ASTVผู้จัดการรายวัน - “ประยุทธ์” บอกน้ำท่วม กทม.ต้องไปดูสาเหตุ สั่ง คสช. ตั้งหน่วยงานติดตามน้ำท่วมทุกพื้นที่ ชี้ ประชาชนต้องตรวจสอบผู้ว่าเอง เพราะเลือกกันมา ไม่ใช่ให้นายกฯ ใช้อำนาจ "ประวิตร"จี้ กทม. วางแผนแก้ปัญหาน้ำท่วมขังหลังฝนตกหนัก ปัดตอบพิจารณาตัวผู้ว่าฯกทม. ชี้เป็นอำนาจนายกฯ “โฆษกคุณชาย” ป้องนาย โต้ “ศรีสุวรรณ” ส.โลกร้อน” ทำอะไรบ้าง? เผย สำนักเทศกิจ สั่ง 50 เขต เข้มใช้กฎหมายปรับ 2,000 บาท ฟันเหตุขยะล้นคลอง
เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (9 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ว่า ให้ไปดูว่าสาเหตุเกิดจากอะไร 1.เกิดจากปริมาณน้ำฝนที่เกิน 140 มม. ซึ่งถือว่ามีปริมาณมาก 2.การเตรียมการรองรับปัญหามีอะไรบ้าง เพราะเห็นว่าเครื่องสูบน้ำที่มีอยู่ 4 เครื่องนั้นใช้ได้ 1 เครื่องมันเสียเพราะอะไร เห็นว่ามีที่นอนเข้าไปอยู่ในเครื่อง มันมาจากไหน ก็ต้องให้เป็นความเป็นธรรมกับกทม.
“วันนี้ผมได้สั่งคสช.ให้ไปดู และตั้งหน่วยติดตามสถานการณ์เรื่องน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เหมือนตอนที่ตนตั้งในสมัยรัฐบาลที่แล้ว ไปตามดูว่ามีพื้นที่เสี่ยงตรงไหนก็ให้หน่วยงานรับผิดชอบไป เตรียมรถใหญ่ รถกลาง รถเล็กเอาไว้ ตนไม่อยากปล่อยให้การจราจรติดขัดครึ่งวันหรือทั้งวัน ต้องลงไปก่อน ที่ผ่านมาตนคิดว่าเขาจะแก้ไม่ได้เหมือนเดิม เดี๋ยวตนคงต้องลงไปช่วยตรงนี้ ที่เหลือก็ตรวจสอบกันเองแล้วกัน”
“ประชาชนต้องตรวจสอบเพราะเป็นคนเลือกเข้ามา ท่านผู้ว่าก็เลือกกันมา ท่านเป็นคนเลือกไม่ใช่เหรอ ท่านจะให้ผมใช้อำนาจอย่างเดียวมันก็หมด วุ่นวายไปหมด ก็ไปดูสิถ้าเขาทำดีวันหน้าก็เลือกใหม่ วันนี้ไม่ดีก็สั่งข้าราชการประจำ ในส่วนของปลัดกทม.และมหาดไทยมาช่วยกันว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ที่เคยสั่งไปมีเรือวิ่งกันหรือยัง เรือในคลองผดุงกรุงเกษมก็ไม่มีวิ่งให้ผม บอกว่าน้ำน้อยแต่ก็น้ำท่วมอยู่ น้ำน้อยคลองนี้แต่คลองนู้นก็ท่วมอยู่ไม่รู้จะทำอย่างไร นีระบบการระบายน้ำมันเสียหาย ควรจะเชื่อมกันมาตั้งแต่ต้น วันนี้น้ำสกปรกลงคลองหมด แล้วท่านจะเอาน้ำสะอาดจากไหน ในเมื่อท่อระบายน้ำทุกบ้านไหลรวมลงคลองเหล่านี้หมด เคยคิดจะทำกันไหม ผมก็คิดว่ามันจะเป็นไปได้หรือไม่ ผมคุยกับรมว.มหาดไทยว่าจะต้องใช้เงินเป็นแสนล้านบาท” นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ถ้าคลองไหนหนักหน่อย อย่างคลองแสนแสบ ตนบอกมหาดไทยให้เริ่มก่อนได้ไหม ทำเป็นช่วงได้ไหม มีประตูน้ำอยู่แล้วทำช่วงใดช่วงหนึ่งให้ใสสะอาด ปิดปากท่อที่มันลงตรงนั้นก่อนได้ไหมแล้วก็ทำท่อมาก็จะส่งเป็นทอด ๆ ไป วันหน้าก็ต้องมีอุโมงค์ยาวข้ามคลองทุกคลองก็จะเป็นเส้นจราจรที่ไม่มีน้ำคำ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า