ป้อมพระอาทิตย์
โดย โสภณ องค์การณ์
ขบวนการมนุษย์เหลี่ยมยังไม่สิ้นพิษ ความพยายามของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองรับผิดชอบการปรองดองสมานฉันท์ระหว่างความขัดแย้งของกลุ่มการเมืองได้จัดประชุมให้พบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทัศนคติเพื่อหาจุดลงตัวเพื่ออนาคตของบ้านเมือง 2-3 รอบ แต่ยังห่างจากจุดของความเป็นไปได้
ต่อให้จัดประชุม พบปะกันอีกสักกี่รอบ ก็ไม่มีวันสำเร็จ เพราะประเด็นสำคัญไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งระหว่างกลุ่มการเมือง หรือความแตกต่างด้านอุดมการณ์ ความเชื่อด้านการเมือง
ฝ่ายกลุ่มการเมืองต่อต้านระบอบเหลี่ยมไม่มีแผนคิดซับซ้อน ว่าง่ายๆ คือไม่เอารัฐบาลขี้โกงจนทำชาติบ้านเมืองแทบล่มจม ดังเช่นนโยบายชั่วร้ายแปลงทรัพย์สินของรัฐเพื่อความมั่งคั่งส่วนตัว
นโยบายรับซื้อข้าวทุกเมล็ดในราคาสูงกว่าราคาจริง เอามาขายในราคาขาดทุนบักโกรก ซึ่งการทำเช่นนั้นถ้าไม่ใช่เพราะความโง่เขลาเบาปัญญาจนถึงขั้นบัดซบ ก็เป็นความชั่วร้ายมุ่งโกงกิน
ขบวนการบักเหลี่ยมมุ่งเน้นการใช้เงินซื้ออำนาจผ่านการเมือง จากนั้นใช้อำนาจหาช่องทางโกงกินผ่านนโยบายทุจริตแบบมีเชิง บางครั้งก็หักดิบหน้าด้านๆ เช่นให้วันที่ 31 ธันวาคมปี 2546 เป็นวันทำงานราชการเพื่ออวยผลประโยชน์ด้านภาษีสำหรับธุรกรรมซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
และเพราะความโลภไร้ขอบเขต หน้ามืดตามัว ความลำพองในอำนาจ ทำให้ต้องกลายสภาพเป็นอภิมหาเศรษฐีหนีโทษจำคุก และศาลออกหมายจับในคดีอาญาอีกไม่น้อยกว่า 5 คดี
อีกไม่นานยังจะมีคดีตามมาอีก รวมทั้งหมายจับนอกประเทศถ้าประชาชนไม่โดนแหกตา
ความพยายามปรองดองจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าเหลี่ยมร้ายยังมีคดีอาญาติดตัว ไร้นิรโทษกรรม
ดังนั้นการต่อสู้จึงเป็นคนละเป้าหมาย สมุนเหลี่ยมร้ายได้รับการยอมรับว่า “สู้แล้วรวย” ไม่เกี่ยวกับอุดมการณ์ ทุกอย่างเพื่อคุณเหลี่ยมและผลประโยชน์ต่างๆ ที่คุณเหลี่ยมจะจัดสรรให้
เจ้าหน้าที่บ้านเมือง นายทหารนักประสานงานปรองดองต้องเข้าใจประเด็นนี้ ไม่มีเป็นอย่างอื่น
ท่าที สีหน้า วาจาของเครือข่ายสมุนเหลี่ยมร้ายอาจสร้างความรู้สึกถึงการ “ยอม” แต่นั่นเป็นการ “ยอมรับสภาพและเงื่อนไข” หาใช่การยอมรับทั้งกายและใจเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรม แนวความคิด
