ศูนย์ข่าวนครราชสีมา-"ผกก.จอหอ" เผยคดีปืนเอ็ม 16 อส.โคราชหาย 74 กระบอก ล่าสุดตำรวจสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องแล้วหลายราย พยานยันตรงกันระบุ "ปลัดจังหวัด" สั่งให้เบิกอาวุธออกไป ตำรวจเตรียมเรียกมาสอบปากคำ เผยระบบควบคุมอาวุธหละหลวมไม่เป็นระบบ คาดปืนหายไปได้คืนยาก ชี้อาจเกี่ยวข้องกับการต่อสู้ทางการเมืองช่วงปี 56-57 ผู้ว่าฯ โคราชยันสั่งสอบมาแล้ว 3 ครั้ง แต่เหลวหมด "อุดมเดช"สั่งสอบ ลั่นใครมีเอี่ยวเจองานช้างแน่
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีอาวุธปืนเอ็ม 16 ของกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครราชสีมาที่ 1 (อส.นม.1) ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา หายไปอย่างไร้ร่องรอยเป็นจำนวนมากตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วานนี้ (11 มิ.ย.) พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา เปิดเผยถึงความคืบหน้าในเรื่องนี้ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องกับการหายไปของอาวุธปืนดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องของฝ่ายปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ในส่วนของคดี ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเร่งสืบหาข้อมูล เรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ เบื้องต้นทราบว่ามีการนำอาวุธปืนออกจากห้องเก็บไปจริง แต่เวลานำมาเก็บ ไม่ได้มีการตรวจนับให้ชัดเจน ซึ่งคงต้องใช้เวลาในการสอบสวนอีกสักระยะจึงจะมีความชัดเจน
พ.ต.อ.สมศักดิ์ ฤกษพุฒิ ผกก.สภ.จอหอ ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ท้องที่เกิดเหตุ กล่าวว่า อาวุธปืนที่ขึ้นทะเบียนไว้โดยทางกระทรวงมหาดไทยแจกจ่ายมาให้กองร้อย อส.นม.1 นั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 84 กระบอก นำไปใช้ที่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมาขณะนี้ 9 กระบอก และที่หายไปมีจำนวนทั้งสิ้น 75 กระบอก ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.จอหอ เจ้าของคดี ได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำแล้วหลายราย โดยเฉพาะตัวอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) ผู้ที่เก็บกุญแจคลังเก็บอาวุธปืน ซึ่งถือว่าคดีคืบหน้าไปมากแล้ว
"พยานให้การตรงกันว่ามีผู้มาเบิกอาวุธปืนออกไปหลายสิบกระบอกในช่วงปี 2556-57 โดยผู้เบิกออกไประบุว่าเป็นระดับปลัดจังหวัด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ติดต่อปลัดจังหวัดนครราชสีมามาให้ปากคำต่อไป" พ.ต.อ.สมศักดิ์กล่าว
พ.ต.อ.สมศักดิ์กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบระบบการเบิกจ่ายอาวุธปืนของกองร้อย อส.นม.1 ค่อนข้างหละหลวมไม่เป็นระบบ ไม่มีการทำบัญชีควบคุมอาวุธปืน ใครจะนำออกไปก็ได้ ไม่มีการลงลายมือชื่อผู้ที่เบิกออกไปจากคลังอาวุธ ถือว่าระบบล้มเหลวอย่างมาก แม้กระทั่งปืนหาย คนดูแลยังไม่ทราบว่ามีอาวุธปืนหายไป จนกระทั่งมีการตรวจเช็กจึงรู้ว่าหายไป
สำหรับอาวุธปืนที่หายไปนั้น คาดว่าผู้ที่เอาออกไป คงไม่กล้านำมาส่งคืนแล้ว เพราะเกรงจะมีความผิด และคงยากที่จะติดตามกลับมาคืน เชื่อว่าปืนทั้งหมดคงไม่นำไปขาย แต่อาจนำไปใช้อย่างอื่น ส่วนจะนำไปใช้เพื่อการใดนั้นต้องสืบต่อไป เพราะในช่วงที่หายไปเป็นช่วงที่มีการต่อสู้ทางการเมืองและสถานการณ์การเมืองช่วงนั้นมีความขัดแย้งกันสูง คาดว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของปืนล็อตนี้ด้วย
นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ฝ่ายปกครองไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงตั้งแต่เดือนส.ค.2557 โดยครั้งแรกได้มอบหมายให้นายชยาวุธ จันทร ขณะดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาดำเนินการติดตามปืนกลับมา แต่ไม่สำเร็จ เรื่องเงียบหายไป ต่อมาจึงได้มอบหมายให้นายประภาส รักษาทรัพย์ ปลัดจังหวัดนครราชสีมาดำเนินการต่อ ก็ไม่สำเร็จเช่นกัน และมอบให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาดำเนินการ เรื่องก็เงียบหายไปอีก กระทั่งล่าสุดได้มอบให้ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ซึ่งท่านเป็นนายตำรวจเอาจริง จนกระทั่งมาปรากฏเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้
ทั้งนี้ ล่าสุดได้รับรายงานว่า ได้ปืนกลับคืนมาแล้ว 5 กระบอก คงเหลือที่หายไปกว่า 60 กระบอก ซึ่งคงต้องให้เวลาตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับนายประภาสหรือไม่ ต้องปล่อยให้เป็นการสอบสวนของตำรวจ รวมถึงป้องกันจังหวัดนครราชสีมา และผู้บังคับการกองร้อย อส. นม. 1 ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวลือว่าอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวนเกือบ 100 กระบอก ที่อยู่ในความดูแลของ กองอาสารักษาดินแดน จ.นครราชสีมา ที่ 1 สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย ว่า เรื่องนี้ต้องตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในส่วนของทหาร ต้องดำเนินการสืบสวนสอบ และลงโทษอย่างรุนแรง ทุกเรื่องต้องมีความชัดเจนว่าเกิดจากอะไร และใครเป็นผู้รับผิดชอบ อีกทั้งผู้ที่กระทำผิดต้องถูกดำเนินคดีทั้ง ทางวินัยและอาญา
"ปีนี้มีการกวดขันเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก แต่ยังมีคนส่วนน้อยที่ไม่ดีดำเนินการหาผลประโยชน์ในสิ่งเหล่านั้น ทางกองทัพจะไม่ให้การช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น เรื่องที่ผิดกฎหมาย กองทัพบกไม่เคยเข้าไปรับรองคนที่กระทำความผิด แต่บางกรณียังไม่ได้รับการพิสูจน์ที่ชัดเจน ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามระเบียบของกองทัพ ที่ต้องเข้าไปดูแลบางคดีตามขั้นตอน แต่ยืนยันว่า ไม่ได้ให้การสนับสนุนหรือปล่อยปละละเลยในสิ่งต่างๆ ที่เป็นความผิด"
ทั้งนี้ พล.อ.อุดมเดชกล่าวอีกว่า ปืนที่นำเข้ามาก่อเหตุต่างๆ นั้น ส่วนใหญ่พบว่าเป็นปืนที่ลักลอบนำเข้ามาจากบริเวณพื้นที่ชายแดน
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีอาวุธปืนเอ็ม 16 ของกองร้อยอาสารักษาดินแดนจังหวัดนครราชสีมาที่ 1 (อส.นม.1) ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา หายไปอย่างไร้ร่องรอยเป็นจำนวนมากตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
วานนี้ (11 มิ.ย.) พล.ต.ต.ฐากูร นัทธีศรี ผบก.ภ.จว.นครราชสีมา เปิดเผยถึงความคืบหน้าในเรื่องนี้ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างการสอบสวนผู้ที่เกี่ยวข้องกับการหายไปของอาวุธปืนดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องของฝ่ายปกครอง ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาได้ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว ในส่วนของคดี ตนได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนเร่งสืบหาข้อมูล เรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ เบื้องต้นทราบว่ามีการนำอาวุธปืนออกจากห้องเก็บไปจริง แต่เวลานำมาเก็บ ไม่ได้มีการตรวจนับให้ชัดเจน ซึ่งคงต้องใช้เวลาในการสอบสวนอีกสักระยะจึงจะมีความชัดเจน
พ.ต.อ.สมศักดิ์ ฤกษพุฒิ ผกก.สภ.จอหอ ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ท้องที่เกิดเหตุ กล่าวว่า อาวุธปืนที่ขึ้นทะเบียนไว้โดยทางกระทรวงมหาดไทยแจกจ่ายมาให้กองร้อย อส.นม.1 นั้น มีจำนวนทั้งสิ้น 84 กระบอก นำไปใช้ที่ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมาขณะนี้ 9 กระบอก และที่หายไปมีจำนวนทั้งสิ้น 75 กระบอก ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวน สภ.จอหอ เจ้าของคดี ได้เรียกผู้ที่เกี่ยวข้องมาสอบปากคำแล้วหลายราย โดยเฉพาะตัวอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) ผู้ที่เก็บกุญแจคลังเก็บอาวุธปืน ซึ่งถือว่าคดีคืบหน้าไปมากแล้ว
