xs
xsm
sm
md
lg

5หุ้นเด่นยืนแดนบวก แม้SETหลุด1,500จุด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ท่ามกลางหลายปัจจัยลบกดดันดัชนีตลาดหลักทรัพย์ให้ปรับตัวลงไปทดสอบแนวรับที่ 1480 จุดโดยเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2558 ดัชนีตลาดหุ้นไทยปิดที่ 1,496.05 จุด เพิ่มขึ้น 2.44 จุด เปลี่ยนแปลง +0.16% มูลค่าการซื้อขาย 39,747.16 ล้านบาท ดัชนีฯแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 1,500.50 จุด ส่วนดัชนีทำระดับต่ำสุดของวันอยู่ที่ 1,491.57 จุด

ฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส คาดการณ์ความเคลื่อนไหวดัชนีสัปดาห์นี้ (2-5 มิ.ย.) ว่าดัชนีจะยังคงเคลื่อนไหวผันผวน เนื่องจาก Fund Flow ยังไม่ไหลเข้า โดยคำนวณเป้าหมาย SET Index หากกำหนดบนค่า PER 16 เท่า จะได้ระดับ SET Index เป้าหมาย ณ สิ้นปีที่ 1,562 จุด หากเทียบกับระดับดัชนีปัจจุบันแล้วจะเห็นว่า Expected Return สำหรับการลงทุนถือหุ้นจนถึงสิ้นปีน้อยกว่า 5% ซึ่งเป็นระดับที่ทำให้แรงดึงดูดและความน่าสนใจของตลาดหุ้นไทยลดน้อยลงไป

เมื่อพิจารณาควบคู่ไปกับความเสี่ยงที่จะต้องรับอย่างเช่น ด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากเงินบาทที่อ่อนค่า สถานการณ์ดังกล่าวน่าจะเป็นเหตุสำคัญท่ำให้กระแสเงินทุนจากต่างชาติมีแนวโน้มที่จะไหลออกมากกว่าไหลเข้า สะท้อนจากยอดสะสมตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน ทั้งในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ (พันธบัตรรัฐบาล) มีสถานะเป็นขายสุทธิ จึงเชื่อว่าในระยะสั้นนักลงทุนต่างชาติยังคงชะลอการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นไทย พร้อมแนะนำกลยุทธ์การลงทุน เน้นหุ้นที่ปลอดภัยเลือกลงทุนในหุ้นที่สามารถคาดหวัง Dividend Yield ได้ในระดับสูง พร้อมทั้งมี Beta ต่ำ เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดขาลง

อย่างไรก็ตาม ASTV ผู้จัดการรายวัน เฟ้นหา 5 หุ้นเด่นทั้งราคาและปัจจัยพื้นฐานที่สามารถยืนปิดในแดนบวก สวนดัชนีตลาดหุ้นที่ดิ่งลงได้อย่างสวยงาม มาเริ่มกันที่

IVL : บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์หลายสำนักปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” สำหรับ IVL เนื่องจากมีโอกาสทำกำไรในปี 2558 ปรับเพิ่มขึ้นในระดับสูงอีกครั้ง หลังจากภาพรวมธุรกิจกลับมาฟื้นตัวและได้รับผลประโยชน์จากการเข้าซื้อกิจการช่วงที่ผ่านมา โดยนักวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส คาดประมาณการปี 2558 ของ IVL จะมีกำไรพลิกกลับมาเติบโตอย่างมีนัยสำคัญมาอยู่ที่ระดับ 4,219 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากงวดปี 2557 ที่บริษัทได้กำไรสุทธิ 1,485 ล้านบาท พร้อมประเมิน IVL ผลการดำเนินงานทั้งปีง 58 มีกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่องทั้ง 4 ไตรมาสภายใต้สมมติฐาน ได้แก่ 1.คาดการณ์ปริมาณขายจะปรับตัวเพิ่มขึ้น 12.9% จากปีก่อน 2.ราคาต้นทุนวัตถุดิบพาราไซลีนที่ยังอยู่ในระดับต่ำ จากซัพพลายใหม่ที่เกิดขึ้นช่วงครึ่งหลังปี 2557 รวมถึงช่วงปี 2558 ซึ่งจะเป็นปัจจัยบวกต่อสเปรดของผลิตภัณฑ์ PET และ PTA