เป็นอาการ “แกล้งตาย” อย่างที่พูดกัน และผงกหัวขึ้นมาส่งเสียงคำรามบางช่วงด้วยซ้ำ เหมือนเป็นการเตือนว่า “อย่าให้เป็นทีของพวกข้าก็แล้วกัน” วันนั้นจะไม่มีคำว่าปรานีแน่นอน
ถ้าไร้อุดมการณ์ มุ่งเน้นต่อสู้เพื่อความมั่งคั่ง เสี่ยงแล้วรวยทันตาเห็น จับต้องเงินทองได้เป็นกอบเป็นกำ ทำงานตามปกติจนตายแล้วเกิดกี่ชาติก็ทำไม่ได้ แบบนี้จะทำให้เปลี่ยนใจยาก
ถ้าคิดและเชื่อว่าสมุนเหลี่ยมร้ายยอมลดละเลิกแนวคิดเดิม เท่ากับว่าหลอกตัวเอง
สักวันหนึ่งจะรู้ถึงความเจ็บปวดชนิดที่ไม่มีโอกาสได้แก้ตัว โดยเฉพาะถ้าโดน “เอาคืน”
มีเสียงคำรามแผ่วๆ จากแกนนำกลุ่มสมุนเหลี่ยมร้ายแล้วว่ารัฐธรรมนูญฉบับเรื่องเยอะต้องเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ถ้าไม่มีรากฐานของประชาธิปไตย รับรองเรื่องไม่จบ
ต่อให้บรรดาขุนทหารเรียกตัวไปกล่อมอีกกี่ครั้ง ก็ไม่เปลี่ยน และขุนทหารต้องเกษียณอายุ ถึงวันนั้นถ้าขบวนการเหลี่ยมไม่ “เอาคืน” คงเป็นบุญของชีวิตถ้ายังสงสัยขอให้ดูสภาพ “บังเละ” ก็แล้วกัน สิ้นสภาพผู้ทรงอำนาจของหัวหน้าคมช. ซึ่งรัฐประหารรัฐบาลคุณเหลี่ยม
คุณท่านผู้กุมอำนาจรัฐ เสียงดังก้องคับประเทศเทศนาให้ประชาชนเยี่ยงพหูสูตเอกอย่างเช่นทุกวันนี้ อย่าให้อยู่ในสภาพเหมือน "บังเละ" ก็แล้วกัน แม้มั่งคั่งร่ำรวยแต่บารมีอับเฉาไร้ราคา
นั่นเท่ากับว่าบ้านเมืองเข้าสู่วงจรอุบาทว์อีกรอบ รังสีอำมหิต การฆ่าฟันจึงเข้มสุดๆ
มวลชนคนดีต้องออกมาขับไล่กลุ่มนักการเมืองกังฉินสามานย์ บาดเจ็บล้มตายเหมือนเดิม เครือข่ายเหลี่ยมร้ายย่อมไม่เดินทางสายโง่ ผิดพลาดซ้ำสอง คราวนี้จะจัดการศัตรู แบบไม่ยั้งมือ
หวังแต่ว่าคุณท่านคงเอาตัวรอดได้ เพราะชาวบ้านยังจำได้ว่าคุณเหลี่ยมร้าย “ไว้ใจมาก”
ด้วยเหตุนี้ ชาวบ้านยังไม่ไว้ใจเรื่องการถอดยศ เพราะ “สมยศ” ออกอาการน่าสงสัย ว่าจะใช้วิจารณญาณพิจารณาเรื่องถอดยศนานแค่ไหน หลังจากคณะกรรมการเรื่องนี้ลงนามครบ ส่งมาให้แล้ว
เรื่องยังไปติดอยู่ที่ฝ่ายธุรการเพื่อความรอบคอบอย่างยิ่ง ผบ.ตร. ประกาศว่าไม่อยากมีคดี ต้องไปขึ้นศาลหลังวันเกษียณอายุ ทำเอาชาวบ้านตีความว่าท่านอยากให้ตัวเองรอดจากความเสี่ยง
เซ็นชื่ออนุมัติเรื่องถอดยศก็มีปัญหา ไม่เซ็นก็มีปัญหา ต่อให้เจ้านาย 2 คนของท่านเห็นดีเห็นงามด้วย สุดท้ายก็จะพากันซวยไปด้วยเมื่อชาวบ้านได้รู้ถึงก้นบึ้งของเจตนาแฝงเร้นเพื่อคุณเหลี่ยม
