ASTVผู้จัดการรายวัน-โฆษกตำรวจเผยทูตไทยเข้าเยี่ยม “บิ๊กแจ๊ด” ระบุสุขภาพยังดี ด้านอัยการญี่ปุ่นนัดสอบครั้งแรกวันนี้ ก่อนครบฝากขังครั้งแรก คาดฝากขังต่ออีก 10 วัน แต่อาจสั่งฟ้องคดีก่อนก็ได้ เผยมีโทษสูงสุดจำคุก 15 ปี
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ที่ถูกควบคุมตัวในข้อหาพกพาอาวุธปืนที่สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น ว่า ขณะนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ยังไม่ได้รับการประกันตัว โดยตนได้รับรายงานเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่าเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยประจำประเทศญี่ปุ่นได้เข้าไปเยี่ยม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ โดยได้สอบถามความต้องการว่าอยากให้ช่วยเหลืออะไรหรือไม่ และสอบถามความต้องการเรื่องเอกสารต่างๆ
โดยทราบว่าขณะนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ยังมีสุขภาพดี และขอให้ช่วยเหลือในเรื่องเอกสาร และหลังจากนี้สถานทูตจะได้ดำเนินการต่อวีซ่าให้แก่คณะผู้ติดตามของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ บางคน ที่ยังขออยู่ในประเทศญี่ปุ่นต่อไป เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีดังกล่าว
นอกจากนี้ ทางทนายความจะดำเนินการในเรื่องเอกสารต่างๆ เช่น การรับรองใบอนุญาตการใช้และพกพาอาวุธปืน และทางภรรยาของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ได้ประสานว่าอยากให้ลูกชายได้เข้าเยี่ยมบิดา เพราะทุกวันนี้ มีเพียงทนายความและเจ้าหน้าที่ทูตเท่านั้นที่ได้เข้าไปเยี่ยม
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ยังได้รับทราบอีกว่าในวันนี้ (2 ก.ค.) พนักงานอัยการญี่ปุ่นจะทำการสอบสวน พล.ต.ท.คำรณวิทย์เป็นครั้งแรก ก่อนที่จะครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 1 ในวันที่ 3 ก.ค.2558 เบื้องต้นคาดว่าจะมีการฝากขังต่อเป็นครั้งที่ 2 โดยสามารถทำได้ในระยะเวลาอีก 10 วัน แต่อัยการอาจสั่งฟ้องคดีก่อนก็เป็นได้ โดยไม่ต้องรอให้ครบ 20 วันตามกำหนด ส่วนอัยการจะสั่งคดีอย่างไรนั้น ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้
เมื่อถามถึงการรับรองอาวุธปืนของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้อย่างเป็นทางการว่าอาวุธปืนของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ที่ถูกจับกุม มีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากไม่มีการยืนยันรับรองที่เป็นทางการแต่อย่างใด อีกทั้งยังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัดว่าปืนกระบอกดังกล่าวเป็นปืน .38 หรือ .22 กันแน่ อาจมีความคลาดเคลื่อนได้ ขณะเดียวกัน ทางการท่าอากาศยานไทยเองก็ยังไม่พบว่ามีการนำปืนออกนอกประเทศโดยบรรจุมาในกระเป๋าใบไหน ต้องมีการตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้ง
"ตอนนี้มันเลยขั้นตอนของการยืนยันสถานะส่วนตัวว่าพล.ต.ท.คำรณวิทย์เป็นอดีตข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของไทย เพราะเป็นที่รับรู้กันดีแล้ว แต่ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการรับรองเกี่ยวกับอาวุธปืนกระบอกดังกล่าว โดยความคืบหน้าล่าสุด ทางทนายความพยายามดำเนินเรื่องยืนยันว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์มีปืนสะสมที่อยู่ในความครอบครองเป็นจำนวนมาก รวมถึงการมีใบอนุญาตพกพาอาวุธปืนในประเทศไทย แต่กระนั้น ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าปืนกระบอกที่ถูกจับดังกล่าวมีใบอนุญาตหรือไม่” พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ญี่ปุ่นได้กำหนดโทษจำคุก 1-10 ปี ในการครอบครองอาวุธปืน และจำคุก 1-5 ปี หรือปรับ 1 ล้านเยน ประมาณ 276,000 บาท สำหรับการครอบครองกระสุนปืน ซึ่งหากมีการสั่งฟ้องคดี และดำเนินคดีด้วยโทษสูงสุด พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ก็อาจจะต้องถูกติดคุกสูงถึง 15 ปี
