xs
xsm
sm
md
lg

ทริปเปลี่ยนชีวิต 7,000 ไมล์ สู่การปั่นจักรยานข้ามทวีป

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เพราะการตื่นนอนตอนเช้าในแต่ละวันของเด็กหนุ่มชาวอเมริกันอย่าง Jedidiah Jenkins ไม่เคยทำให้เขารู้สึกภูมิใจ ในวัย 30 ปีเต็ม เขาจึงตัดสินใจครั้งใหญ่เพื่อเปลี่ยนแปลงชีวิตตัวเอง ด้วยการลาออกจากงานที่ตัวเองรักเพื่อท่องโลกกว้าง ด้วยการปั่นจักรยานข้ามทวีป จากรัฐโอเรกอน ประเทศสหรัฐอเมริกา ล่องใต้กว่า 7,000 ไมล์ลงสู่เพตาโกเนีย หรือดินแดนปลายสุดแห่งทวีปอเมริกาใต้

แม้จะใช้เวลาในการเดินทางทั้งหมดถึง 17 เดือน ทว่า สุดท้ายเขาก็ทำได้สำเร็จ ซึ่งในระหว่างเดินทาง เด็กหนุ่มได้บอกกับเพื่อนของเขาที่ขอติดตามไปด้วยระยะหนึ่งถึงสาเหตุที่ทำให้เขาตัดสินใจทำแบบนี้ว่า

ก่อนหน้านี้ฉันได้เจอผู้ใหญ่หลายคน ทั้งปู่ย่าตายาย และคุณครูที่มักพูดกับฉันว่า “ชีวิตของพวกเขาช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน เมื่อวานนี้ยังอายุ 19 อยู่เลย ไม่รู้เวลาเหล่านั้นหายไปไหน เพียงพริบตาเดียวอายุก็เข้าสู่วัย 80 แล้ว” เมื่อได้ยินอย่างนั้น เด็กหนุ่มจึงเก็บคำบอกเล่าทั้งหมด มาย้อนนึกถึงอดีตของตนเอง แล้วก็ได้แต่รู้สึกว่ามันช่างเป็นการ ใช้ชีวิตที่เบื่อหน่ายจำเจ

ในเช้าวันหนึ่งก่อนออกเดินทาง เขาจึงสัญญากับตัวเองว่า “วันนี้จะต้องทำอะไรบางอย่างที่แตกต่างออกไปให้สำเร็จ และเป็นอะไรบางอย่างที่เขาเคยโคตรกลัว เพื่อดูว่ามันจะเปลี่ยนเคมีในสมองของเขาได้หรือเปล่า” และแล้วก็พเนจรตามหัวใจครั้งนี้ก็ช่วยให้เขาค้นพบอะไรบางอย่าง

“ผมใช้ชีวิตบนจักรยานมาได้ประมาณ 1 ปีแล้ว ผมปั่นออกมาจากโอเรกอน ล่องใต้มาเรื่อยๆ สู่อเมริกากลาง และอเมริกาใต้ และผู้คนก็ถามผมว่า ทำไมผมถึงออกจากงาน ทำไมผมถึงมาทำแบบนี้ และคำตอบของผมคือ กิจวัตรประจำวัน คือ ศัตรูของกาลเวลา มันทำให้เวลาบินผ่านเราไปแบบที่เราไม่รู้ตัว” หนุ่มชาวอเมริกันบรรยายสิ่งที่ตนเองค้นพบระหว่างเดินทาง ก่อนจะเล่าต่ออีกว่า

“เมื่อตอนคุณเป็นเด็ก ทุกๆ อย่างมันดูน่าทึ่งไปหมด ทุกอย่างใหม่ เพราะสมองของคุณตื่น และเปิดอยู่เสมอ ทุกวินาทีที่ผ่านไปสมองคุณได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ได้รู้ว่าโลกทำงานอย่างไร กล้ามเนื้อทุกส่วนของสมองคุณถูกเปิดใช้งาน จนกระทั่งเมื่อคุณโตขึ้น สมองของคุณก็จะเรียนรู้และจดจำรูปแบบ รวมถึงความเป็นไปของโลกได้แล้ว รู้ว่าเรียนจบเป็นยังไง รู้ว่าการหาเงินต้องทำยังไง รู้ว่ากู้เงินผ่อนบ้านแล้วเป็นยังไง รู้ว่ามีลูกเป็นยังไง”

Jedidiah คิดว่า การที่คนเราต้องตื่นมาทุกเช้า เพื่อขับรถออกไปทำงาน แล้วก็รอเงินเดือนออก นั่นคือ “กิจวัตร” และเมื่อกิจวัตร มันก่อตัวขึ้น ก็จะทำให้อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญต่อชีวิตอย่าง “ความตื่นตัว” นั้นหายไป เขาบอกว่า

“ผมคิดว่า ความตะลึงพรึงเพริดกับโลกใบนี้ คือสิ่งที่ได้จากการเดินทาง มันทำให้สมองของเราได้ตื่นขึ้น ออกเดินทางไปสู่ประเทศใหม่ๆ อย่าง ปานามา และโคลัมเบีย ที่ซึ่งผมเคยกลัวจากข่าวที่เคยได้ยินมา แต่พอเอาเข้าจริง ผมกลับพบว่า เขาทุกลูกที่ผมข้ามมันมาจากที่ตรงนั้น ช่างงดงามอย่างน่าทึ่ง มันสุดยอดมาก! ผมไม่เคยรู้ว่าสมองผมจะได้รับการเปิดโลกได้ขนาดนี้ ผมอยากที่จะรับรู้ถึงทุกๆ วันที่ผมมีชีวิตอยู่ ผมอยากจะอยู่ถึงอายุ 85 แล้วรู้สึกอ่อนล้า เพราะว่าผมได้ใช้ชีวิต และ ตื่นอยู่เสมอ ในทุกๆ วัน ซึ่งผมเองคิดว่า นี่แหละ มันคือหน้าที่ของการเป็นผู้ใหญ่

เพราะเมื่อเราเป็นเด็ก เมื่อทุกอย่างใหม่ เราไม่ต้องทำอะไรก็ได้ตื่นตากับโลกนี้ แต่เมื่อเราเป็นผู้ใหญ่ มันกลายเป็น “ทางเลือก” เราเลือกการผจญภัยให้กับชีวิตของเราเอง ซึ่งมันไม่เกี่ยวอะไรกับจักรยาน มันเกี่ยวกับการออกไปเจออย่างอื่นนอกกิจวัตรประจำวัน ซึ่งมันจะเป็นอะไรก็ได้ และนั่นคือสิ่งที่ผมกำลังทำ เพราะผมไม่อยากให้วันเวลาเป็นตัวควบคุมผม ผมไม่อยากให้ปฏิทิน มาเป็นนายผม ผมอยากจะควบคุมวันเวลาของผม ผมอยากจะเลือกการผจญภัยที่อยากจะไป และผมอยากเลือกที่จะมีจิตวิญญาณที่ตื่นรู้ ที่จะทำให้ 100 ปีบนโลกใบนี้ ยาวนานราวกับ 1,000 ปี และนั่นคือเหตุผลทำไมผมออกเดินทางในทริป ปั่นจักรยาน ครั้งนี้

ขอบคุณที่มา : www.culturedcreatures.co




กำลังโหลดความคิดเห็น