ศรัทธา ความไว้ใจ ความน่าเชื่อถือที่คุณท่านอาจเคยมี คงไม่เหลือ
ทุกวันนี้คุณท่านและคณะไม่ได้อยู่ได้ด้วยเพราะศรัทธาอย่างเดียว แต่ด้วยกฎหมายพิเศษจำกัดสิทธิเสรีภาพของคนดีและคนเลว รวมทั้งขยะมนุษย์ด้วย ที่น่าห่วงคือคุณท่านยังไม่มีทีท่าว่าจะจัดการกับขยะมนุษย์ซึ่งได้สร้างปัญหาในบ้านเมืองมาโดยตลอด เช่นม็อบรับจ้าง ขบวนนักฆ่า เป็นต้น
ขยะมนุษย์ยังดูดีกว่าเดนคนซึ่งเป็นส่วนหลักของขบวนการกังฉินโดยใช้หน้าฉากผู้รักชาติทุกยุค
พวกเดนคนนี้แหละใช้ขยะมนุษย์เป็นเครื่องมือด้วยเจตนาแฝงเร้นความชั่วร้าย
คุณท่านยังมิได้ประสบผลสำเร็จในการปฏิรูปบ้านเมืองตามที่ประชาชนได้ตั้งความหวัง และประกาศว่าจะไม่ปฏิรูปองค์กรตำรวจซึ่งเป็นหนึ่งในต้นตอปัญหาหลักของกระบวนการยุติธรรม
ช่วงนี้คุณท่านเริ่มถูกมองว่าได้โยนหินถามทางด้วยการเปรยเรื่อง “อยู่ต่อ” แต่อ้างว่าไม่ต้องการสืบทอดอำนาจ การย้ำซ้ำบ่อยครั้งย่อมถูกสงสัยในเจตนา อันที่จริงไม่มีใครสงสัย เพราะทำใจไว้แล้วว่าคุณท่านและคณะอยากอยู่ต่อแน่ๆ เพียงแต่จะให้ดูเนียนอย่างไรไม่ให้น่าเกลียด เสพติดอำนาจ
แต่จะมีคำถามว่า “อยู่ต่อเพื่ออะไร” และจะใช้อำนาจพิเศษจำกัดสิทธิประชาชนต่อไปหรือไม่
การอยู่ต่อมีอะไรรับประกันว่าภารกิจต่อไปจะสำเร็จ และยังค้านกับเสียงโอดครวญของคุณท่านก่อนหน้านี้หลายครั้งว่า “เสี่ยงตาย เสียสละ ไม่ได้อยู่กับครอบครัว” ทำให้ชาวบ้านรู้สึกเกรงใจมาก
การอยู่ต่อ ควรถามประชาชนด้วย ถ้าจะให้เหมาะ ต้องทำประชามติ เว้นแต่ท่านจะอยู่ต่อแบบ “คนนอก” ที่ท่านย้ำอีกเช่นกันว่าไม่ต้องการจะเป็น ดังนั้น ถ้าไม่ใช่คนนอก ก็คงใช้คำ “คนหน้าเดิม”
ท่านเองก็เกรงว่าจะอยู่ในสภาพ “คนน่าเบื่อ” เพราะรายการค่ำวันศุกร์ รบกวนชีวิตปกติสุขของชาวบ้านไม่ใช่หรือ นี่คือความขัดแย้งในตัวเอง และยังต้องหาเหตุผลดีเพื่ออยู่ต่อแบบสง่างาม
คุณท่านเองก็รู้ดีว่าถ้าจะอยู่ต่อได้โดยไม่มีแรงกดดันมากนักจากประชาคมโลกต้องยอมทำตัวเป็นเด็กดีของ “คุณพ่ออเมริกา” นั่นคือการต่อสัมปทานปิโตรเลียม ตามใจเงื่อนไขอื่นๆ ด้วย
แต่ต้องไม่ลืมเกรงใจคนบนแผ่นดินนี้ด้วย ที่ยอมมาถือว่าชั่วคราวเท่านั้น จะเป็นตัวคุณท่านหรือใครก็ตามที่มาแบบ “คนนอก” ถ้าผลงานไม่ดี ไม่ทำเพื่อประชาชน และยังเป็น “เผด็จการ” ตามที่สื่อต่างชาติเรียก มีตัวอย่างชะตากรรมแบบตัวเป็นๆ ให้เห็นคือคุณเหลี่ยมร้ายคนไว้ใจคุณท่านนั่นแหละ