ขณะที่นักวิเคราะห์ บล.บัวหลวงประเมินผลการดำเนินงานงวดปี 2558 ของ IVL ประเมินกำไรสุทธิที่ระดับ 4,407 ล้านบาท ซึ่งช่วงปีนี้ IVL จะมีปริมาณขายที่เติบโตสูงขึ้น จะกลายเป็นปัจจัยหลักช่วยสนับหนุนกำไรบริษัท นอกจากนี้ IVL ยังกลับมามุ่งเน้นการควบรวมกิจการในปี 2558 เนื่องจากบริษัทเห็นว่าแนวโน้มการฟื้นตัวของอัตรากำไรมีความชัดเจนมากขึ้น โดยบริษัทตั้งเป้าเข้าซื้อกิจการทั้งหมด 4 โครงการด้วยกำลังการผลิตรวมที่ 1.6 ล้านตัน ซึ่งคาดว่าบริษัทจะประกาศ 2 ดีลแรกช่วงครึ่งแรกปี 2558 และอีก 2 ดีลที่เหลือช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งหากดำเนินการสำเร็จในปี 2558 ปริมาณผลิตของ IVL จะเพิ่มขึ้นเป็น 7.8 ล้านตัน กำหนดคำแนะนำ “ซื้อ”

TASCO : บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) จากบทวิเคราะห์ของหลายบริษัทหลักทรัพย์ TASCO มีจุดเด่นด้านโลจิสติกส์ ทั้งมีกองรถบรรทุก และ กองเรือเดินสมุทร สำหรับบรรทุกยางมะตอยขนาดใหญ่ รวมถึง โรงงานผลิตและคลังทุกภาคของประเทศ ทำให้สามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่มีข้อจำกัดด้านชัพพลาย ในขณะที่ความต้องการสูงทั้งตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะตลาดในประเทศเพิ่มขึ้น 50-100% ทำให้แนวโน้มผลประกอบการในไตรมาส 2 และ 3 จะยังดีต่อเนื่อง โดยผลประกอบการในไตรมาส 3Q58 จะสูงสุดในแง่ปริมาณขาย รับงบประมาณด้านถนนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ 4 หมื่นล้านของรัฐบาล (EFIN)

แม้ว่า TASCO จะเริ่มเทรดด้วยมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) ใหม่ตั้งแต่ 22 เม.ย.ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์ บล. เคจีไอ ระบุการแตกพาร์จากเดิม 10 บาทต่อหุ้น เหลือเป็น 1 บาทต่อหุ้น ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง 10 เท่าส่งผลให้สภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นของ TASCO ได้ดีขึ้น พร้อมปรับราคาเป้าหมายใหม่ เนื่องจากราคาปรับขึ้นสูงกว่าราคาเป้าหมายที่ 17.50 บ.ไปแล้ว ทั้งนี้คาดการณ์ว่ากำไรสุทธิปี 58 ของ TASCO จะออกมาเติบโตกว่าที่ประมาณการไว้ หลังจากที่จะมียอดขายที่ดี และยังได้รับอานิสงส์จากราคาน้ำมันดิบที่ยังคงลดลงอยู่ 

BA : บริษัท การบินกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ถูกเพิ่มเข้าคำนวณในดัชนี MSCI ตั้งแต่ 29 พ.ค. 58 ที่ผ่านมาทำให้เป็นที่สนใจของนักลงทุนสถาบันมากขึ้น ฝ่ายวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุไตรมาส 1/58 กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 1.07 พันล้านบาท ตั้งเป้ารายได้ปีนี้ 2.4-2.5 หมื่นล้านบาท โต 20% จากจำนวนผู้โดยสารมากขึ้น-ยอดจองตั๋วล่วงหน้าพุ่ง อีกทั้งในปี 61 จะมีเครื่องบินเพิ่มเป็น 43 ลำ คตั้งเป้า 5 ปีผู้โดยสารปีนี้เพิ่มเป็น 6 ล้านคน -อัตราขนส่งผู้โดยสารเพิ่มเป็น 70% อีกทั้งเป็นหุ้นที่เจ้าของซื้อคืนต่อเนื่อง แนะนำ “ซื้อ” โดยมีเป้าหมายทำกำไรที่ 23.00 บาท และ ตั้งจุดตัดขาดทุนที่ 21.00 บาท