บางคนบอกว่าทำไมไม่เอาสายไฟฟ้าลงดิน รู้หรือไม่ว่าการเอาสายไฟฟ้าลงดินมันเสียกิโลเมตรละเท่าไร แล้วจะเอาเงินมาจากไหนก็ต้องเอามาจากการเก็บภาษีทั้งสิ้น มันเก็บภาษีไม่ได้ แต่ทุกคนอยากได้หมด ตนก็อยากเอาสายไฟฟ้าลงดินทุกเส้น แต่ราคาไม่ใช่แค่ 4-5 ล้าน เพราะมีราคาถึงหลักร้อยล้านบาท เพราะไม่ใช้ขุดแล้วเอาสายลงไปเดิน แต่ต้องมีอุปกรณ์ทั้งท่อลงดินและทางสายไฟแต่ก็จะเริ่มที่ละเส้น
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่กทม. ภายหลังจากฝนตกหนักว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สั่งการให้ทหารนำรถของทหารมาอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน รวมถึงตนก็ได้สั่งการให้เหล่าทัพเข้าไปช่วยดูแล เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องดำเนินการอยู่แล้วในกรณีที่เกิดเหตุน้ำท่วมขังมาก ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดปัญหาโดยไม่แก้ไข
ส่วนทางกทม.ก็พยายามแก้ไขปัญหาทุกเรื่อง แต่เนื่องจากมีปัญหาเรื่องขยะที่มีเป็นจำนวนมากไหลไปอุดช่องทางน้ำไหลก็ต้องแก้ไขกันต่อไป เพราะถือเป็นหน้าที่ กทม. ดังนั้นกทม.ต้องวางแผนงานในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้
เมื่อถามว่าจะพิจารณาตัวผู้ว่าฯกทม.หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องไปถามนายกฯ ส่วนผู้ว่าฯกทม. จำเป็นต้องพิจารณาตัวเองหรือไม่ ก็ต้องไปถามผู้ว่าฯกทม. อย่างไรก็ตามนายกฯ ดูแลในภาพรวม และผู้ว่าฯกทม. ก็ต้องพยายามวางแผนแก้ไขปัญหา เพราะเมื่อมีฝนตกหนัก น้ำก็ท่วมขังหนักเช่นนี้ทุกครั้ง ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกคนก็รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ในส่วนของท่อระบายน้ำ ทางศูนย์ความมั่นคงเพิ่งไปดูมา พบว่ามีการเตรียมการเรียบร้อย แต่ติดปัญหาขยะที่มีเป็นจำนวนมาก
เมื่อถามต่อว่าจะให้ทหารลงไปช่วยแก้ไขปัญหาเพื่อสนับสนุนเจ้าหน้าที่กทม. หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะให้ทหารแก้ไขปัญหาทุกอย่างเช่นนั้นหรือ ทำไมกทม.ไม่หาแนวทาง เช่น การจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาแก้ไขปัญหา
**** ยันอุโมงค์ยังใช้งานได้
มีรายงานว่า นายสัญญา ชีนิมิตร ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงสถานการณ์ฝนตกในกรุงเทพฯ ว่า ตามที่วานนี้เกิดฝนอ่อนถึงปานกลางปกคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ วัดปริมาณฝนสูงสุดได้ที่สถานีสูบน้ำวัดไทร เขตบางคอแหลม 55 มิลลิเมตร (มม.) สถานสูบน้ำแจงร้อน 51.5 มม. สถานีสูบน้ำสาทร 45.5 มม. ทำให้เกิดน้ำท่วมขังหลายจุด แต่เจ้าหน้าที่ได้เร่งระบายน้ำจนแห้งทุกจุดเมื่อเวลาประมาณ 05.30 น.
