16 มันคนละเรื่องเลยหนู รัฐบาลนี้ออกมาเพราะประชาชนเรียกร้อง และ อยากให้ขุดเรื่องทุจริตให้จบก่อน ดังนั้น เมื่อถึงเวลา ประชาชนจะออกมาเอง เพื่อป้องกันรัฐบาล

"เขียนมาเหมือนกับเชียร์รัฐบาลเสียดีเลิศประเสริฐศรี ขอบอกว่า ที่เขียนมานี้ไม่มีผลได้เสีย อะไรกับพวกรัฐบาลเลยสักนิดสาบานได้ เขียนตามความจริงที่เกิดขึ้นเท่านั้นเอง เขียนมาเพราะห่วงไยประเทศไทย เวลาผ่านไปเร็วมากเผลอไปก็ 2 ปีแล้ว จะมีเลือกตั้งใหม่ เรื่องทุจริตต่างๆ จะจบทันไหมละ ถ้ารัฐบาลเขวไปมาเพราะเรื่องนกกระจิบ แบบนี้" พล.ท.นันทเดช กล่าว

***เชียงใหม่รวมตัวเรียกร้องปล่อยตัว

รายงานจากจังหวัดเชียงใหม่แจ้งว่า เมื่อเวลาประมาณ 18.00 น.วานนี้ (5 ก.ค.) ที่บริเวณประตูหน้ามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กลุ่มคนที่อ้างตัวว่าเป็นนักศึกษาจำนวนหนึ่งได้รวมตัวกันจัดกิจกรรมที่ใช้ชื่อว่า “โพสต์เพื่ออิสรภาพ” ตามที่กลุ่มที่ใช้ชื่อว่าสมัชชาเสรีแห่งมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เพื่อประชาธิปไตย ได้ประกาศเชิญชวนผ่านโซเชียลมีเดีย ด้วยการเขียนข้อความลงในกระดาษแล้วนำไปแปะไว้บริเวณป้ายของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ พร้อมทำกิจกรรมต่างๆ เช่น เล่นดนตรี ละคร เป็นต้น และชูป้ายข้อความ เพื่อเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวนักศึกษา 14 คน ที่ถูกจับกุมตัวไปจากการทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างไม่มีเงื่อนไข

รายงานข่าวาระบุว่า ทางตำรวจและทหารได้มีการจัดวางกำลังเจ้าหน้าที่คอยสังเกตการณ์การจัดกิจกรรมในครั้งนี้ให้เป็นไปด้วยความสงบเรียบร้อย โดยที่ไม่ได้มีการขัดขวางหรือควบคุมตัวกลุ่มนักศึกษา ที่เข้าร่วมกิจกรรมแต่อย่างใด ขณะเดียวกัน ได้ตัวแทนจากสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมสังเกตการณ์และรอที่จะชี้แจง หากมีนักศึกษาของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เข้าร่วมการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ พร้อมระบุว่า มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ไม่ได้สนับสนุนการจัดกิจกรรมในลักษณะนี้ ที่มีการใช้ชื่อของมหาวิทยาลัยเป็นเครื่องมือในการเคลื่อนไหวเกี่ยวข้องทางการเมือง.
กำลังโหลดความคิดเห็น