"พยานให้การตรงกันว่ามีผู้มาเบิกอาวุธปืนออกไปหลายสิบกระบอกในช่วงปี 2556-57 โดยผู้เบิกออกไประบุว่าเป็นระดับปลัดจังหวัด ซึ่งเจ้าหน้าที่จะได้ติดต่อปลัดจังหวัดนครราชสีมามาให้ปากคำต่อไป" พ.ต.อ.สมศักดิ์กล่าว
พ.ต.อ.สมศักดิ์กล่าวต่อว่า จากการตรวจสอบระบบการเบิกจ่ายอาวุธปืนของกองร้อย อส.นม.1 ค่อนข้างหละหลวมไม่เป็นระบบ ไม่มีการทำบัญชีควบคุมอาวุธปืน ใครจะนำออกไปก็ได้ ไม่มีการลงลายมือชื่อผู้ที่เบิกออกไปจากคลังอาวุธ ถือว่าระบบล้มเหลวอย่างมาก แม้กระทั่งปืนหาย คนดูแลยังไม่ทราบว่ามีอาวุธปืนหายไป จนกระทั่งมีการตรวจเช็กจึงรู้ว่าหายไป
สำหรับอาวุธปืนที่หายไปนั้น คาดว่าผู้ที่เอาออกไป คงไม่กล้านำมาส่งคืนแล้ว เพราะเกรงจะมีความผิด และคงยากที่จะติดตามกลับมาคืน เชื่อว่าปืนทั้งหมดคงไม่นำไปขาย แต่อาจนำไปใช้อย่างอื่น ส่วนจะนำไปใช้เพื่อการใดนั้นต้องสืบต่อไป เพราะในช่วงที่หายไปเป็นช่วงที่มีการต่อสู้ทางการเมืองและสถานการณ์การเมืองช่วงนั้นมีความขัดแย้งกันสูง คาดว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายไปของปืนล็อตนี้ด้วย
นายธงชัย ลืออดุลย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า ฝ่ายปกครองไม่ได้นิ่งนอนใจ มีการตั้งกรรมการขึ้นมาสอบสวนข้อเท็จจริงตั้งแต่เดือนส.ค.2557 โดยครั้งแรกได้มอบหมายให้นายชยาวุธ จันทร ขณะดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมาดำเนินการติดตามปืนกลับมา แต่ไม่สำเร็จ เรื่องเงียบหายไป ต่อมาจึงได้มอบหมายให้นายประภาส รักษาทรัพย์ ปลัดจังหวัดนครราชสีมาดำเนินการต่อ ก็ไม่สำเร็จเช่นกัน และมอบให้ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาดำเนินการ เรื่องก็เงียบหายไปอีก กระทั่งล่าสุดได้มอบให้ผู้บังคับการสืบสวนสอบสวนตำรวจภูธรภาค 3 ซึ่งท่านเป็นนายตำรวจเอาจริง จนกระทั่งมาปรากฏเป็นข่าวอยู่ในขณะนี้
ทั้งนี้ ล่าสุดได้รับรายงานว่า ได้ปืนกลับคืนมาแล้ว 5 กระบอก คงเหลือที่หายไปกว่า 60 กระบอก ซึ่งคงต้องให้เวลาตำรวจทำงานอย่างเต็มที่ ส่วนจะเกี่ยวข้องกับนายประภาสหรือไม่ ต้องปล่อยให้เป็นการสอบสวนของตำรวจ รวมถึงป้องกันจังหวัดนครราชสีมา และผู้บังคับการกองร้อย อส. นม. 1 ที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวลือว่าอาวุธปืนเอ็ม 16 จำนวนเกือบ 100 กระบอก ที่อยู่ในความดูแลของ กองอาสารักษาดินแดน จ.นครราชสีมา ที่ 1 สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย ว่า เรื่องนี้ต้องตรวจสอบรายละเอียดอีกครั้งว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในส่วนของทหาร ต้องดำเนินการสืบสวนสอบ และลงโทษอย่างรุนแรง ทุกเรื่องต้องมีความชัดเจนว่าเกิดจากอะไร และใครเป็นผู้รับผิดชอบ อีกทั้งผู้ที่กระทำผิดต้องถูกดำเนินคดีทั้ง ทางวินัยและอาญา
"ปีนี้มีการกวดขันเรื่องดังกล่าวเป็นอย่างมาก แต่ยังมีคนส่วนน้อยที่ไม่ดีดำเนินการหาผลประโยชน์ในสิ่งเหล่านั้น ทางกองทัพจะไม่ให้การช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น เรื่องที่ผิดกฎหมาย กองทัพบกไม่เคยเข้าไปรับรองคนที่กระทำความผิด แต่บางกรณียังไม่ได้รับการพิสูจน์ที่ชัดเจน ทุกอย่างก็ต้องเป็นไปตามระเบียบของกองทัพ ที่ต้องเข้าไปดูแลบางคดีตามขั้นตอน แต่ยืนยันว่า ไม่ได้ให้การสนับสนุนหรือปล่อยปละละเลยในสิ่งต่างๆ ที่เป็นความผิด"
ทั้งนี้ พล.อ.อุดมเดชกล่าวอีกว่า ปืนที่นำเข้ามาก่อเหตุต่างๆ นั้น ส่วนใหญ่พบว่าเป็นปืนที่ลักลอบนำเข้ามาจากบริเวณพื้นที่ชายแดน