โดย โสภณ องค์การณ์
ขบวนการมนุษย์เหลี่ยมยังไม่สิ้นพิษ ความพยายามของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองรับผิดชอบการปรองดองสมานฉันท์ระหว่างความขัดแย้งของกลุ่มการเมืองได้จัดประชุมให้พบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ทัศนคติเพื่อหาจุดลงตัวเพื่ออนาคตของบ้านเมือง 2-3 รอบ แต่ยังห่างจากจุดของความเป็นไปได้
ต่อให้จัดประชุม พบปะกันอีกสักกี่รอบ ก็ไม่มีวันสำเร็จ เพราะประเด็นสำคัญไม่ใช่เรื่องความขัดแย้งระหว่างกลุ่มการเมือง หรือความแตกต่างด้านอุดมการณ์ ความเชื่อด้านการเมือง
ฝ่ายกลุ่มการเมืองต่อต้านระบอบเหลี่ยมไม่มีแผนคิดซับซ้อน ว่าง่ายๆ คือไม่เอารัฐบาลขี้โกงจนทำชาติบ้านเมืองแทบล่มจม ดังเช่นนโยบายชั่วร้ายแปลงทรัพย์สินของรัฐเพื่อความมั่งคั่งส่วนตัว
นโยบายรับซื้อข้าวทุกเมล็ดในราคาสูงกว่าราคาจริง เอามาขายในราคาขาดทุนบักโกรก ซึ่งการทำเช่นนั้นถ้าไม่ใช่เพราะความโง่เขลาเบาปัญญาจนถึงขั้นบัดซบ ก็เป็นความชั่วร้ายมุ่งโกงกิน
ขบวนการบักเหลี่ยมมุ่งเน้นการใช้เงินซื้ออำนาจผ่านการเมือง จากนั้นใช้อำนาจหาช่องทางโกงกินผ่านนโยบายทุจริตแบบมีเชิง บางครั้งก็หักดิบหน้าด้านๆ เช่นให้วันที่ 31 ธันวาคมปี 2546 เป็นวันทำงานราชการเพื่ออวยผลประโยชน์ด้านภาษีสำหรับธุรกรรมซื้อขายอสังหาริมทรัพย์
และเพราะความโลภไร้ขอบเขต หน้ามืดตามัว ความลำพองในอำนาจ ทำให้ต้องกลายสภาพเป็นอภิมหาเศรษฐีหนีโทษจำคุก และศาลออกหมายจับในคดีอาญาอีกไม่น้อยกว่า 5 คดี
อีกไม่นานยังจะมีคดีตามมาอีก รวมทั้งหมายจับนอกประเทศถ้าประชาชนไม่โดนแหกตา
ความพยายามปรองดองจะเป็นไปไม่ได้ ถ้าเหลี่ยมร้ายยังมีคดีอาญาติดตัว ไร้นิรโทษกรรม
ดังนั้นการต่อสู้จึงเป็นคนละเป้าหมาย สมุนเหลี่ยมร้ายได้รับการยอมรับว่า “สู้แล้วรวย” ไม่เกี่ยวกับอุดมการณ์ ทุกอย่างเพื่อคุณเหลี่ยมและผลประโยชน์ต่างๆ ที่คุณเหลี่ยมจะจัดสรรให้
เจ้าหน้าที่บ้านเมือง นายทหารนักประสานงานปรองดองต้องเข้าใจประเด็นนี้ ไม่มีเป็นอย่างอื่น
ท่าที สีหน้า วาจาของเครือข่ายสมุนเหลี่ยมร้ายอาจสร้างความรู้สึกถึงการ “ยอม” แต่นั่นเป็นการ “ยอมรับสภาพและเงื่อนไข” หาใช่การยอมรับทั้งกายและใจเพื่อเปลี่ยนพฤติกรรม แนวความคิด
