ป้อมพระอาทิตย์
โดย โสภณ องค์การณ์
คณะผู้มีอำนาจร่างและอนุมัติกฎหมายควบคุมการชุมนุมในที่สาธารณะฉบับใหม่ มีเนื้อหาเข้มข้นกว่าที่เคยมี กำหนดเงื่อนไขสารพัด ไม่ให้เกิดปัญหาม็อบการเมืองนำไปสู่ความวุ่นวาย การก่อการร้ายด้วยอาวุธสงคราม เผาบ้านเผาเมือง ฆาตกรรม
โดยปกติ กฎหมายลักษณะนี้มักออกโดยผู้มีอำนาจการเมือง ป้องกันห้ามมวลชนชุมนุมเรียกร้องใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญ หรือถ้ามวลชนพิจารณาว่าผู้บริหารบ้านเมืองมีพฤติกรรมฉ้อราษฏร์บังหลวง ไร้ความสามารถ ต้องหาทางไล่ออกไป
การเมืองหน้าด้านแบบบ้านนี้เมืองนี้ไม่เคยมีในประวัติศาสตร์ว่ามีใครหน้าบางยอมลาออกแต่โดยดีเมื่อมีมหาชนไม่พอใจ ชุมนุมขับไล่ นอกจากไม่ยอมไปทั้งๆ ที่คนแช่งด่าทั้งเมือง ยังจัดให้กุ๊ย อันธพาล นักฆ่ารับจ้าง ลอบทำร้ายผู้ชุมนุม
จึงได้เห็นอาวุธสงครามสารพัด ทั้งปืน ระเบิด จรวด ขาดแต่เครื่องบินทิ้งระเบิดและปืนใหญ่ไร้แรงสะท้อนเท่านั้น ถ้าวิกฤติลุกลามเป็นสงครามกลางเมืองก็ไม่แน่ เหตุการณ์ที่ผ่านมาคนบ้านนี้เมืองนี้โหดเหี้ยมอำมหิตไม่น้อยหน้าใครด้วย
ผู้กุมอำนาจรัฐบาลบางยุคใช้มือเหี้ยมๆ ในกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้รักษากฎหมาย ตำรวจ ทหาร จัดการกับกลุ่มผู้ชุมนุม นอกเหนือจากกองกำลังรับจ้างจากต่างประเทศ ดังมีคำร่ำลือว่านำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านโดยคนขายชาติ
รัฐบาลปัจจุบันต้องการควบคุมการชุมนุมเพื่อรักษาความสงบ หลังจากต้องนำพากองทัพกระทำการรัฐประหารรัฐบาลแม่นางปู หลังจากโดนม็อบต่างๆ ชุมนุมประท้วงหลายล้านคนยืดเยื้อกว่า 7 เดือน ชาวบ้านบาดเจ็บล้มตายไม่น้อย
มีทั้งถูกลอบทำร้ายโดยมือสังหารรับจ้าง ตำรวจ และนักฆ่าจากต่างแดน
เมื่อกฎหมายนี้ผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ก็จะมีเงื่อนไขต่างๆ เข้มข้น กำหนดบริเวณห้ามชุมนุม เวลา การใช้เครื่องขยายเสียง ห้ามเคลื่อนย้ายยามค่ำคืน ฯลฯ เพื่อไม่ให้เจ้าหน้าที่เหนื่อย ระวังเกินความจำเป็น อยากอยู่สบายๆ
มีตัวอย่าง เช่น “กำหนดสถานที่ต้องห้ามมิให้จัดการชุมนุม เช่น ระยะรัศมี 150 เมตร จากสถานที่สำคัญและสถานที่ราชการ อาทิ รัฐสภา ทำเนียบรัฐบาล และศาล เป็นต้น และต้องไม่กีดขวางทางเข้าออก หรือรบกวนการปฏิบัติงาน หรือการใช้บริการในสถานที่ เช่น สถานที่ทำการหน่วยงานของรัฐ ท่าอากาศยาน ท่าเรือ สถานีรถไฟ หรือสถานีขนส่งสาธารณะ
กำหนดให้การปราศรัย หรือการจัดกิจกรรมในการชุมนุมสาธารณะในระหว่างเวลา 22.00 นาฬิกา จนถึงเวลา 06.00 นาฬิกาของวันรุ่งขึ้น การเดินขบวนหรือเคลื่อนย้ายการชุมนุมในเวลากลางคืน จะกระทำมิได้
กำหนดให้ผู้ชุมนุมมีหน้าที่ต้องแจ้งวัน เวลา และสถานที่ชุมนุมต่อหัวหน้าสถานีตำรวจผู้รับผิดชอบก่อนเริ่มการชุมนุมไม่น้อยกว่า 24 ชั่วโมง
กำหนดหน้าที่ของผู้จัดการชุมนุมและผู้ชุมนุม เช่น ผู้จัดการชุมนุมมีหน้าที่อยู่ร่วมการชุมนุมสาธารณะตลอดระยะเวลาการชุมนุม ดูแลและรับผิดชอบการชุมนุมสาธารณะให้เป็นไปโดยสงบและปราศจากอาวุธ เป็นต้น และห้ามมิให้ผู้ชุมนุมกระทำการก่อให้เกิดความไม่สะดวกของประชาชนที่จะใช้ที่สาธารณะ พาอาวุธเข้าไปในที่ชุมนุมบุกรุกหรือทำให้เสียหายหรือทำลายด้วยประการใด ๆ ซึ่งทรัพย์สินของผู้อื่น เป็นต้น”
เห็นได้ชัดว่าใครก็ตามกุมอำนาจรัฐ น่าจะรู้สึกหายใจคล่อง ไม่ต้องกังวลมากนัก เพราะมีเงื่อนไขต่างๆ เยอะ และไม่ต้องสงสัยในเจตนาของผู้ต้องการใช้กฎหมายนี้เพื่อให้กุมอำนาจนานๆ ไม่ให้ใครมาชุมนุมตะโกนด่าขับไล่เป็นเดือนๆ
ถ้าไม่หน้าด้านเกินคน นักการเมืองกังฉินไม่น่าจะทนให้คนด่ายาวนานเหมือนกลุ่มพันธมิตร และกลุ่ม กปปส. ชุมนุม เสี่ยงตายจากระเบิด อาวุธร้ายทั้งจากนักฆ่าอาชีพ นักป่วนรับจ้าง พวกตำรวจกระหายเลือด กลุ่มการเมืองชั่วร้าย
นักการเมืองดี ใจซื่อ มือสะอาด ความสามารถล้น ประชาชนจะไล่ทำไม?