ทั้งนี้หากปริมาณฝนอยู่ในระดับนี้ ระบบระบายน้ำของ กทม. สามารถระบายน้ำได้ทันที ซึ่งจุดที่เกิดน้ำท่วมข้างต้นเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำมาก มักเกิดปัญหาเป็นประจำทุกครั้งที่ฝนตกอยู่แล้ว สำหรับปัญหาขยะที่เป็นอุปสรรคระบายน้ำเป็นอุปสรรคอยู่แล้วทุกปี เนื่องจากเมื่อเกิดฝนตก น้ำจะพัดเอาขยะที่อยู่ข้างทางและพื้นที่ต่าง ๆ ไหลไปลงท่อระบายน้ำ ซึ่งมีตะแกรงปิดไว้ เมื่อมีขยะหน้าตะแกรงจำนวนมาก ก็ทำให้ประสิทธิภาพในการระบายน้ำบนผิวจราจรลดลง เช่นเดียวกับที่สถานีสูบน้ำทุกแห่ง ที่มีจำนวน 166 แห่ง
ส่วนอุโมงค์ยักษ์ยังใช้งานได้ดีอยู่หรือไม่ นายสัญญา กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่ติดตามการทำงานของอุโมงค์ยักษ์ ยืนยันว่าใช้งานได้ตามปกติ ระบบมีประสิทธิภาพการทำงานเต็มที่ แต่ขอเรียนอีกครั้งว่าระบบที่มีรองรับปริมาณฝนตกได้ 60 มิลลิเมตร หากตกมากกว่า 100 มิลลิเมตรก็ต้องรอน้ำระบาย
*** โฆษกหม่อมโต้ส.ต่อต้านโลกร้อน
ด้าน นายวสันต์ มีวงษ์ ที่ปรึกษาผู้ว่ากทม. ในฐานะโฆษกประจำตัวม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ โพสต์เฟซบุ๊ค ว่า “ผู้ว่าฯสุขุมพันธุ กับการทำงานแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน ในช่วงเวลาที่ผ่านมา พิสูจน์ได้ชัดเจนว่า ”ไม่เคยหนีปัญหาหรือปฏิเสธปัญหาประชาชนเลย แม้แต่ตรั้งเดียว “เลือกทีจะทำงานด้วยการปฏิบัติมากกว่าการทำงานด้วยการพูด”
มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. นายวสันต์ยังได้โพตส์ตอบโต้ถึง สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน มีใจความว่า “ถึง สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ที่เสนอให้นายกรัฐมนตรีใช้ มาตรา 44 สั่งปลดผู้ว่า กทม กรณีฝนตกและน้ำท่วมขังรอระบาย ในถนนสายหลัก ไม่เกิน 2-3 ชั่วโมง ในขณะที่ฝนตก 4-5 ชั่วโมง ติดต่อกัน เรื่องการแก้ปัญหา เจ้าหน้าที่บุคลากรของ กทม. ทำอย่างเต็มที่ถึงแม้จะมีข้อจำกัดมากมาย ไม่เคยปฏิเสธหรือแก้ตัว เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ ถ้าเปรียบเทียบกับการแก้ปัญหาน้ำท่วมในอดีด ต้องข้ามวันข้ามคืนกว่าน้ำบนถนนจะแห้ง เช่น ปี 52 เป็นต้น ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวคือสิ่งที่ชี้ให้เห็นถึงการกำหนดนโยบายและการพัฒนาระบบระบายน้ำของ กทม. อย่างต่อเนื่อง”
“ผมอยากจะถามกลับไปถึงสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ภายใต้การนำของคุณศรีสุวรรณ ว่านอกจากการเดินหน้าร้องเรียนในทุกเรื่องแล้ว สมาคมฯ เคยมีผลงานที่เป็นรูปธรรมอะไรบ้างไหม นอกจากทำให้ตัวผู้ร้องได้รับความสนใจจากสื่อ เท่านั้น หรือเพื่อประโยชน์อื่นใด”
มีรายงานว่า ขณะที่มีผู้โพตส์ข้อความในลักษณะเดียวกันในเพจของนายวสันต์ อีก เช่น ฝากถึงสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เนื่องจากตอนนี้ประเทศไทยร้อนมาก โลกก็ร้อนมากมายสมาคมของท่านได้แก้ไขอะไรข้างไหมคะ ทำไมโลกยังร้อนอยู่ และไม่มีทีท่าว่าจะคลายร้อนแต่อย่างได ดิฉันจึงขอเสนอว่าให้ท่านยุบสมาคมนี้ไปเถอะค่ะ มีไปทำไมมีแล้วโลกยังร้อนอยู่เลย มันเศร้าใจจริงๆมีไปทำไมสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน
“ฝากถึง..สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน พวกเกาะกระแส ตอนน้ำท่วมใหญ่ กรุงเทพเป็นเดือน ไปมุดหัวอยู่ไหน เงียบ นี้น้ำระบายไม่ทัน ไม่ถึง 2 ชั่วโมงออกมาโวยวาย ...”
