รูดม่านกันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับทริปปั่นอำลาสนามเขียวสุวรรณภูมิ ด้วยยอดผู้ร่วมงานถึง 16,000 ชีวิต รวมทั้งศิลปินดาราอย่างคับคั่ง ก่อนนับถอยหลังเนรมิตสนามเพื่อการปั่นจักรยาน สู่การเป็นพื้นที่ไลฟ์สไตล์แห่งการออกกำลังกายอย่างแท้จริง
ส่วนใครที่พลาดโอกาสมาร่วมกิจกรรมครั้งประวัติศาสตร์นี้ ก็อย่าเพิ่งเสียใจไป เพราะทีมข่าว Feel good ได้บุกเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของงาน เพื่อเก็บภาพบรรยากาศควันหลง และความทรงจำครั้งสุดท้ายของสนามเขียวมาฝากแฟนๆ กันแล้ว ตามมาดูกันเลย ว่ามีอะไรเด็ดๆ บ้าง
ตุลาคมนี้ ลบภาพสนามเขียวเก่าๆ ไปได้เลย
หลุมบ่อ, ห้องน้ำไม่พอ, ถนนไม่เรียบ, เวลาเปิด-ปิดจำกัด, ปั่นคนเดียว อันตราย ลืมภาพเดิมๆ นี้ไปได้เลย เพราะ 4 เดือนนับจากนี้ ผู้วางโครงการฟื้นฟูสนามเขียวอย่าง ประสงค์ พูนธเนศ ประธานกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้แล้วว่า
"วันนี้เป็นวันสุดท้ายแห่งการเริ่มต้นที่เตรียมจะเจอวันใหม่ที่ดีกว่า เราเลือกปิดช่วงนี้ก็เพื่อให้สนามได้เปิดทันหน้าหนาวที่กำลังจะมาถึง และเมื่อหน้าหนาวมาถึง เราทุกคนจะได้ปั่นจักรยานกันอย่างมีความสุข บนกรีนเลนที่สมูท มีห้องน้ำ มีไฟฟ้า ขยายเวลาให้ปั่นกลางคืนได้ด้วย นอกจากนี้ทาง SCB ยังมีการจัดเตรียมเรื่องการปฐมพยาบาลไว้เพื่อผู้ปั่นได้ปลอดภัย และจะไม่มีสนามที่เป็นหลุมให้ท่านได้วัดดวงว่าจะล้มอีกหรือเปล่า เราจะทำให้ที่นี่เป็นสนามที่ติดอันดับโลกครับ"
ส่วนคำถามที่หลายคนยังคงข้องใจอย่าง "สนามก็ใหญ่ ทำไมไม่ปิดทีละส่วน เพื่อให้นักปั่น ยังเข้ามาใช้พื้นที่ต่อได้" ดร.วิชิต สุรพงษ์ชัย ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด มหาชน อีกหนึ่งกำลังแรงที่ร่วมขับเคลื่อนการพัฒนาสนามจักรยานแห่งนี้ ขอละลายข้อสงสัย
"คือคนเราเวลาขี่จักรยาน เราก็อยากจะขี่ให้ครบรอบ ถ้าต้องขี่ไปครึ่งทาง แล้วต้องลากจักรยานเดินไปอีกเป็นกิโลฯ แล้วค่อยมาขี่ต่อ มันจะเสียความรู้สึกน่ะครับ แล้วจะทำให้การก่อสร้างล่าช้าด้วย คือเรากลัวเดี๋ยวคนจะไปชนกับคนขี่ เลยเอาเป็นว่า ปิดทีเดียว แล้วรีบทำให้เสร็จ เอารถเครน อุปกรณ์ต่างๆ ที่พร้อมรออยู่ข้างนอกเข้ามาทำ เพราะฉะนั้น จำเป็นต้องปิด จะเปิดบางแห่งบางช่วง ผมว่าไม่ใช่ทางออก แล้วยิ่งประเด็นสำคัญคือ เราต้องพยายามเร่งให้ทันก่อนหน้าหนาวจะมา พอหน้าหนาวมาทีนี้จะได้ถีบกันให้สนุกไปเลย เพราะถ้าทำไม่ทันหน้าหนาว เลยเวลาไปอีก มันจะน่าเสียดายนะ อากาศดีๆ ช่วงนั้น"
