ASTVผู้จัดการรายวัน-"พาณิชย์"เร่งทำข้าวถุง "ลุงตู่" คาดผลิตประมาณ 1.25-2.5 ล้านถุงออกจำหน่ายให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อย การันตีถูกกว่าท้องตลาด 10% คาดขายได้เร็วๆ นี้ "ฉัตรชัย"ย้ำแนวโน้มข้าวราคาพุ่ง หลังภัยแล้งกระทบหนัก เตรียมส่งคาราวานธงฟ้าขนสินค้าจำเป็นขายให้ชาวนา เพื่อลดค่าครองชีพ ปิ้งจัด ท๊อป ไทย แบรนด์ ในส่วนภูมิภาค เลียนแบบตลาดนัดข้างทำเนียบ นำร่องสุราษฎร์ธานีและเชียงใหม่
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะเร่งดำเนินการจัดทำข้าวถุงราคาถูกเพื่อจำหน่ายให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อยตามนโยบายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้กระทรวงต่างๆ ไปดำเนินนโยบายโซเชียล บิสสิเนส เพื่อช่วยเหลือคนหมู่มาก โดยวันนี้ (18 มิ.ย.) จะนัดหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทยอีกครั้ง เพื่อกำหนดขอบเขตการดำเนินการให้ชัดเจน หลังจากที่ระดับเจ้าหน้าที่ได้มีการพูดคุยกันไปแล้ว เพื่อเร่งรัดให้มีการจัดทำข้าวถุงออกมาจำหน่ายได้ภายในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ เบื้องต้นจะมีการนำข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลประมาณ 5,000 ตัน มาผลิตเป็นข้าวถุง โดยกระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้จัดหาข้าวและทำการปรับปรุงข้าว และส่งข้าวต่อให้กับสหกรณ์หรือชุมชนที่เข้มแข็งที่คัดเลือกมาโดยกระทรวงเกษตรฯ เพื่อนำไปบรรจุถุงและจำหน่าย โดยกระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้กำกับดูแลการกระจายข้าวถุงไปยังประชาชนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งมีเกณฑ์ในการชี้วัดตามเกณฑ์ข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.)
"จะคุยรายละเอียดกันวันนี้ว่ามีกี่ชุมชน กี่สหกรณ์ที่เข้มแข็งที่จะรับข้าวไปบรรจุถุง เมื่อรู้แล้ว พาณิชย์ก็จะจัดส่งข้าวให้ โดยคาดว่าจะผลิตออกมาจำหน่ายได้ภายในเร็วๆ นี้ และน่าจะจะทำได้ก่อน 3 เดือน เร็วกว่านโยบายที่นายกฯ ได้ให้ไว้"
สำหรับข้าวถุงที่ผลิตออกมาจำหน่าย จะเน้นข้าวขาว ทำบรรจุถุงขนาดถุงละ 2 กิโลกรัม (กก.) และถุง 4 กก. ซึ่งหากผลิตข้าวถุงละ 2 กก. ทั้งหมด จะผลิตข้าวถุงออกมาได้รวม 2.5 ล้านถุง แต่หากทำขนาดถุงละ 4 กก. จะผลิตออกมาได้ 1.25 ล้านถุง โดยราคาจำหน่าย ยืนยันว่า จะถูกกว่าราคาข้าวถุงในท้องตลาดไม่น้อยกว่า 10%
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า สถานการณ์ราคาข้าวเปลือกในตลาดขณะนี้ เป็นช่วงปลายฤดูการผลิต แม้ราคาจะปรับตัวลดลง แต่ก็ไม่กระทบกับเกษตรกร เพราะได้จำหน่ายข้าวเปลือกไปหมดแล้ว โดยคาดว่า แนวโน้มราคาข้าวจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากที่ปัญหาภัยแล้งรุนแรงกว่าที่คิด ไม่เพียงแค่ไทยที่มีปัญหาการเพาะปลูก ประเทศผู้ปลูกข้าวอย่างอินเดียก็มีปัญหา ทำให้แนวโน้มผลผลิตในอนาคตลดลง และจะส่งผลให้ราคาสูงขึ้น และจะส่งผลดีต่อราคาข้าวไทยและการส่งออกข้าวของไทย ซึ่งปีนี้ยังมั่นใจว่าจะส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านตัน