มีรายงานจาก สำนักเทศกิจ กทม. ว่า ผู้บริหาร กทม.ได้ ย้ำกับเจ้าหน้าเทศกิจทั้ง 50 สำนักงานเขต ให้เข้มงวดกวดขัดการทิ้งขยะลงในที่สาธารณะ คู คลองของประชาชนทั่วกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นหน้าฝน ที่กลายเป็นปัญหาใหญ่อันเป็นต้นเหตุในการทำให้น้ำท่วมขัง และมีความผิดตามพ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535
“ตามความผิดในการทิ้งสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยในสถานสาธารณะนอกภาชนะหรือที่ที่ราชการส่วนท้องถิ่นจัดไว้มาตรา 31(2) โทษสูงสุดปรับไม่เกิน 2,000 บาท ส่วนการเทหรือสิ่งปฏิกูลมูลฝอย น้ำโสโครกหรือสิ่งอื่นใดลงบนถนนหรือในทางน้ำ มาตรา 33 โทษสูงสุดปรับไม่เกิน 10,000 บาท”
เมื่อเวลา 13.30 น. วานนี้ (9 มิ.ย.) ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. ว่า ให้ไปดูว่าสาเหตุเกิดจากอะไร 1.เกิดจากปริมาณน้ำฝนที่เกิน 140 มม. ซึ่งถือว่ามีปริมาณมาก 2.การเตรียมการรองรับปัญหามีอะไรบ้าง เพราะเห็นว่าเครื่องสูบน้ำที่มีอยู่ 4 เครื่องนั้นใช้ได้ 1 เครื่องมันเสียเพราะอะไร เห็นว่ามีที่นอนเข้าไปอยู่ในเครื่อง มันมาจากไหน ก็ต้องให้เป็นความเป็นธรรมกับกทม.