ไม่เพียงเท่านั้น นับจากนี้อีก 4 เดือน เมื่อม่านสนามเขียวเปิดฉาก พื้นที่แห่งนี้จะขยายเวลาเปิด-ปิดจากเดิม 18.00 น. เป็น 4 ทุ่ม เพื่อสานต่อแนวคิด "อยากให้นักปั่นทุกคน มีความสุขกับหนึ่งเวลาที่คุณรัก" โดยเพิ่มในส่วนของระบบความปลอดภัยทาง ตั้งแต่ในเรื่องเส้นทางปั่น ทุกมุมโค้ง จะได้รับการออกแบบโดยวิศวกรระดับโลก ยิ่งกว่านั้นยังเพิ่มในจุดบกพร่องอย่างแสงไฟ และการลงทะเบียนเข้าออกที่เข้มข้นขึ้น แต่สะดวกสบายยิ่งกว่าเดิม
ยกระดับความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีใหม่
"เราจะใช้วิธีตรวจการเข้า-ออกด้วยสายวัดอิเล็กทรอนิกส์แทน ไม่ต้องมาโชว์บัตรอะไรเหมือนก่อน มันชักช้า ใส่เป็นข้อมือ RFID ปุ๊บผ่านเครื่องอ่านปั๊บ รู้เลยว่าใครเข้ามา เพราะฉะนั้นคนที่จะแปลกปลอมเข้ามา หรือจะมาทำอะไรมุ่งร้ายต่างๆ จะเข้าไม่ได้แน่นอน เพราะถูกดูประวัติก่อน ส่วนไฟที่เราจะติดเพิ่มเติมทั่วทั้ง 23.5 กิโลฯ นั้น เราจะใช้จากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งถือเป็นการประหยัดพลังงานช่วยโลกอีกทาง โดยมีตัวจ่ายไฟเป็นโซล่าเพาเวอร์แจกจ่ายไปทั้งสนาม ซึ่งตรงนี้ก็เป็นเรื่องใหม่ที่ยังไม่มีใครทำกัน"
สิ่งแปลกใหม่ หมดแค่นี้ที่ไหน นักปั่นมือสมัครเล่นฟังกันให้ดีๆ ต่อไปนี้ไม่ต้องกลัวอีกแล้วว่าการปั่นช้าของคุณจะไปถ่วง ขาแรงๆ คันอื่นในสนาม เพราะผู้บริหาร 2 ท่านนี้ ได้เพิ่มเลนปั่นรอบในเป็นระยะทาง 2 กิโลเมตร เพื่อให้เด็กๆ และผู้สูงวัยใช้กันโดยเฉพาะ หนำซ้ำยังเพิ่มจุดพักทุกๆ 5 กิโลเมตร สำหรับสนามรอบนอก เพื่อให้ผู้ปั่นได้หยุดหายใจ รวมถึงยังเปลี่ยนจากทิศทางการปั่นเป็นวนซ้าย ทวนเข็มนาฬิกา พร้อมติดตั้งป้ายกติกาการใช้สนามตลอดทาง
"ผมเชื่อว่าตุลาคมนี้ สนามนี้จะเป็นสนามระดับโลก Worldclass นะครับ ที่ทุกคนควรจะมา ท่านลองนึกถึงถนนที่สมูทปั่นไปท่ามกลางสายน้ำข้างๆ บรรยากาศมันจะดีขนาดไหนนะครับ จะปั่นไปจีบกันไปก็ได้นะครับ(หัวเราะ)" ประธานกรรมการบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) ฝากถึงผู้ที่พลาดโอกาสมาร่วมงานด้วยเสียงหัวเราะ ก่อนจะเปลี่ยนไมค์ให้ดร.วิชิต ประธานกรรมการบริหาร SCB กล่าวต่อ
"เราจัดงานส่งท้าย ก็เพื่อให้ระลึกว่า สนามนี้ที่ปั่นกันมาเป็นปีหรือหลายเดือนความรู้สึกเป็นยังไง แล้วก็เก็บความรู้สึกนั้นไว้ รออีก4 เดือนข้างหน้า พอเราเปิดอันใหม่ จะได้เปรียบเทียบกันว่า ความรู้สึกเดิมๆ กับอันใหม่มันแตกต่างกันยังไง ตรงนี้มันจะมีความหมายมาก เพราะจะเห็นทันทีเลยว่า ชีวิตนี้เราสามารถปรับจากเก่าเป็นใหม่ได้ตลอดเวลา ที่สำคัญ เราไม่เก็บเงิน แค่คุณมีจักรยาน ก็มาปั่นกันได้ฟรีๆ จะขี่กี่รอบก็ได้ และต่อจากนี้เราจะพยายามทำตรงนี้ให้เป็นจุดศูนย์กลาง จัดกิจกรรมที่ส่งเสริมจักรยาน เพื่อให้ทุกคนรู้สึกได้ว่าการขี่จักรยานไม่ใช่เรื่องที่ต้องแอบขี่ แต่เป็นเรื่องที่ควรทำกันอย่างเปิดเผย และน่าส่งเสริมอย่างยิ่ง"
ระดมพลซุปตาร์วันอำลา