เป็นอาการ “แกล้งตาย” อย่างที่พูดกัน และผงกหัวขึ้นมาส่งเสียงคำรามบางช่วงด้วยซ้ำ เหมือนเป็นการเตือนว่า “อย่าให้เป็นทีของพวกข้าก็แล้วกัน” วันนั้นจะไม่มีคำว่าปรานีแน่นอน
ถ้าไร้อุดมการณ์ มุ่งเน้นต่อสู้เพื่อความมั่งคั่ง เสี่ยงแล้วรวยทันตาเห็น จับต้องเงินทองได้เป็นกอบเป็นกำ ทำงานตามปกติจนตายแล้วเกิดกี่ชาติก็ทำไม่ได้ แบบนี้จะทำให้เปลี่ยนใจยาก
ถ้าคิดและเชื่อว่าสมุนเหลี่ยมร้ายยอมลดละเลิกแนวคิดเดิม เท่ากับว่าหลอกตัวเอง
สักวันหนึ่งจะรู้ถึงความเจ็บปวดชนิดที่ไม่มีโอกาสได้แก้ตัว โดยเฉพาะถ้าโดน “เอาคืน”
มีเสียงคำรามแผ่วๆ จากแกนนำกลุ่มสมุนเหลี่ยมร้ายแล้วว่ารัฐธรรมนูญฉบับเรื่องเยอะต้องเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย ถ้าไม่มีรากฐานของประชาธิปไตย รับรองเรื่องไม่จบ
ต่อให้บรรดาขุนทหารเรียกตัวไปกล่อมอีกกี่ครั้ง ก็ไม่เปลี่ยน และขุนทหารต้องเกษียณอายุ ถึงวันนั้นถ้าขบวนการเหลี่ยมไม่ “เอาคืน” คงเป็นบุญของชีวิตถ้ายังสงสัยขอให้ดูสภาพ “บังเละ” ก็แล้วกัน สิ้นสภาพผู้ทรงอำนาจของหัวหน้าคมช. ซึ่งรัฐประหารรัฐบาลคุณเหลี่ยม
คุณท่านผู้กุมอำนาจรัฐ เสียงดังก้องคับประเทศเทศนาให้ประชาชนเยี่ยงพหูสูตเอกอย่างเช่นทุกวันนี้ อย่าให้อยู่ในสภาพเหมือน "บังเละ" ก็แล้วกัน แม้มั่งคั่งร่ำรวยแต่บารมีอับเฉาไร้ราคา
นั่นเท่ากับว่าบ้านเมืองเข้าสู่วงจรอุบาทว์อีกรอบ รังสีอำมหิต การฆ่าฟันจึงเข้มสุดๆ
มวลชนคนดีต้องออกมาขับไล่กลุ่มนักการเมืองกังฉินสามานย์ บาดเจ็บล้มตายเหมือนเดิม เครือข่ายเหลี่ยมร้ายย่อมไม่เดินทางสายโง่ ผิดพลาดซ้ำสอง คราวนี้จะจัดการศัตรู แบบไม่ยั้งมือ
หวังแต่ว่าคุณท่านคงเอาตัวรอดได้ เพราะชาวบ้านยังจำได้ว่าคุณเหลี่ยมร้าย “ไว้ใจมาก”
ด้วยเหตุนี้ ชาวบ้านยังไม่ไว้ใจเรื่องการถอดยศ เพราะ “สมยศ” ออกอาการน่าสงสัย ว่าจะใช้วิจารณญาณพิจารณาเรื่องถอดยศนานแค่ไหน หลังจากคณะกรรมการเรื่องนี้ลงนามครบ ส่งมาให้แล้ว
เรื่องยังไปติดอยู่ที่ฝ่ายธุรการเพื่อความรอบคอบอย่างยิ่ง ผบ.ตร. ประกาศว่าไม่อยากมีคดี ต้องไปขึ้นศาลหลังวันเกษียณอายุ ทำเอาชาวบ้านตีความว่าท่านอยากให้ตัวเองรอดจากความเสี่ยง
เซ็นชื่ออนุมัติเรื่องถอดยศก็มีปัญหา ไม่เซ็นก็มีปัญหา ต่อให้เจ้านาย 2 คนของท่านเห็นดีเห็นงามด้วย สุดท้ายก็จะพากันซวยไปด้วยเมื่อชาวบ้านได้รู้ถึงก้นบึ้งของเจตนาแฝงเร้นเพื่อคุณเหลี่ยม