“วันนี้ผมได้สั่งคสช.ให้ไปดู และตั้งหน่วยติดตามสถานการณ์เรื่องน้ำท่วมในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด เหมือนตอนที่ตนตั้งในสมัยรัฐบาลที่แล้ว ไปตามดูว่ามีพื้นที่เสี่ยงตรงไหนก็ให้หน่วยงานรับผิดชอบไป เตรียมรถใหญ่ รถกลาง รถเล็กเอาไว้ ตนไม่อยากปล่อยให้การจราจรติดขัดครึ่งวันหรือทั้งวัน ต้องลงไปก่อน ที่ผ่านมาตนคิดว่าเขาจะแก้ไม่ได้เหมือนเดิม เดี๋ยวตนคงต้องลงไปช่วยตรงนี้ ที่เหลือก็ตรวจสอบกันเองแล้วกัน”
“ประชาชนต้องตรวจสอบเพราะเป็นคนเลือกเข้ามา ท่านผู้ว่าก็เลือกกันมา ท่านเป็นคนเลือกไม่ใช่เหรอ ท่านจะให้ผมใช้อำนาจอย่างเดียวมันก็หมด วุ่นวายไปหมด ก็ไปดูสิถ้าเขาทำดีวันหน้าก็เลือกใหม่ วันนี้ไม่ดีก็สั่งข้าราชการประจำ ในส่วนของปลัดกทม.และมหาดไทยมาช่วยกันว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร ที่เคยสั่งไปมีเรือวิ่งกันหรือยัง เรือในคลองผดุงกรุงเกษมก็ไม่มีวิ่งให้ผม บอกว่าน้ำน้อยแต่ก็น้ำท่วมอยู่ น้ำน้อยคลองนี้แต่คลองนู้นก็ท่วมอยู่ไม่รู้จะทำอย่างไร นีระบบการระบายน้ำมันเสียหาย ควรจะเชื่อมกันมาตั้งแต่ต้น วันนี้น้ำสกปรกลงคลองหมด แล้วท่านจะเอาน้ำสะอาดจากไหน ในเมื่อท่อระบายน้ำทุกบ้านไหลรวมลงคลองเหล่านี้หมด เคยคิดจะทำกันไหม ผมก็คิดว่ามันจะเป็นไปได้หรือไม่ ผมคุยกับรมว.มหาดไทยว่าจะต้องใช้เงินเป็นแสนล้านบาท” นายกรัฐมนตรี กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวต่อว่า ถ้าคลองไหนหนักหน่อย อย่างคลองแสนแสบ ตนบอกมหาดไทยให้เริ่มก่อนได้ไหม ทำเป็นช่วงได้ไหม มีประตูน้ำอยู่แล้วทำช่วงใดช่วงหนึ่งให้ใสสะอาด ปิดปากท่อที่มันลงตรงนั้นก่อนได้ไหมแล้วก็ทำท่อมาก็จะส่งเป็นทอด ๆ ไป วันหน้าก็ต้องมีอุโมงค์ยาวข้ามคลองทุกคลองก็จะเป็นเส้นจราจรที่ไม่มีน้ำคำ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า บางคนบอกว่าทำไมไม่เอาสายไฟฟ้าลงดิน รู้หรือไม่ว่าการเอาสายไฟฟ้าลงดินมันเสียกิโลเมตรละเท่าไร แล้วจะเอาเงินมาจากไหนก็ต้องเอามาจากการเก็บภาษีทั้งสิ้น มันเก็บภาษีไม่ได้ แต่ทุกคนอยากได้หมด ตนก็อยากเอาสายไฟฟ้าลงดินทุกเส้น แต่ราคาไม่ใช่แค่ 4-5 ล้าน เพราะมีราคาถึงหลักร้อยล้านบาท เพราะไม่ใช้ขุดแล้วเอาสายลงไปเดิน แต่ต้องมีอุปกรณ์ทั้งท่อลงดินและทางสายไฟแต่ก็จะเริ่มที่ละเส้น
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคง และรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังในพื้นที่กทม. ภายหลังจากฝนตกหนักว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ได้สั่งการให้ทหารนำรถของทหารมาอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน รวมถึงตนก็ได้สั่งการให้เหล่าทัพเข้าไปช่วยดูแล เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องดำเนินการอยู่แล้วในกรณีที่เกิดเหตุน้ำท่วมขังมาก ไม่ใช่ปล่อยให้เกิดปัญหาโดยไม่แก้ไข