เพราะนักการเมืองหน้าด้าน ไร้ยางอาย ไร้จิตสำนึก งาบคำโต ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย เจ้าหน้าที่ผู้รักษากฎหมายไม่ทำหน้าที่ กระบวนการยุติธรรมมีปัญหาโดยเฉพาะขั้นต้นและขั้นกลาง ทำให้บ้านเมืองขาดการความเที่ยงธรรม
มีกฎหมายควบคุมการชุมนุมแบบนี้ใช่ว่าจะได้ผล ถ้าประชาชนทนไม่ได้กับผู้กุมอำนาจรัฐที่เป็นเผด็จการ ทรราช กังฉินกินเมือง ขูดรีด ทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย ใช้อภิสิทธิทำมาหากินอวยเครือญาติพวกพ้องดังที่เคยเป็นมา
การออกกฎหมายเช่นนี้ผู้กุมอำนาจรัฐฉายแววเผด็จการ ทรราชเข้มข้น
ถ้าผู้นำรัฐบาลชั่ว ประชาชนไม่เกรงกลัวกฎหมายห้ามการชุมนุมเช่นกัน ถ้าผู้กุมอำนาจรัฐทำตัวอยู่เหนือกฎหมาย สหรัฐฯ ยังมีเงื่อนไขพิเศษให้ประชาชนมีสิทธิถือครองอาวุธและลุกฮือขับไล่รัฐบาลที่มีพฤติกรรมเลว เป็นเผด็จการ ทรราช
โธ่! ให้ประชาชนไปขออนุมัติจากตำรวจเพื่อชุมนุมขับไล่รัฐบาล ใครจะกล้าให้ นี่เป็นตลกร้ายชัดๆ การชุมนุมที่ผ่านมาตำรวจโดนขับไล่ออกจากพื้นที่ควบคุมหน้าทำเนียบฯ ถูกชุมนุมปิดล้อมหน้ากองบัญชาการตำรวจนครบาลด้วย
ถ้าผู้กุมอำนาจรัฐทำตัวชั่วร้ายเกินทน ประชาชนไม่กลัวหน้าไหนทั้งนั้น ในอดีตประชาชนถือก้อนอิฐ ท่อนไม้ ขวดน้ำ วิ่งเข้าใส่รถถัง แนวปืนตั้งรับ แต่ไม่เคยเห็นนักรบผู้กล้าในเครื่องแบบหน้าไหนมือเปล่าวิ่งเข้าหาข้าศึกที่มีอาวุธพร้อม
ถึงเวลารักชาติแล้วประชาชนแสดงออกให้เห็นเสมอว่า “ใจมันผิดกัน”
การเมืองไทยยังคงตกอยู่ในวังวนน้ำเน่า ขบวนการกังฉินกินเมือง วงจรอุบาทว์ของนักการเมืองขี้โกง การรัฐประหาร เผด็จการ ทรราช ผลัดเปลี่ยนตามช่วงการรัฐประหารมากกว่า 17-18 ครั้ง ข้ออ้างรักชาติสารพัด บ้านเมืองไม่ดีขึ้น
มีแต่คนกุมอำนาจรัฐรวยขึ้น ไม่มีใครจน อ้างว่าเสี่ยงทำแล้วต้องให้คุ้ม!
รัฐธรรมนูญไม่ใช่สูตรศักดิ์สิทธิ ฉบับที่ร่างกันทุกวันนี้อ้างมุ่งเน้นความปรองดองสมานฉันท์ดูแล้วกลายเป็นตัวสร้างความแตกแยกระหว่างกลุ่ม สปช. และกลุ่มอื่นๆ ในสังคมด้วยซ้ำ ถ้าเอามาใช้อีกไม่นานก็ต้องโดนฉีกทิ้งอีกจนได้
เห็นได้ชัดว่าถ้ามีเลือกตั้ง พวกหน้าเดิมงาบคำโตจะกลับมาเต็มบ้อง ถ้าไม่ใช้เงื่อนไขห้าม จะโกงกินแบบเดิม ประชาชนจะเดินขบวน ถูกลอบทำร้าย ถูกฆ่าตาย จะมีผู้กล้ากำมะลอใช้กำลังฉีกรัฐธรรมนูญ เสนอหน้ามาแก้ปัญหาอีกรอบ
เคยได้ฟังคำว่า “สู้แล้วรวย” ระวังชาวบ้านจะแซวว่า “ฉีกแล้วรวย” เด้อ!