ด้านนักวิเคราะห์ บล.โนมูระพัฒสิน ระบุแม้ว่าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท.เพิ่มเงื่อนไขเรื่องสภาพคล่องของหุ้นที่จะถูกเข้าไปคำนวณใน SET50 และ SET100 ซึ่งจะประกาศกลางเดือนมิถุนายนนี้ให้เข้มงวดมากขึ้น ได้กำหนดจำนวนหุ้นรวมที่ซื้อขายในรอบเดือนต้องมากกว่า 5% ของหุ้นจดทะเบียนแต่บมจ.การบินกรุงเทพ (BA) ก็ติดโผ 1 ใน 7 หุ้นที่คาดว่าจะเข้าไปอยู่ใน SET 50

MILL : บริษัท มิลล์คอน สตีล จำกัด (มหาชน) ฝ่ายวิเคราะห์ คันทรี่ กรุ๊ป แนะนำ ซื้อสะสม จากปัจจัยพื้นฐาน มีออร์เดอร์ส่งเหล็กให้กับลูกค้าที่ค้างส่งมาตั้งแต่ปลายปีไม่มีรายการพิเศษใดๆ มาปะปน ถ้าออกมาตามนี้ถือว่า turnaround อย่างแท้จริง ส่วนโรงเหล็ก TSSI ที่ซื้อมานั้นคาดว่าจะเริ่มรับรู้กำไรตั้งแต่ Q3 ไตรมาสละไม่น้อยกว่า 100 ล้านบาทต่อไตรมาสเช่นกัน หากนับตามนี้สิ้นปี 58 ควรจะมีกำไรระดับ 600 ล้านบาทเบาะๆ คิดเป็น EPS 0.19 บาทเข้าไปแล้ว ปัจจัยสำคัญสุดท้ายเคยมีข่าวก่อนหน้านี้ว่าโรงเหล็ก TSSI ที่มีมูลค่ารวมที่ดินสูงกว่า 5 พันล้านบาทนั้นอยู่ในระหว่างการเจรจากับผู้ร่วมทุนชาวญี่ปุ่นเข้ามาแบ่งส่วนถือหุ้น ทำให้ได้พันธมิตรและได้เงินทุน อีกทั้งหากขายได้ก็จะบันทึกกำไรก้อนโตอีกด้วย เชื่อว่าเรื่องนี้น่าจะมีอะไรดีๆ เร็วๆนี้ เด็กแนวเคยสอบถามผู้บริหาร ได้คำตอบว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูง และประเมินดูว่าหากกลุ่มทุนญี่ปุ่นเข้าซื้อหุ้น TSSI จะทำให้ MILL รับรู้กำไรจากการขายหุ้นออกไปอีกไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท

และตัวสุดท้าย SEAFCO : บริษัท ซีฟโก้ จำกัด (มหาชน) ฝ่ายวิเคราห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ คาด SEAFCO เป็นหนึ่งในบริษัทที่ได้รับประโยชน์เต็มที่จากโครงการลงทุนทั้งภาครัฐ และเอกชนที่จะออกมามากขึ้นในช่วง 2Q58 เป็นต้นไป เช่น รถไฟฟ้าสายต่างๆ ถนน สะพาน ทางลอดอุโมงค์ และโครงการอาคารสูงต่างๆ ขณะที่ SEAFCO เป็นผู้นำตลาดในอุตสากรรมฐานรากของประเทศ และมีสัมพันธ์ที่ดีกับกลุ่ม CK อีกทั้งยังกระจายความเสี่ยงไปตลาดเมียนมาร์ได้มากขึ้น โดยอยู่ระหว่างประมูลงานใหม่มูลค่าราว 200 ล้านบาท คาดจะรู้ผลประมูลในไม่ช้านี้ ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศเพิ่มเป็น 10% จากปี 57 มีสัดส่วน 4% หรือมีมูลค่างานราว 80-90 ล้านบาท แนะนำซื้อ
กำลังโหลดความคิดเห็น