ส่วนทางกทม.ก็พยายามแก้ไขปัญหาทุกเรื่อง แต่เนื่องจากมีปัญหาเรื่องขยะที่มีเป็นจำนวนมากไหลไปอุดช่องทางน้ำไหลก็ต้องแก้ไขกันต่อไป เพราะถือเป็นหน้าที่ กทม. ดังนั้นกทม.ต้องวางแผนงานในการแก้ไขปัญหาเรื่องนี้
เมื่อถามว่าจะพิจารณาตัวผู้ว่าฯกทม.หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ต้องไปถามนายกฯ ส่วนผู้ว่าฯกทม. จำเป็นต้องพิจารณาตัวเองหรือไม่ ก็ต้องไปถามผู้ว่าฯกทม. อย่างไรก็ตามนายกฯ ดูแลในภาพรวม และผู้ว่าฯกทม. ก็ต้องพยายามวางแผนแก้ไขปัญหา เพราะเมื่อมีฝนตกหนัก น้ำก็ท่วมขังหนักเช่นนี้ทุกครั้ง ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกคนก็รู้ว่าสาเหตุเกิดจากอะไร ในส่วนของท่อระบายน้ำ ทางศูนย์ความมั่นคงเพิ่งไปดูมา พบว่ามีการเตรียมการเรียบร้อย แต่ติดปัญหาขยะที่มีเป็นจำนวนมาก
เมื่อถามต่อว่าจะให้ทหารลงไปช่วยแก้ไขปัญหาเพื่อสนับสนุนเจ้าหน้าที่กทม. หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จะให้ทหารแก้ไขปัญหาทุกอย่างเช่นนั้นหรือ ทำไมกทม.ไม่หาแนวทาง เช่น การจ้างบริษัทเอกชนเข้ามาแก้ไขปัญหา
**** ยันอุโมงค์ยังใช้งานได้
มีรายงานว่า นายสัญญา ชีนิมิตร ปลัดกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงสถานการณ์ฝนตกในกรุงเทพฯ ว่า ตามที่วานนี้เกิดฝนอ่อนถึงปานกลางปกคลุมพื้นที่กรุงเทพฯ วัดปริมาณฝนสูงสุดได้ที่สถานีสูบน้ำวัดไทร เขตบางคอแหลม 55 มิลลิเมตร (มม.) สถานสูบน้ำแจงร้อน 51.5 มม. สถานีสูบน้ำสาทร 45.5 มม. ทำให้เกิดน้ำท่วมขังหลายจุด แต่เจ้าหน้าที่ได้เร่งระบายน้ำจนแห้งทุกจุดเมื่อเวลาประมาณ 05.30 น.
ทั้งนี้หากปริมาณฝนอยู่ในระดับนี้ ระบบระบายน้ำของ กทม. สามารถระบายน้ำได้ทันที ซึ่งจุดที่เกิดน้ำท่วมข้างต้นเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำมาก มักเกิดปัญหาเป็นประจำทุกครั้งที่ฝนตกอยู่แล้ว สำหรับปัญหาขยะที่เป็นอุปสรรคระบายน้ำเป็นอุปสรรคอยู่แล้วทุกปี เนื่องจากเมื่อเกิดฝนตก น้ำจะพัดเอาขยะที่อยู่ข้างทางและพื้นที่ต่าง ๆ ไหลไปลงท่อระบายน้ำ ซึ่งมีตะแกรงปิดไว้ เมื่อมีขยะหน้าตะแกรงจำนวนมาก ก็ทำให้ประสิทธิภาพในการระบายน้ำบนผิวจราจรลดลง เช่นเดียวกับที่สถานีสูบน้ำทุกแห่ง ที่มีจำนวน 166 แห่ง
ส่วนอุโมงค์ยักษ์ยังใช้งานได้ดีอยู่หรือไม่ นายสัญญา กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่ติดตามการทำงานของอุโมงค์ยักษ์ ยืนยันว่าใช้งานได้ตามปกติ ระบบมีประสิทธิภาพการทำงานเต็มที่ แต่ขอเรียนอีกครั้งว่าระบบที่มีรองรับปริมาณฝนตกได้ 60 มิลลิเมตร หากตกมากกว่า 100 มิลลิเมตรก็ต้องรอน้ำระบาย