แน่นอนว่างานสำคัญๆ แบบนี้ ย่อมต้องมีเซเลบริตี้แห่งวงการบันเทิงมาร่วมแจมแน่ๆ เริ่มกันที่คนแรกก่อนเลย คือ เจน เจนสุดา ปานโต นางแบบและนักแสดงดัง ที่มาระเบิดความรู้สึกในฐานะสาววัยทำงานที่ยังมีความกลัวการปั่นจักรยานอยู่ลึกๆ
“เพราะเจนเป็นผู้หญิง เราปั่นไม่เก่ง เลยกลัวโดนสอย แล้วจักรยานของเรามันก็เป็นสปีดไบค์ที่ต้องใช้การคอนโทรลมากกว่าจักรยานอย่างอื่นด้วย ตอนแรกก็เลยคิดว่าจะขาย เพราะไม่รู้จะไปปั่นที่ไหน กลัวอันตรายก็กลัว แต่พอมีสนามเขียว มีพื้นที่สำหรับปั่นจักรยาน ก็เลยทำให้เจนได้กลับมาปั่นจักรยานอีกครั้ง ตั้งแต่นั้นก็ปั่นมาเรื่อยๆ ค่ะ นี่ก็เลยเป็นเรื่องราวประทับใจเกี่ยวกับสนามเขียว สนามที่เหมาะกับผู้หญิงที่กลัวโน่นนี่อย่างเรา”
ส่วนนักปั่นสาวมืออาชีพอีกคนที่วันนี้ไม่มาไม่ได้เลย คือ หวานหวาน อรุณณภา พาณิชจรูญ หรือฉายา “นางฟ้านักปั่น” เธอคือหนึ่งคนที่มีความรักและความผูกพันกันสนามเขียวแห่งนี้มาก
“ตั้งแต่เริ่มปั่นเลย เมื่อก่อนเราก็จะปั่นตามต่างจังหวัด อย่างเขาใหญ่ เชียงใหม่ หรือเส้นสัตหับบ้าง เพราะไม่รู้จะปั่นที่ไหน แต่พอรู้ว่าจะมีเส้นนี้ และรู้ว่าอยู่ใกล้สนามบินสุวรรณภูมิด้วย เราก็เลยรู้สึกว่ามันเจ๋งมากที่ เราไม่ต้องขับรถออกไปไกลๆ หลายชั่วโมงเพื่อหาที่ปั่น แถมยังปลอดภัยด้วย แล้วที่สำคัญหวานเป็นคนชอบปั่นตอนเช้าตั้งแต่ตี 5.45 น. อยู่แล้ว ก็เลยรู้สึกว่า เสน่ห์ของที่นี่คือความสงบ สวย ที่ช่วยให้หวานได้สมาธิ เพราะมันมีแต่แค่หวาน จักรยาน แล้วก็เส้นทางของเรา”
ในที่สุดก็มาถึงคิวของหนุ่มหล่อพ่อลูกอ่อนอย่าง มอส ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ กันแล้ว ที่วันนี้ออกตัวก่อนเลยว่า ฝากหน้าที่ชงนมลูกไว้ที่ภรรยาหนึ่งวัน เพื่อมาขึ้นเวทีแสดงความรู้สึก ในฐานะ "เด็กสนามเขียว"
"ผมปั่นจักรยานตั้งแต่สนามเขียวมันยังไม่เขียวเลยครับ ตอนนั้นปั่นแถวๆ โซน A ข้างๆ นี่แหละครับ จำได้ช่วงนั้นพอปั่นๆ ไป ก็มักจะมีสิบล้อมาขนาบข้าง น่ากลัวอยู่บ้างในตอนนั้นนะครับ แต่ผมก็เฝ้ารออยู่ว่าวันหนึ่งจะมีสนามของเรามั้ย แล้วมันก็มีจริงๆ คือที่นี่ เลยแฮปปี้มากครับ คนเมืองอย่างเรา ยังขาดพื้นที่ปั่นปลอดภัยนี่แหละ ส่วนอีกเรื่องที่ผมอยากจะบอกคือเคล็ดลับหน้าเด็กครับ เพราะหลายๆ คนชอบมาถามว่า ทำไมมอส ถึงหน้าเด็ก ผมบอกเลยครับว่าเพราะสนามเขียว ไม่ใช่เพราะทายาเยออะไร (หัวเราะ) แล้วนี่ถ้าผมอายุยืนหมื่นปีนะครับ ผมจะต้องกลับมาขอบคุณสององค์กรนี้ครับ AOT กับ SCB เพราะทำให้สุขภาพผมดีขึ้น"
ทั้งหมดนี้ก็คือภาพบรรยากาศ และเสียงจากผู้ที่ผูกพันธ์กับสนามเขียวสุวรรณภูมิในวันส่งท้าย ก่อนเตรียมตัวเนรมิตใหม่ให้ครบวงจรยิ่งขึ้น หวังว่าแฟนๆ Feel good ที่พลาดโอกาสไปร่วมงาน พอจะใจชื้นกันได้แล้วนะ กับสิ่งที่เราเอามานำเสนอ