กก.ปรองดองใน สปช. แนะนายกรัฐมนตรี ตั้ง ครม. เฉพาะกิจ ดึงคน “เพื่อไทย - เสื้อแดง - นกหวีด” ร่วมแก้ปัญหาชาติ หวั่นรุนแรงเหมือนกรีซ แนะทุกฝ่ายใจกว้าง ปล่อยนักศึกษาเคลื่อนไหว ด้าน กมธ.ยกร่างฯ หวั่นนักศึกษาถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง แนะรัฐบาลระวังปัจจัยเสริม พร้อมแสดงความจริงใจ
วันนี้ (5 ก.ค.) นายอดุลย์ เขียวบริบูรณ์ ประธานคณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 และ คณะกรรมการศึกษาแนวทางการสร้างความปรองดอง สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) กล่าวถึงสถานการณ์การเมืองในปัจจุบัน ว่า ที่ผ่านมา สังคมไทยเราบอบช้ำล้มลุกคลุกคลานมากับการซ่อม การสร้างประชาธิปไตย ผลที่ได้กลับกลายเป็นการแบ่งฝักฝ่าย หากคนในสังคมยังขาดวุฒิภาวะ เห็นแต่ว่าวิธีคิดของตนนั้นถูก ผู้อื่นผิด ไม่รู้จักประนีประนอม ไม่ให้อภัยกันก็จะมีแต่ความเสียหาย สูญเสียชีวิต และเสียโอกาสในการพัฒนาประเทศไปอีกมาก หากสถานการณ์บ้านเมืองเป็นเช่นนี้สิ่งที่แต่ละฝ่ายเรียกร้องอาจจะไม่เกิดขึ้นเลย เพราะความขัดแย้งทำให้ระบบของรัฐอ่อนแอลงเรื่อยๆ ระวังจนสายเกินแก้ ใครเข้ามาเป็นรัฐบาลก็ทำงานไม่ได้ แค่นี้ภาคธุรกิจ ประชาชนระดับรากหญ้าก็เดือดร้อนมากแล้ว
นายอดุลย์ กล่าวว่า หากมีวิกฤตเศรษฐกิจ หรือ มีความขัดแย้งรุนแรง บาดเจ็บล้มตายกันบนท้องถนนอีก ใครจะมารับผิดชอบผลที่เกิดขึ้นบ้าง จึงขอเรียกร้องให้ทุกฝ่ายเห็นแก่บ้านเมือง มองปัญหาหลายมิติคิดนอกกรอบเดิมๆ อย่ายึดติดกับหลักตัวเองจนลืมวัฒนธรรมและประเพณีของชาติ นั่นคือ ความสามัคคี รู้จักอโหสิ ในสถานการณ์เช่นนี้ ขอให้มาคิดกันว่าเราจะเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ปัญหาบ้านเมืองเพื่อส่วนรวม แต่ไม่ใช่เพื่อพวกของตนกันได้หรือไม่ ทางเลือกหนึ่งที่อาจต้องนำมาใช้ในช่วงนี้ ก็คือ การสร้างระบบการเมืองแบบมีส่วนร่วมกันทุกฝ่าย แบบรัฐบาลผสมขนาดใหญ่เฉพาะกิจ มีวาระชัดเจน โดยเลือกให้ผู้ที่มีความสามารถในการบริหารในด้านต่างๆ ที่มาจากพรรคการเมือง และภาคส่วนต่างๆ ได้มาบริหารประเทศร่วมกัน เหมือนกับเป็นการเริ่มต้นการปรองดอง โดยไม่ต้องรอการนิรโทษ
