ASTV ผู้จัดการสุดสัปดาห์ -ถือเป็นเรื่องที่สังคมเฝ้าจับตามองอย่างใกล้ชิดเลยทีเดียวสำหรับ “การถอดยศ” พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่า สุดท้ายแล้วจะลงเอยอย่างไร และเผือกร้อนในเรื่องนี้ตกอยู่ในมือ “พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง” ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจะเป็นผู้เซ็นลงนามอนุมัติ
งานนี้ คงสร้างความกลัดกลุ้มให้บิ๊กอ๊อดไม่มากก็น้อย เพราะเมื่อพิจารณาจากท่าทีแล้วเห็นได้ชัดว่า มีความระมัดระวังเป็นพิเศษ
“ต้องมีการพิจารณาให้รอบคอบ เพราะผมไม่ใช่ตรายางที่จะเอาแต่ปั๊ม ทุกคนมีสิทธิของตนเองที่จะปกป้อง ผมก็ปกป้องสิทธิตนเองในการตรวจสอบให้รอบคอบ หากเซ็นไปแล้วเกิดปัญหาขึ้น คนที่โดนฟ้องคือผม ใน 4 เดือนหลังจากนี้อยากลงจากตำแหน่ง ผบ.ตร.โดยไม่ขึ้นศาล”
นั่นคือคำกล่าวของ พล.ต.อ.สมยศหลังคณะกรรมการพิจารณาดำเนินการเกี่ยวกับการถอดยศตำรวจซึ่งมี พล.ต.อ.ชัยยะ ศิริอำพันธ์กุล ที่ปรึกษา(สบ.10) มีมติเป็นเอกฉันให้ดำเนินการถอดยศ
เป็นคำกล่าวที่เป็นความจริงแท้ที่สุด เพราะถ้ามีการฟ้องร้อง จำเลยที่ 1 ย่อมหนีไม่พ้นตัว พล.ต.อ.สมยศ
แต่จะอย่างไรก็ตาม เมื่อจับยามสามตาดูแล้ว แม้จะพยายามยื้อเวลา ยืดเวลาออกไป ทว่า งานนี้ พล.ต.อ.สมยศมิอาจหลีกเลี่ยงที่จะไม่เซ็นอนุมัติ ทางเดียวที่ พล.ต.อ.สมยศจะหนีปัญหานี้ได้ก็คือต้องขอเกษียณอายุราชการก่อนกำหนด
นี่คือวิถีที่ พล.ต.อ.สมยศต้องเผชิญ
และฉับพลันทันทีที่ปรากฏลายเซ็นของ พล.ต.อ.สมยศ เชื่อขนมกินได้ว่า ตำรวจและทหารต้องทำงานหนักขึ้น เพราะเกมใต้ดินจะปรากฏให้เห็นเป็นลำดับ
กระนั้นก็ดี นี่คือสิ่งที่ต้องทำ และนี่คือภารกิจสำคัญในการคืนความสุขให้กับคนไทยและประเทศไทยของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เนื่องจากถ้าไม่จัดการต้นตอของปัญหา ความวุ่นวายก็จะดำรงอยู่อย่างไม่จบสิ้น ซึ่งทุกอย่างได้พิสูจน์แล้วในเหตุการณ์ที่ผ่านมา
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ประกาศเอาไว้ชัดเจนว่า “ก่อนลงจากหลังเสือ ต้องฆ่าเสือ”
ไปที่เรื่องอื่นๆ กันบ้าง เริ่มจาก สุวิทย์ กิ่งแก้ว (ขวา) รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทนบริษัทรับรางวัล 2015 YouTube Ads Leaderboard winner ในฐานะที่บริษัทผลิตผลงานโฆษณาสร้างสรรค์สังคมที่มีผู้ชมและแชร์สูงสุด 10 อันดับแรกใน YouTube ประจำไตรมาส 1 ปี 2015 จากผลงานชุด “อาจารย์ใหญ่ ครูผู้ให้” จาก อริยะ พนมยงค์ (ซ้าย) หัวหน้าฝ่ายธุรกิจ Google ประเทศไทย ณ เซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อเร็ว ๆ นี้
ตามตามต่อด้วย มร.ฮารูมิตซึ อากาชิ กรรมการผู้จัดการ (กลาง) บริษัท ไซโก (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำเทรนด์เรือนเวลาคุณภาพสูงจากประเทศญี่ปุ่น จัดงาน Seiko Celebrates The New Beginning โดยมีตัวแทนจำหน่าย ชั้นนำทั่วประเทศให้เกียรติร่วมงาน พร้อมเปิดตัว SEIKO PROPEX SKY (ไซโก พรอสเปกซ์สกาย) นาฬิกาแนวสปอร์ตวินเทจ ดีไซน์พิเศษทรงนักบิน รุ่นลิมิเต็ดผลิตจำนวน 870 เรือนเท่านั้น พบ SEIKO PROPEX SKY ณ เคาน์เตอร์นาฬิกาไซโกและร้านตัวแทนจำหน่าย ได้แล้ววันนี้