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วยผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณี พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง อดีตผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (ผบช.น.) ที่ถูกควบคุมตัวในข้อหาพกพาอาวุธปืนที่สนามบินนาริตะ ประเทศญี่ปุ่น ว่า ขณะนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ยังไม่ได้รับการประกันตัว โดยตนได้รับรายงานเมื่อวันที่ 30 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่าเจ้าหน้าที่สถานทูตไทยประจำประเทศญี่ปุ่นได้เข้าไปเยี่ยม พล.ต.ท.คำรณวิทย์ โดยได้สอบถามความต้องการว่าอยากให้ช่วยเหลืออะไรหรือไม่ และสอบถามความต้องการเรื่องเอกสารต่างๆ
โดยทราบว่าขณะนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ยังมีสุขภาพดี และขอให้ช่วยเหลือในเรื่องเอกสาร และหลังจากนี้สถานทูตจะได้ดำเนินการต่อวีซ่าให้แก่คณะผู้ติดตามของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ บางคน ที่ยังขออยู่ในประเทศญี่ปุ่นต่อไป เพื่อติดตามความคืบหน้าของคดีดังกล่าว
นอกจากนี้ ทางทนายความจะดำเนินการในเรื่องเอกสารต่างๆ เช่น การรับรองใบอนุญาตการใช้และพกพาอาวุธปืน และทางภรรยาของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ได้ประสานว่าอยากให้ลูกชายได้เข้าเยี่ยมบิดา เพราะทุกวันนี้ มีเพียงทนายความและเจ้าหน้าที่ทูตเท่านั้นที่ได้เข้าไปเยี่ยม
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ยังได้รับทราบอีกว่าในวันนี้ (2 ก.ค.) พนักงานอัยการญี่ปุ่นจะทำการสอบสวน พล.ต.ท.คำรณวิทย์เป็นครั้งแรก ก่อนที่จะครบกำหนดฝากขังครั้งที่ 1 ในวันที่ 3 ก.ค.2558 เบื้องต้นคาดว่าจะมีการฝากขังต่อเป็นครั้งที่ 2 โดยสามารถทำได้ในระยะเวลาอีก 10 วัน แต่อัยการอาจสั่งฟ้องคดีก่อนก็เป็นได้ โดยไม่ต้องรอให้ครบ 20 วันตามกำหนด ส่วนอัยการจะสั่งคดีอย่างไรนั้น ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้
เมื่อถามถึงการรับรองอาวุธปืนของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่สามารถยืนยันได้อย่างเป็นทางการว่าอาวุธปืนของ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ที่ถูกจับกุม มีใบอนุญาตถูกต้องหรือไม่ เนื่องจากไม่มีการยืนยันรับรองที่เป็นทางการแต่อย่างใด อีกทั้งยังไม่ทราบข้อมูลที่แน่ชัดว่าปืนกระบอกดังกล่าวเป็นปืน .38 หรือ .22 กันแน่ อาจมีความคลาดเคลื่อนได้ ขณะเดียวกัน ทางการท่าอากาศยานไทยเองก็ยังไม่พบว่ามีการนำปืนออกนอกประเทศโดยบรรจุมาในกระเป๋าใบไหน ต้องมีการตรวจสอบให้แน่ชัดอีกครั้ง
"ตอนนี้มันเลยขั้นตอนของการยืนยันสถานะส่วนตัวว่าพล.ต.ท.คำรณวิทย์เป็นอดีตข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ของไทย เพราะเป็นที่รับรู้กันดีแล้ว แต่ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนของการรับรองเกี่ยวกับอาวุธปืนกระบอกดังกล่าว โดยความคืบหน้าล่าสุด ทางทนายความพยายามดำเนินเรื่องยืนยันว่า พล.ต.ท.คำรณวิทย์มีปืนสะสมที่อยู่ในความครอบครองเป็นจำนวนมาก รวมถึงการมีใบอนุญาตพกพาอาวุธปืนในประเทศไทย แต่กระนั้น ก็ยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าปืนกระบอกที่ถูกจับดังกล่าวมีใบอนุญาตหรือไม่” พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว
รายงานข่าวแจ้งว่า ญี่ปุ่นได้กำหนดโทษจำคุก 1-10 ปี ในการครอบครองอาวุธปืน และจำคุก 1-5 ปี หรือปรับ 1 ล้านเยน ประมาณ 276,000 บาท สำหรับการครอบครองกระสุนปืน ซึ่งหากมีการสั่งฟ้องคดี และดำเนินคดีด้วยโทษสูงสุด พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ก็อาจจะต้องถูกติดคุกสูงถึง 15 ปี