เมื่อวานนี้ (14 มิ.ย.) นิด้าโพล สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง"ข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ฉบับชั่วคราว" ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 11-12 มิ.ย. ที่ผ่านมา จากประชาชนทั่วประเทศจำนวน 1,251 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว พ.ศ. 2557 ที่จะเปิดช่องให้ผู้ที่เคยถูกถอดถอนสิทธิเลือกตั้ง สามารถเข้ามาเป็นสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) หรือรัฐมนตรีได้ พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 50.44 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะถือเป็นการกระทำผิดทางการเมือง ซึ่งในสายตาของประชาชน มองว่าเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี จึงไม่ควรให้โอกาสเข้ามาบริหารประเทศได้อีก หากเอาเข้ามาทำงานอาจจะกระทำผิดอีกก็ได้ ขณะที่ร้อยละ 44.04 ระบุว่า เห็นด้วย เพราะ ควรเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิเท่าเทียมกันอย่างยุติธรรม บางครั้งคนเรามีผิดพลาดกันได้ ควรให้โอกาสได้เข้ามาทำงานและแสดงความสามารถ
ส่วนการเปิดช่องให้มีการทำประชามติในประเด็นอื่นด้วยโดยสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และ สนช. สามารถทำคำถามเข้ามาได้ ฝ่ายละ 1 คำถาม พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 75.38 ระบุว่า เห็นด้วย เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างโปร่งใส เป็นการรวบรวมข้อมูลจากหลายฝ่าย ซึ่งมีหลากหลายมุมมอง และความคิด เพื่อพิจารณาและลงมติให้เป็นที่เอกฉันท์ ถือเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปประเทศ อีกทั้งประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและได้รับทราบว่าส่วนใหญ่มีความคิดเห็นอย่างไร ขณะที่ร้อยละ 13.91 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะที่เป็นอยู่ตอนนี้ ก็ดีอยู่แล้ว ยิ่งมากประเด็น มากคน หลายฝ่าย ก็ยิ่งมากความคิด ประเด็นที่เป็นปัญหาคงไม่สามารถยุติลงได้
สำหรับข้อเสนอให้ยุบ สปช. หลังจากลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 2558 พร้อมให้ตั้งสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ มีสมาชิกไม่เกิน 200 คนขึ้นมาแทนนั้น ส่วนใหญ่ ร้อยละ 50.44 เห็นด้วย เพราะการปฏิรูปต้องมีองค์กรหรือหน่วยงานเพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศสามารถเดินไปข้างหน้า อีกทั้งการปฏิรูปต้องใช้ระยะเวลา หากมีจำนวนสมาชิกจำนวนมากก็จะสามารถบริหารงานได้ ครอบคลุมในทุก ๆ ด้าน รองลงมา ร้อยละ 28.94 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการเสียเวลามาก สมาชิกสภาปฏิรูปแบบเดิมก็สามารถทำงานและบริหารงานได้ดีอยู่แล้ว
**ช่วงปลอดนักการเมืองไม่วุ่นวายดี
จากสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันที่นักการเมืองอาชีพต้องเว้นวรรค จากการที่มีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มาจากรัฐประหารเป็นเวลา 1 ปีเต็ม ทำให้บทบาทนักการเมืองอาชีพต้องเว้นวรรค จนดูเหมือนกับว่า"ปลอดนักการเมือง"ในสถานการณ์ช่วงนี้ เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน กรณี"ปลอดนักการเมือง" ณ วันนี้ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,236 คน ระหว่าง วันที่ 8-13 มิ.ย.58 สรุปผลได้ ดังนี้