และปิดท้ายกับ บริษัท มาลีสามพราน จำกัด (มหาชน) หรือ น้ำผลไม้“มาลี” ส่งต่อความห่วงใยผ่านผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้ มาลี ให้แก่ผู้ประสบภัยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว ณ ประเทศเนปาล ซึ่งได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก โดยทางบริษัทฯ ได้นำผลิตภัณฑ์น้ำผลไม้ภายใต้แบรนด์“มาลี”จำนวน 2,344 ลัง รวมมูลค่า 1,065,120บาท มอบให้แก่ พันตรีชัยวัฒน์ สังข์สวน นายทหารกิจการพลเรือนกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ เพื่อส่งต่อผลิตภัณฑ์ให้แก่ ผู้ประสบภัย ณ ประเทศเนปาล
พบกันใหม่สัปดาห์หน้าครับ...
ลุงอ้วน
managerweekend@yahoo.com
คอลัมน์// หนังสือน่าอ่าน
เห่...ชะเลรุ้ง
“เนียเอยเดกโตว
โกนแมก็อมยุม
แขรีบังภนุม
โกนเอย สตุมบังผะกาย
สดับเปียกอำปีมดาย
สตุมบังผกาย
โกนเอย อาเนือดนอยุบจรุว
เนียงเดกโตวอยลัวะ
โกนเอย เสมาะออยขลัง
ออยโกนเมียนกำลัง
โกนเอย กรอกเลิงโตวเลง”
นั่นคือเสียงเพลงกล่อมเด็กภาษาขแมร์ที่เปิดฉาก “เห่...ชะเลรุ้ง” นวนิยายเล่มที่ 6 ในชุด “วรรณกรรมเพื่ออาเซียน” โดย “ประภัสสร เสวิกุล” ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2554
นวนิยายเรื่องนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในราชอาณาจักรกัมพูชา ในช่วงปี 2518 ขณะเขมรแดงเข้ายึดกรุงพนมเปญ ส่งผลทำให้เกิดความเดือดร้อนไปในทุกหย่อมหญ้า
ตัวละครเอกของเรื่องมีชื่อว่า “โสวัณ” ซึ่งชีวิตต้องเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือเมื่อเขมรแดงบุกยึดกรุงพนมเปญอันเป็นถิ่นพำนัก จากเด็กนักเรียนธรรมดาๆ คนหนึ่งต้องแปรเปลี่ยนเป็นชีวิตอันแสนทุกข์ทรมาน เขมรแดงกวาดต้อนชีวิตผู้คนขแมร์มากมาย รวมทั้งโสวัณ พ่อ แม่และน้องอีก 2 คน แม้โสวัณจะได้ทำงานกับเขมรแดง แต่ก็ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่า ชีวิตเขาและครอบครัวจะอยู่รอดปลอดภัย เพราะอาจไม่มีวันพรุ่งนี้สำหรับพวกเขาก็ได้ โสวัณและครอบครัวจึงต้องหนี
“คุณหญิงลักษณาจันทร เลาหพันธ์” นายกสมาคมอาเซียน-ประเทศไทย ได้เขียนคำนิยมถึงนวนิยายเล่มนี้เอาไว้อย่างน่าสนใจว่า “คุณประภัสสรได้ให้ภาพของผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์อย่างมีชีวิตจิตใจและใกล้เคียงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในเวลานั้น พร้อมทั้งให้รายละเอียดเกี่ยวกับมูลเหตุและความเป็นมาซึ่งจะทำให้ผู้อ่านได้ทราบถึงประวัติศาสตร์ของราชอาณาจักรกัมพูชาและปมปัญหาไปพร้อมๆ กับรสชาติทางวรรณศิลป์ที่สร้างความสะเทือนใจ”
เชื่อเถอะว่า ด้วยฝีมือของประภัสสร เสวิกุล อรรถรสที่ได้จากหนังสือเล่มนี้คุ้มค่ากับการเสียเงินซื้อมาอ่านจริงๆ
พบธรรม