นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า องคาพยพของ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เคยเปรียบว่าเสมือนแม่น้ำ 5 สายไหลมาบรรจบกัน ผ่านไปปีเศษ เป็นที่ชัดเจนแม่น้ำ 3 สายเน่าสนิท คือ แม่น้ำสายที่ 1 คณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ของนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ ร่างออกมาเละเทะที่สุดในประวัติศาสตร์ มีผู้ออกมาคัดค้านมากที่สุดตั้งแต่องคมนตรี ศาล อัยการ คณะกรรมการการเลือกตั้งไปจนถึงกำนันผู้ใหญ่บ้าน เสียค่าเบี้ยประชุมครั้งละ 9,000 บาท แพงที่สุดในประวัติศาสตร์การร่างรัฐธรรมนูญ แต่ร่างออกมาได้เน่าเหม็นที่สุด
แม่น้ำสายที่ 2 คือ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) วาระหลักปฏิรูป 11 ด้าน แต่ปรากฏ สปช.กลุ่มรักชาติ ผลักดันบ่อนกาสิโน ตามแปลนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้ภาพพจน์ของสปช. เน่าสนิทในโค้งสุดท้ายอย่างน่าเสียดาย และแม่น้ำสายที่ 3 ที่กำลังเน่า คือ การที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ปรากฏมีการอุ้ม 2 สนช. อดีตผู้ว่าราชการจังหวัด ที่พัวพันการทุจริตยาปราบศัตรูพืช ทั้งๆ ที่รู้ ก็ยังแต่งตั้งให้เป็นกรรมาธิการพิจารณางบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2559 พิจารณางบประมาณ 2.72 ล้านล้านบาท โดยไม่สนใจเสียงทักท้วงของ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร แสดงให้เห็นว่า มีการโอบอุ้มช่วยเหลือกันโดยไม่สนใจการตรวจสอบจากฝ่ายอื่นๆ
"ไหนเล่าที่ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกว่า ถ้าโกงจัดการทันที ท่านแต่งตั้ง สนช. เองแท้ๆ โกงไม่โกงท่านเรียกมามองตาก็รู้ทันที การเปิดเผยข้อมูลทุจริตของ 2 สนช.นั้น เท่ากับเป็นการช่วยให้ คสช. เดินหน้าปฏิรูปประเทศ แต่การที่ คสช.และ สนช.นิ่งเฉย เท่ากับย่ำเท้าอยู่กับที่ แล้วเราจะเดินหน้าปฏิรูปกันอย่างไร ท่านต้องเอาจริงจากคนรอบข้างท่านก่อนท่านจึงจะแก้ไขปัญหาการทุจริตได้ แต่ถ้าท่านไม่ทำก็น่าเสียดาย แล้วรัฐบาลต่อไปก็จะมาย้อนถามด้วยคำถามที่ท่านเคยพูดว่า สมัยท่าน ทำไมท่านไม่ทำ " นายวัระ กล่าว
แม่น้ำสายที่ 2 คือ สภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) วาระหลักปฏิรูป 11 ด้าน แต่ปรากฏ สปช.กลุ่มรักชาติ ผลักดันบ่อนกาสิโน ตามแปลนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ทำให้ภาพพจน์ของสปช. เน่าสนิทในโค้งสุดท้ายอย่างน่าเสียดาย และแม่น้ำสายที่ 3 ที่กำลังเน่า คือ การที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ปรากฏมีการอุ้ม 2 สนช. อดีตผู้ว่าราชการจังหวัด ที่พัวพันการทุจริตยาปราบศัตรูพืช ทั้งๆ ที่รู้ ก็ยังแต่งตั้งให้เป็นกรรมาธิการพิจารณางบประมาณรายจ่าย พ.ศ. 2559 พิจารณางบประมาณ 2.72 ล้านล้านบาท โดยไม่สนใจเสียงทักท้วงของ นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีตประธานคณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร แสดงให้เห็นว่า มีการโอบอุ้มช่วยเหลือกันโดยไม่สนใจการตรวจสอบจากฝ่ายอื่นๆ
"ไหนเล่าที่ท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา บอกว่า ถ้าโกงจัดการทันที ท่านแต่งตั้ง สนช. เองแท้ๆ โกงไม่โกงท่านเรียกมามองตาก็รู้ทันที การเปิดเผยข้อมูลทุจริตของ 2 สนช.นั้น เท่ากับเป็นการช่วยให้ คสช. เดินหน้าปฏิรูปประเทศ แต่การที่ คสช.และ สนช.นิ่งเฉย เท่ากับย่ำเท้าอยู่กับที่ แล้วเราจะเดินหน้าปฏิรูปกันอย่างไร ท่านต้องเอาจริงจากคนรอบข้างท่านก่อนท่านจึงจะแก้ไขปัญหาการทุจริตได้ แต่ถ้าท่านไม่ทำก็น่าเสียดาย แล้วรัฐบาลต่อไปก็จะมาย้อนถามด้วยคำถามที่ท่านเคยพูดว่า สมัยท่าน ทำไมท่านไม่ทำ " นายวัระ กล่าว