1. ประชาชนคิดอย่างไร กับการ “ปลอดนักการเมือง”ณ วันนี้ อันดับ 1 บ้านเมืองสงบ ไม่วุ่นวาย ไม่มีการชุมนุมเคลื่อนไหวออกมาให้เห็น 84.39% อันดับ 2 ควรเป็นเพียงระยะสั้น ถ้านานเกินไปมองว่าเป็นการปิดกั้น จำกัดสิทธิ ไม่เป็นประชาธิปไตย 80.26% อันดับ 3บ้านเมืองยังไม่เดินหน้าเท่าที่ควร โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีขึ้น 71.52% อันดับ 4 เป็นบทเรียนหนึ่งให้กับนักการเมืองทุกคน68.37% อันดับ 5 นักการเมืองเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างปัญหาให้กับบ้านเมือง 54.37%
2. ข้อดีของการ “ปลอดนักการเมือง”ณ วันนี้ คือ อันดับ 1 การเมืองสงบ เป็นระเบียบมากขึ้น 74.92% อันดับ 2ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง ใส่ร้ายป้ายสี 69.26% อันดับ 3 ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ผู้มีอิทธิพลลดน้อยลง 58.98% อันดับ 4ข้าราชการไม่ถูกแทรกแซงการทำงานจากนักการเมือง 57.77% อันดับ 5 ทำให้ทุกฝ่ายได้มีเวลาทบทวนและคิดหาทางออกให้กับประเทศ 56.47%
3. ข้อเสีย ของการ “ปลอดนักการเมือง”ณ วันนี้ คือ อันดับ 1 ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่มีนักการเมืองที่เป็นตัวแทนของประชาชนทำงาน 77.10% อันดับ 2 ไม่ได้รับการยอมรับจากต่างชาติ เกิดกระแสต่อต้านจากคนบางกลุ่ม 75.73% อันดับ 3 ขาดผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยงานบริหารประเทศ 73.46% อันดับ 4 ขาดการตรวจสอบ ถ่วงดุล คานอำนาจ 62.62% อันดับ 5 ไม่มีใครเข้ามาดูแลสอบถามทุกข์สุขประชาชน 59.95%
4. “นักการเมืองชาย”ที่ประชาชนคิดถึงมากที่สุด อันดับ 1 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 75.16% อันดับ 2 ทักษิณ ชินวัตร65.94% อันดับ 3 สุเทพ เทือกสุบรรณ 64.72%
5. “นักการเมืองหญิง”ที่ประชาชนคิดถึงมากที่สุด อันดับ 1 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 76.46% อันดับ 2 สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์74.43% อันดับ 3 ปวีณา หงสกุล 72.17%
ส่วนการเปิดช่องให้มีการทำประชามติในประเด็นอื่นด้วยโดยสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) และ สนช. สามารถทำคำถามเข้ามาได้ ฝ่ายละ 1 คำถาม พบว่า ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 75.38 ระบุว่า เห็นด้วย เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นอย่างโปร่งใส เป็นการรวบรวมข้อมูลจากหลายฝ่าย ซึ่งมีหลากหลายมุมมอง และความคิด เพื่อพิจารณาและลงมติให้เป็นที่เอกฉันท์ ถือเป็นประโยชน์ต่อการปฏิรูปประเทศ อีกทั้งประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลและได้รับทราบว่าส่วนใหญ่มีความคิดเห็นอย่างไร ขณะที่ร้อยละ 13.91 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะที่เป็นอยู่ตอนนี้ ก็ดีอยู่แล้ว ยิ่งมากประเด็น มากคน หลายฝ่าย ก็ยิ่งมากความคิด ประเด็นที่เป็นปัญหาคงไม่สามารถยุติลงได้