*** โฆษกหม่อมโต้ส.ต่อต้านโลกร้อน
ด้าน นายวสันต์ มีวงษ์ ที่ปรึกษาผู้ว่ากทม. ในฐานะโฆษกประจำตัวม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ โพสต์เฟซบุ๊ค ว่า “ผู้ว่าฯสุขุมพันธุ กับการทำงานแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชน ในช่วงเวลาที่ผ่านมา พิสูจน์ได้ชัดเจนว่า ”ไม่เคยหนีปัญหาหรือปฏิเสธปัญหาประชาชนเลย แม้แต่ตรั้งเดียว “เลือกทีจะทำงานด้วยการปฏิบัติมากกว่าการทำงานด้วยการพูด”
มีรายงานว่า เมื่อวันที่ 8 มิ.ย. นายวสันต์ยังได้โพตส์ตอบโต้ถึง สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน มีใจความว่า “ถึง สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ที่เสนอให้นายกรัฐมนตรีใช้ มาตรา 44 สั่งปลดผู้ว่า กทม กรณีฝนตกและน้ำท่วมขังรอระบาย ในถนนสายหลัก ไม่เกิน 2-3 ชั่วโมง ในขณะที่ฝนตก 4-5 ชั่วโมง ติดต่อกัน เรื่องการแก้ปัญหา เจ้าหน้าที่บุคลากรของ กทม. ทำอย่างเต็มที่ถึงแม้จะมีข้อจำกัดมากมาย ไม่เคยปฏิเสธหรือแก้ตัว เพราะเป็นหน้าที่และความรับผิดชอบ ถ้าเปรียบเทียบกับการแก้ปัญหาน้ำท่วมในอดีด ต้องข้ามวันข้ามคืนกว่าน้ำบนถนนจะแห้ง เช่น ปี 52 เป็นต้น ความเปลี่ยนแปลงดังกล่าวคือสิ่งที่ชี้ให้เห็นถึงการกำหนดนโยบายและการพัฒนาระบบระบายน้ำของ กทม. อย่างต่อเนื่อง”
“ผมอยากจะถามกลับไปถึงสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน ภายใต้การนำของคุณศรีสุวรรณ ว่านอกจากการเดินหน้าร้องเรียนในทุกเรื่องแล้ว สมาคมฯ เคยมีผลงานที่เป็นรูปธรรมอะไรบ้างไหม นอกจากทำให้ตัวผู้ร้องได้รับความสนใจจากสื่อ เท่านั้น หรือเพื่อประโยชน์อื่นใด”
มีรายงานว่า ขณะที่มีผู้โพตส์ข้อความในลักษณะเดียวกันในเพจของนายวสันต์ อีก เช่น ฝากถึงสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน เนื่องจากตอนนี้ประเทศไทยร้อนมาก โลกก็ร้อนมากมายสมาคมของท่านได้แก้ไขอะไรข้างไหมคะ ทำไมโลกยังร้อนอยู่ และไม่มีทีท่าว่าจะคลายร้อนแต่อย่างได ดิฉันจึงขอเสนอว่าให้ท่านยุบสมาคมนี้ไปเถอะค่ะ มีไปทำไมมีแล้วโลกยังร้อนอยู่เลย มันเศร้าใจจริงๆมีไปทำไมสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน
“ฝากถึง..สมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อน พวกเกาะกระแส ตอนน้ำท่วมใหญ่ กรุงเทพเป็นเดือน ไปมุดหัวอยู่ไหน เงียบ นี้น้ำระบายไม่ทัน ไม่ถึง 2 ชั่วโมงออกมาโวยวาย ...”
มีรายงานจาก สำนักเทศกิจ กทม. ว่า ผู้บริหาร กทม.ได้ ย้ำกับเจ้าหน้าเทศกิจทั้ง 50 สำนักงานเขต ให้เข้มงวดกวดขัดการทิ้งขยะลงในที่สาธารณะ คู คลองของประชาชนทั่วกรุงเทพมหานคร โดยเฉพาะช่วงนี้เป็นหน้าฝน ที่กลายเป็นปัญหาใหญ่อันเป็นต้นเหตุในการทำให้น้ำท่วมขัง และมีความผิดตามพ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง พ.ศ.2535
“ตามความผิดในการทิ้งสิ่งปฏิกูลหรือมูลฝอยในสถานสาธารณะนอกภาชนะหรือที่ที่ราชการส่วนท้องถิ่นจัดไว้มาตรา 31(2) โทษสูงสุดปรับไม่เกิน 2,000 บาท ส่วนการเทหรือสิ่งปฏิกูลมูลฝอย น้ำโสโครกหรือสิ่งอื่นใดลงบนถนนหรือในทางน้ำ มาตรา 33 โทษสูงสุดปรับไม่เกิน 10,000 บาท”