“พอแล้วที่จะมาตั้งแง่ หรือทะเลาะกันไม่เลิกยึดติดว่าวิธีการของตนถูกอยู่คนเดียว บ้านเมืองรออีกไม่ได้แล้ว จะรอให้เป็นแบบกรีซก่อน หรือจะเป็นระบอบประชาธิปไตย เผด็จการ คอมมิวนิสต์ถ้าขาดสำนึกทำเพื่อประชาชนก็อยู่ไม่ได้ทั้งนั้น ถึงเวลารัฐบาลต้องปรับ ครม. ดึงเอาคนเก่งๆ ในพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์ แกนนำ กปปส. และแกนนำ นปช. มาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลเฉพาะกิจ โดยที่ทุกคนต้องใจใหญ่ ใจกว้าง และคิดว่ามาช่วยแก้วิกฤตชาติ ไม่ใช่มาช่วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หากทำได้จะเป็นการส่งสัญญาณปรองดอง เกิดเสถียรภาพทางการเมืองและความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ แล้วมาร่วมคิด ร่วมวางระบบ จะปฏิรูปประเทศ ร่างรัฐธรรมนูญอย่างไร ที่จะเหมาะสมกับสภาพความเป็นจริง ทำร่วมกันเลยตั้งแต่ตอนนี้ ซึ่งสามารถทดลองดูได้ ก่อนที่จะไปเขียนรัฐธรรมนูญให้มีการเลือกตั้งแบบผสม หรือ ใช้ระบบโอเพ่นลิสต์ ก่อนการเลือกตั้งที่กำลังร่างกันอยู่“ นายอดุลย์ กล่าว
นายอดุลย์ กล่าวด้วยว่า ส่วนเรื่องการเคลื่อนไหวของนักศึกษา เขามีสิทธิชอบธรรมในการเสนอหลักการสู่สาธารณะ ควรเปิดพื้นที่ให้เขา และไม่ควรเอาผิดเขาด้วยข้อหาหนักหนาเช่นนี้ต้องปล่อยตัวด้วยวิธีใดก็ได้ หวังว่า ฝ่ายทหารจะเรียนรู้ทั้งจากอดีตและในสถานการณ์ในระยะที่ผ่านมา ว่า ที่ผ่านมาได้สร้างเงื่อนไข ได้ใช้วิธีการที่เกินกว่าเหตุและความรุนแรงกับนักศึกษามาตลอด การที่จะทำให้กระบวนการปฏิรูปและปรองดองดำเนินไปได้ ผู้เกี่ยวข้องต้องเปิดพื้นที่ให้ประชาชนพลเมืองทุกฝ่ายที่ใส่ใจกับประเด็นการเมืองสังคมได้มีโอกาส และเสรีภาพในการแสดงความเห็นอย่างสร้างสรรค์และเอื้อต่อการอยู่ร่วมกันของคนที่ต่างกันในสังคม และเป็นการดำเนินการโดยกลุ่มบุคคลที่หลากหลายและได้รับความไว้วางใจจากผู้เกี่ยวข้องทุกๆ ฝ่าย
ด้าน นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ กมธ. ยกร่างฯ กล่าวถึงกรณี 14 นักศึกษา ว่า วันนี้ต้องระวังไม่ให้มีปัจจัยเสริมมาใช้โอกาสนี้สร้างสถานการณ์ให้แย่ลง ความต้องการของนักศึกษากลุ่มดาวดินจริงๆ ต้องการให้สังคมรับรู้ว่ามีปัญหาความเหลื่อมล้ำ และความไม่เป็นธรรมนอยู่ในสังคมอยู่จริง แต่วันนี้กระแสที่ออกมากลายเป็นว่าเรื่องการเมืองกลับมาลบความจริงที่พวกเขาต้องการสื่อออกไปจนหมด รวมทั้งฝ่ายการเมืองก็จับจ้องจะเอาพวกเขามาเป็นเครื่องมือทางการเมือง หากรัฐบาลแก้ปัญหาที่พวกเขาต้องการจริง คือ ลดความเหลื่อมล้ำ แก้ปัญหาความเป็นธรรม และการมีส่วนร่วมในกระบวนการต่างได้ พวกเขาอาจจะยอมถอย แต่รัฐบาลเองก็ต้องมีความจริงใจด้วย