สำหรับข้อเสนอให้ยุบ สปช. หลังจากลงมติรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ 2558 พร้อมให้ตั้งสภาขับเคลื่อนปฏิรูปประเทศ มีสมาชิกไม่เกิน 200 คนขึ้นมาแทนนั้น ส่วนใหญ่ ร้อยละ 50.44 เห็นด้วย เพราะการปฏิรูปต้องมีองค์กรหรือหน่วยงานเพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศสามารถเดินไปข้างหน้า อีกทั้งการปฏิรูปต้องใช้ระยะเวลา หากมีจำนวนสมาชิกจำนวนมากก็จะสามารถบริหารงานได้ ครอบคลุมในทุก ๆ ด้าน รองลงมา ร้อยละ 28.94 ระบุว่า ไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการเสียเวลามาก สมาชิกสภาปฏิรูปแบบเดิมก็สามารถทำงานและบริหารงานได้ดีอยู่แล้ว
**ช่วงปลอดนักการเมืองไม่วุ่นวายดี
จากสถานการณ์การเมืองในปัจจุบันที่นักการเมืองอาชีพต้องเว้นวรรค จากการที่มีรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มาจากรัฐประหารเป็นเวลา 1 ปีเต็ม ทำให้บทบาทนักการเมืองอาชีพต้องเว้นวรรค จนดูเหมือนกับว่า"ปลอดนักการเมือง"ในสถานการณ์ช่วงนี้ เพื่อเป็นการสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน กรณี"ปลอดนักการเมือง" ณ วันนี้ สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จึงได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวน 1,236 คน ระหว่าง วันที่ 8-13 มิ.ย.58 สรุปผลได้ ดังนี้
1. ประชาชนคิดอย่างไร กับการ “ปลอดนักการเมือง”ณ วันนี้ อันดับ 1 บ้านเมืองสงบ ไม่วุ่นวาย ไม่มีการชุมนุมเคลื่อนไหวออกมาให้เห็น 84.39% อันดับ 2 ควรเป็นเพียงระยะสั้น ถ้านานเกินไปมองว่าเป็นการปิดกั้น จำกัดสิทธิ ไม่เป็นประชาธิปไตย 80.26% อันดับ 3บ้านเมืองยังไม่เดินหน้าเท่าที่ควร โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจที่ยังไม่ดีขึ้น 71.52% อันดับ 4 เป็นบทเรียนหนึ่งให้กับนักการเมืองทุกคน68.37% อันดับ 5 นักการเมืองเป็นส่วนหนึ่งที่สร้างปัญหาให้กับบ้านเมือง 54.37%
2. ข้อดีของการ “ปลอดนักการเมือง”ณ วันนี้ คือ อันดับ 1 การเมืองสงบ เป็นระเบียบมากขึ้น 74.92% อันดับ 2ไม่มีการทะเลาะเบาะแว้ง ใส่ร้ายป้ายสี 69.26% อันดับ 3 ปัญหาการทุจริตคอร์รัปชัน ผู้มีอิทธิพลลดน้อยลง 58.98% อันดับ 4ข้าราชการไม่ถูกแทรกแซงการทำงานจากนักการเมือง 57.77% อันดับ 5 ทำให้ทุกฝ่ายได้มีเวลาทบทวนและคิดหาทางออกให้กับประเทศ 56.47%
3. ข้อเสีย ของการ “ปลอดนักการเมือง”ณ วันนี้ คือ อันดับ 1 ไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่มีนักการเมืองที่เป็นตัวแทนของประชาชนทำงาน 77.10% อันดับ 2 ไม่ได้รับการยอมรับจากต่างชาติ เกิดกระแสต่อต้านจากคนบางกลุ่ม 75.73% อันดับ 3 ขาดผู้ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วยงานบริหารประเทศ 73.46% อันดับ 4 ขาดการตรวจสอบ ถ่วงดุล คานอำนาจ 62.62% อันดับ 5 ไม่มีใครเข้ามาดูแลสอบถามทุกข์สุขประชาชน 59.95%
4. “นักการเมืองชาย”ที่ประชาชนคิดถึงมากที่สุด อันดับ 1 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ 75.16% อันดับ 2 ทักษิณ ชินวัตร65.94% อันดับ 3 สุเทพ เทือกสุบรรณ 64.72%
5. “นักการเมืองหญิง”ที่ประชาชนคิดถึงมากที่สุด อันดับ 1 ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 76.46% อันดับ 2 สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์74.43% อันดับ 3 ปวีณา หงสกุล 72.17%