ส่วนการดูแลเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและขาดรายได้จากการที่ต้องเลื่อนการเพาะปลูกข้าวนาปี 2558/59 ออกไปนั้น กระทรวงเกษตรฯ กำลังจัดทำแผนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรอยู่ ส่วนกระทรวงพาณิชย์จะมีการจัดทำมาตรการช่วยลดค่าครองชีพให้กับเกษตรกร โดยจะจัดรถโมบายนำสินค้าราคาที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันและถูกกว่าท้องตลาดออกไปจำหน่ายให้กับเกษตรกรในพื้นที่ต่างๆ
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า กระทรวงฯ มีแผนที่จะจัดงาน "ท๊อป ไทย แบรนด์" ในส่วนภูมิภาค ลักษณะการจัดงานเหมือนกับที่นายกฯ จัดตลาดนัดที่ทำเนียบรัฐบาล โดยจะนำสินค้าเกษตร ผลไม้ และสินค้าต่างๆ มาจำหน่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ แต่ที่แปลกกว่าจะมีการเชิญต่างชาติให้เข้ามาซื้อสินค้าด้วย โดยในเดือนก.ค. กำหนดจะจัดที่ จ.สุราษฎร์ธานี เดือนส.ค. จัดที่ จ.เชียงใหม่ และต่อไปจะจัดที่ภาคอีกสาน ซึ่งจะเป็นการช่วยส่งเสริมให้เกิดการค้าขาย และช่วยระบายสินค้าให้กับผู้ประกอบการ
ทางด้านการจัดงานมหกรรมการค้าชายแดนสงขลา ระหว่างวันที่ 10-14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยมีการลงนามจับคู่ธุรกิจเกิดมูลค่าการค้าทันทีกว่า 1,100 ล้านบาท ขณะที่การจำหน่ายสินค้า เพื่อช่วยผู้ประกอบการระบายสินค้าและช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนในพื้นที่ มีเงินสะพัดกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งทางมาเลเซียได้ชื่นชมการจัดงานในลักษณะนี้ และขอเป็นเจ้าภาพจัดครั้งต่อไป ณ รัฐกลันตันในปีหน้า
นอกจากนี้ ยังได้เร่งรัดให้มีการเร่งรัดการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-อินเดีย ที่คั่งค้างมาตั้งแต่ปี 2547 ให้แล้วเสร็จภายในปี 2558 นี้ ซึ่งล่าสุดไทยและอินเดียได้มีการประชุมหารือในรายละเอียดที่ยังค้างอยู่ว่ามีอะไรบ้าง และข้อเสนอต่างๆ เป็นอย่างไร ทั้งในด้านการค้า การค้าบริการ การลงทุน มาตรการด้านสุขอนามัย ปัญหาและอุปสรรค และจะดำเนินการต่อในแต่ละเรื่องต่อไปยังไง เพื่อให้การเจรจาบรรลุผลสำเร็จ
พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กระทรวงพาณิชย์จะเร่งดำเนินการจัดทำข้าวถุงราคาถูกเพื่อจำหน่ายให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อยตามนโยบายพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ต้องการให้กระทรวงต่างๆ ไปดำเนินนโยบายโซเชียล บิสสิเนส เพื่อช่วยเหลือคนหมู่มาก โดยวันนี้ (18 มิ.ย.) จะนัดหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทยอีกครั้ง เพื่อกำหนดขอบเขตการดำเนินการให้ชัดเจน หลังจากที่ระดับเจ้าหน้าที่ได้มีการพูดคุยกันไปแล้ว เพื่อเร่งรัดให้มีการจัดทำข้าวถุงออกมาจำหน่ายได้ภายในเร็วๆ นี้
ทั้งนี้ เบื้องต้นจะมีการนำข้าวสารในสต๊อกรัฐบาลประมาณ 5,000 ตัน มาผลิตเป็นข้าวถุง โดยกระทรวงพาณิชย์จะเป็นผู้จัดหาข้าวและทำการปรับปรุงข้าว และส่งข้าวต่อให้กับสหกรณ์หรือชุมชนที่เข้มแข็งที่คัดเลือกมาโดยกระทรวงเกษตรฯ เพื่อนำไปบรรจุถุงและจำหน่าย โดยกระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้กำกับดูแลการกระจายข้าวถุงไปยังประชาชนผู้มีรายได้น้อย ซึ่งมีเกณฑ์ในการชี้วัดตามเกณฑ์ข้อมูลความจำเป็นพื้นฐาน (จปฐ.)
