ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - ตำรวจเผยคดีปืน อส.โคราชหายกว่า 70 กระบอกคืบหน้าไปมากใกล้สรุปสำนวนคดี ประสานจังหวัดส่งมอบรถยนต์ใช้ขนอาวุธปืนออกไปมาตรวจสอบ และรอเช็กตัวเลขปืนจากทุกอำเภอให้ชัดเจน ระบุพบ 4 รายร่วมกันนำปืนออกไป เตรียมเรียกมารับข้อหา มั่นใจปืนยังอยู่ในพื้นที่ ฝากหากต้องการคืนแต่เกรงความผิดให้นำไปวางไว้ที่ใดก็ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าคดีอาวุธปืน เอ็ม 16 ของกองร้อยอาสารักษาดินแดนนครราชสีมาที่ 1 (กองร้อย อส.นม.1) ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา หายไปกว่า 74 กระบอกนั้น
ล่าสุดเช้าวันนี้ (12 มิ.ย.) พ.ต.อ.สมศักดิ์ ฤกษพุฒิ ผู้กำกับการ (ผกก.) สภ.จอหอ ต.จอหอ อ.เมือง จ.นครราชสีมา เจ้าของท้องที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่า ในส่วนของคดีมีความคืบหน้าไปมาก หลังจากทางจังหวัดนครราชสีมาได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ไว้ที่ สภ.จอหอเมื่อเดือน เม.ย. 2558 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทำการสอบสวนและได้รายละเอียดข้อมูล พยานหลักฐานเกือบครบถ้วนสมบูรณ์แล้ว ขณะนี้เหลือเพียงให้ตัวเลขจำนวนอาวุธปืนที่มีอยู่นิ่ง เนื่องจากตอนนี้อยู่ระหว่างการเรียกตรวจสอบอาวุธปืนจากอาสาสมัครรักษาดินแดน (อส.) ทุกอำเภอของ จ.นครราชสีมา ซึ่งยังไม่สามารถสรุปตัวเลขที่ชัดเจนได้
รวมทั้งทางพนักงานสอบสวนได้ประสานไปทางจังหวัดนครราชสีมาให้ทำการส่งมอบรถยนต์ที่ใช้เป็นยานพาหนะในการขนอาวุธปืนออกไปในวันเกิดเหตุมาตรวจสอบ หากได้มาครบทั้ง 2 ส่วนก็จะแจ้งข้อกล่าวหาต่อผู้กระทำผิด และสามารถสรุปสำนวนคดีได้ ซึ่งตนจะรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ ก่อนส่งสำนวนคดีให้อัยการพิจารณาสั่งฟ้องศาลต่อไป
สำหรับแนวทางการสอบสวนถึงขณะนี้พอทราบว่าใครเป็นผู้เบิกอาวุธปืนล็อตดังกล่าวออกไปและไม่ได้นำมาส่งคืนแล้ว เบื้องต้นพยานให้การตรงกันว่าเห็นผู้ที่มานำปืนออกไปประมาณ 4 คน ซึ่งในจำนวนนี้มีข้าราชการรวมอยู่ด้วย และเราทราบชื่อที่อยู่ทุกคนอย่างชัดเจน หากหลักฐานทุกอย่างเสร็จสมบูรณ์พนักงานสอบสวนจะเรียกทั้ง 4 คนนี้มารับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งเบื้องต้นจะแจ้งข้อหา “ลักทรัพย์ของทางราชการ” มีโทษจำคุก 5 ปี ขณะนี้รอเพียงให้การตรวจสอบแล้วเสร็จก่อน
พ.ต.อ.สมศักดิ์กล่าวต่อว่า กรณีอาวุธปืนหายจำนวนมากดังกล่าวต้องแยกออกเป็น 2 ส่วน คือ คดีอาญา ซึ่งต้องเอาผู้กระทำความผิดที่นำอาวุธปืนออกไปแล้วไม่นำกลับมาคืนมาดำเนินคดีตามกฎหมายให้ได้ ซึ่งต้องมีคนรับผิดชอบแน่นอน และอีกส่วนคือความผิดทางวินัย เป็นเรื่องของหน่วยงานต้นสังกัดที่จะสอบสวนเอาผิดข้าราชการผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบอาวุธอื่นๆ เช่น ปืนพกสั้น ปืนลูกซองยาว และกระสุนปืน รวมทั้งกระสุนปืน เอ็ม 16 ยังอยู่ครบ ไม่หายไปไหน
พ.ต.อ.สมศักดิ์กล่าวอีกว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นความล้มเหลวของระบบควบคุมบัญชีอาวุธปืนที่หละหลวม ใครมีกุญแจก็เอาออกไปได้ และเวลาขนก็ให้คนมาเบิกไปหยิบปืนออกมาเอง ที่สำคัญไม่มีการลงลายมือชื่อผู้มาเบิกอาวุธปืนออกไป จึงทำให้เกิดความผิดพลาดเกิดขึ้น เพราะปืนที่หายไปไม่ใช่เป็นการเข้ามาโจรกรรม แต่เป็นการถูกเบิกนำออกไป
“เชื่อว่าอาวุธปืนที่หายไปไม่ได้นำไปใช้ก่อเหตุที่อื่น อาจอยู่ในมือของคนใดคนหนึ่งซึ่งเก็บไว้แต่ไม่กล้าส่งกลับคืนเนื่องจากเกรงว่าจะมีความผิด จึงขอฝากประชาสัมพันธ์ว่า หากใครรู้ตัวว่าเก็บอาวุธปืนของทางราชการล็อตนี้เอาไว้ และประสงค์จะส่งคืนให้กับทางราชการ หากกลัวความผิดก็ให้นำไปวางไว้สถานที่ใดที่หนึ่งก็ได้ เจ้าหน้าที่จะไปนำกลับมาเอง” พ.ต.อ.สมศักดิ์กล่าวในตอนท้าย