ศรัทธา ความไว้ใจ ความน่าเชื่อถือที่คุณท่านอาจเคยมี คงไม่เหลือ
ทุกวันนี้คุณท่านและคณะไม่ได้อยู่ได้ด้วยเพราะศรัทธาอย่างเดียว แต่ด้วยกฎหมายพิเศษจำกัดสิทธิเสรีภาพของคนดีและคนเลว รวมทั้งขยะมนุษย์ด้วย ที่น่าห่วงคือคุณท่านยังไม่มีทีท่าว่าจะจัดการกับขยะมนุษย์ซึ่งได้สร้างปัญหาในบ้านเมืองมาโดยตลอด เช่นม็อบรับจ้าง ขบวนนักฆ่า เป็นต้น
ขยะมนุษย์ยังดูดีกว่าเดนคนซึ่งเป็นส่วนหลักของขบวนการกังฉินโดยใช้หน้าฉากผู้รักชาติทุกยุค
พวกเดนคนนี้แหละใช้ขยะมนุษย์เป็นเครื่องมือด้วยเจตนาแฝงเร้นความชั่วร้าย
คุณท่านยังมิได้ประสบผลสำเร็จในการปฏิรูปบ้านเมืองตามที่ประชาชนได้ตั้งความหวัง และประกาศว่าจะไม่ปฏิรูปองค์กรตำรวจซึ่งเป็นหนึ่งในต้นตอปัญหาหลักของกระบวนการยุติธรรม
ช่วงนี้คุณท่านเริ่มถูกมองว่าได้โยนหินถามทางด้วยการเปรยเรื่อง “อยู่ต่อ” แต่อ้างว่าไม่ต้องการสืบทอดอำนาจ การย้ำซ้ำบ่อยครั้งย่อมถูกสงสัยในเจตนา อันที่จริงไม่มีใครสงสัย เพราะทำใจไว้แล้วว่าคุณท่านและคณะอยากอยู่ต่อแน่ๆ เพียงแต่จะให้ดูเนียนอย่างไรไม่ให้น่าเกลียด เสพติดอำนาจ
แต่จะมีคำถามว่า “อยู่ต่อเพื่ออะไร” และจะใช้อำนาจพิเศษจำกัดสิทธิประชาชนต่อไปหรือไม่
การอยู่ต่อมีอะไรรับประกันว่าภารกิจต่อไปจะสำเร็จ และยังค้านกับเสียงโอดครวญของคุณท่านก่อนหน้านี้หลายครั้งว่า “เสี่ยงตาย เสียสละ ไม่ได้อยู่กับครอบครัว” ทำให้ชาวบ้านรู้สึกเกรงใจมาก
การอยู่ต่อ ควรถามประชาชนด้วย ถ้าจะให้เหมาะ ต้องทำประชามติ เว้นแต่ท่านจะอยู่ต่อแบบ “คนนอก” ที่ท่านย้ำอีกเช่นกันว่าไม่ต้องการจะเป็น ดังนั้น ถ้าไม่ใช่คนนอก ก็คงใช้คำ “คนหน้าเดิม”
ท่านเองก็เกรงว่าจะอยู่ในสภาพ “คนน่าเบื่อ” เพราะรายการค่ำวันศุกร์ รบกวนชีวิตปกติสุขของชาวบ้านไม่ใช่หรือ นี่คือความขัดแย้งในตัวเอง และยังต้องหาเหตุผลดีเพื่ออยู่ต่อแบบสง่างาม
คุณท่านเองก็รู้ดีว่าถ้าจะอยู่ต่อได้โดยไม่มีแรงกดดันมากนักจากประชาคมโลกต้องยอมทำตัวเป็นเด็กดีของ “คุณพ่ออเมริกา” นั่นคือการต่อสัมปทานปิโตรเลียม ตามใจเงื่อนไขอื่นๆ ด้วย
แต่ต้องไม่ลืมเกรงใจคนบนแผ่นดินนี้ด้วย ที่ยอมมาถือว่าชั่วคราวเท่านั้น จะเป็นตัวคุณท่านหรือใครก็ตามที่มาแบบ “คนนอก” ถ้าผลงานไม่ดี ไม่ทำเพื่อประชาชน และยังเป็น “เผด็จการ” ตามที่สื่อต่างชาติเรียก มีตัวอย่างชะตากรรมแบบตัวเป็นๆ ให้เห็นคือคุณเหลี่ยมร้ายคนไว้ใจคุณท่านนั่นแหละ