"จะคุยรายละเอียดกันวันนี้ว่ามีกี่ชุมชน กี่สหกรณ์ที่เข้มแข็งที่จะรับข้าวไปบรรจุถุง เมื่อรู้แล้ว พาณิชย์ก็จะจัดส่งข้าวให้ โดยคาดว่าจะผลิตออกมาจำหน่ายได้ภายในเร็วๆ นี้ และน่าจะจะทำได้ก่อน 3 เดือน เร็วกว่านโยบายที่นายกฯ ได้ให้ไว้"
สำหรับข้าวถุงที่ผลิตออกมาจำหน่าย จะเน้นข้าวขาว ทำบรรจุถุงขนาดถุงละ 2 กิโลกรัม (กก.) และถุง 4 กก. ซึ่งหากผลิตข้าวถุงละ 2 กก. ทั้งหมด จะผลิตข้าวถุงออกมาได้รวม 2.5 ล้านถุง แต่หากทำขนาดถุงละ 4 กก. จะผลิตออกมาได้ 1.25 ล้านถุง โดยราคาจำหน่าย ยืนยันว่า จะถูกกว่าราคาข้าวถุงในท้องตลาดไม่น้อยกว่า 10%
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า สถานการณ์ราคาข้าวเปลือกในตลาดขณะนี้ เป็นช่วงปลายฤดูการผลิต แม้ราคาจะปรับตัวลดลง แต่ก็ไม่กระทบกับเกษตรกร เพราะได้จำหน่ายข้าวเปลือกไปหมดแล้ว โดยคาดว่า แนวโน้มราคาข้าวจะปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังจากที่ปัญหาภัยแล้งรุนแรงกว่าที่คิด ไม่เพียงแค่ไทยที่มีปัญหาการเพาะปลูก ประเทศผู้ปลูกข้าวอย่างอินเดียก็มีปัญหา ทำให้แนวโน้มผลผลิตในอนาคตลดลง และจะส่งผลให้ราคาสูงขึ้น และจะส่งผลดีต่อราคาข้าวไทยและการส่งออกข้าวของไทย ซึ่งปีนี้ยังมั่นใจว่าจะส่งออกได้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านตัน
ส่วนการดูแลเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งและขาดรายได้จากการที่ต้องเลื่อนการเพาะปลูกข้าวนาปี 2558/59 ออกไปนั้น กระทรวงเกษตรฯ กำลังจัดทำแผนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรอยู่ ส่วนกระทรวงพาณิชย์จะมีการจัดทำมาตรการช่วยลดค่าครองชีพให้กับเกษตรกร โดยจะจัดรถโมบายนำสินค้าราคาที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวันและถูกกว่าท้องตลาดออกไปจำหน่ายให้กับเกษตรกรในพื้นที่ต่างๆ
พล.อ.ฉัตรชัยกล่าวว่า กระทรวงฯ มีแผนที่จะจัดงาน "ท๊อป ไทย แบรนด์" ในส่วนภูมิภาค ลักษณะการจัดงานเหมือนกับที่นายกฯ จัดตลาดนัดที่ทำเนียบรัฐบาล โดยจะนำสินค้าเกษตร ผลไม้ และสินค้าต่างๆ มาจำหน่ายให้กับประชาชนในพื้นที่ แต่ที่แปลกกว่าจะมีการเชิญต่างชาติให้เข้ามาซื้อสินค้าด้วย โดยในเดือนก.ค. กำหนดจะจัดที่ จ.สุราษฎร์ธานี เดือนส.ค. จัดที่ จ.เชียงใหม่ และต่อไปจะจัดที่ภาคอีกสาน ซึ่งจะเป็นการช่วยส่งเสริมให้เกิดการค้าขาย และช่วยระบายสินค้าให้กับผู้ประกอบการ
ทางด้านการจัดงานมหกรรมการค้าชายแดนสงขลา ระหว่างวันที่ 10-14 มิ.ย.ที่ผ่านมา ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก โดยมีการลงนามจับคู่ธุรกิจเกิดมูลค่าการค้าทันทีกว่า 1,100 ล้านบาท ขณะที่การจำหน่ายสินค้า เพื่อช่วยผู้ประกอบการระบายสินค้าและช่วยลดค่าครองชีพให้กับประชาชนในพื้นที่ มีเงินสะพัดกว่า 30 ล้านบาท ซึ่งทางมาเลเซียได้ชื่นชมการจัดงานในลักษณะนี้ และขอเป็นเจ้าภาพจัดครั้งต่อไป ณ รัฐกลันตันในปีหน้า
นอกจากนี้ ยังได้เร่งรัดให้มีการเร่งรัดการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย-อินเดีย ที่คั่งค้างมาตั้งแต่ปี 2547 ให้แล้วเสร็จภายในปี 2558 นี้ ซึ่งล่าสุดไทยและอินเดียได้มีการประชุมหารือในรายละเอียดที่ยังค้างอยู่ว่ามีอะไรบ้าง และข้อเสนอต่างๆ เป็นอย่างไร ทั้งในด้านการค้า การค้าบริการ การลงทุน มาตรการด้านสุขอนามัย ปัญหาและอุปสรรค และจะดำเนินการต่อในแต่ละเรื่องต่อไปยังไง เพื่อให้การเจรจาบรรลุผลสำเร็จ