ลำปาง-รถทัวร์โดยสารสายอุดรธานี-เชียงใหม่เบรกแตกขณะลงดอยพระบาท พุ่งชนรถชาวบ้าน รถตู้รับส่งนักเรียนและบ้านเรือนข้างทางพัง 3 หลัง เสียชีวิต 3 ราย เจ็บ 25 ราย สุดสลด แพทย์ต้องตัดขาเด็กหญิง 9 ขวบ และยังอยู่ในไอซียูอีก 4 ราย หนึ่งในผู้โดยสารเล่านาทีเฉียดตาย บอกรถเบรกไม่อยู่ตั้งแต่ลงผาลาด คนขับตะโกนบอก "เอาไม่อยู่แล้ว" ก่อนรถฝ่าทางแยกชนวินาศสันตะโร ด้านคนลำปางน้ำใจงาม แห่บริจาคเลือดล้นห้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 06.30 น.วานนี้ (27 พ.ค.) พ.ต.ต.กมล คิดอ่าน พนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำปาง ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารสายอุดรธานี-เชียงใหม่ เกิดเบรกแตก ลงจากดอยพระบาทก่อนพุ่งข้ามเลนชนกับรถตู้รับส่งนักเรียน และรถยนต์ของผู้ที่เดินทางผ่านไปมารวมทั้งหมด 3 คัน ก่อนที่จะพุ่งเข้าชนบ้านของรองประธานสภาเทศบาลนครลำปาง ทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บหลายราย จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัย
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณสี่แยกไฟแดงป่าขาม ถนนเขลางค์นคร ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง พบรถทัวร์ของบริษัท จักรพงษ์ทัวร์ จำกัด สายอุดร-เชียงใหม่ หมายเลขทะเบียน 10-7254 อุดรธานี ชนติดอยู่กับกำแพง ใกล้กันพบรถตู้นักเรียน 2 ฌ 1506 กรุงเทพมหานคร รับส่งนักเรียน และรถยนต์โตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ กค 4012 น่าน สภาพถูกชนพังเสียหาย เจ้าหน้าที่จึงได้เร่งช่วยเหลือคนขับและนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาล และยังมีบ้านเรือนในบริเวณดังกล่าวพังเสียหายอีก 3 หลัง
สำหรับอุบัติเหตุครั้งนี้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บมีทั้งหมด 25 ราย โดยขณะนี้ผู้บาดเจ็บทั้งหมดยังคงรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ลำปางเพื่อให้แพทย์ทำการผ่าตัด โดยล่าสุดแพทย์ได้ทำการตัดขาเด็กหญิงวัย 9 ขวบ ซึ่งอาการสาหัสทิ้ง ส่วนอีก 4 คนยังรักษาตัวอยู่ในห้อง ICU ส่วนที่เหลืออยู่ในอาการปลอดภัยแล้ว
**เผยผู้เสียชีวิต3รายเป็นชาวเวียดนาม1
ส่วนผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย คือ นางเพ็ญศรี กระจ่างจันทร์ อายุ 65 ปี 285 หมู่ 8 ต.แม่ทะ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ที่เดินทางมากับรถตู้นักเรียน ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ชีพ กู้ภัยนครลำปางได้พยายามช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลลำปาง แต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้ที่เสียชีวิตอีก 2 รายเป็นผู้โดยสารมากับรถทัวร์ โดยเสียชีวิตติดคาในรถฝั่งซ้ายของคนขับทั้ง 2 ราย เจ้าหน้าที่ได้ชักลากรถขึ้นมาก่อนงัดร่างออกมาจากรถ คือ นายแก่น กิจสดม อายุ 44 ปี 468 ม.13 ต.ขมิ้น อ.สกลนคร จ.สกลนคร และ MR.PHAM NAN DONG อายุ 34 ปี ชาวเวียดนาม
**เมียรอง ปธ.นครลำปางรอดปาฏิหาริย์
นายเชาว์ มันจันทร์ อายุ 59 ปี คนขับรถสปอรต์ไรเดอร์ที่ถูกชน บอกว่า ตนเองขับรถออกมาจากบ้านที่ จ.น่าน เพื่อพาภรรยามาทำคีโมที่ รพ.ลำปาง ก่อนเกิดเหตุตนกำลังขับรถออกจากแยกไฟแดงได้ไม่นานก็มีรถทัวร์พุ่งชนท้ายอย่างจัง จนทำให้ภรรยาตนเองได้รับบาดเจ็บ
ขณะที่นายณัฐกิตต์ บรรจงจิตร ส.ท.เทศบาลนครลำปาง บุตรชายของนายสมบูรณ์ บรรจงจิตร รองประธานสภาเทศบาลนครลำปาง และนางละเอียด บรรจงจิตร อายุ 80 ปี บ้านเลขที่ 155 ถ.เขลางค์นคร ต.หัวเวียง เจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุแม่กำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัว ซึ่งเป็นบริเวณที่รถทัวร์พุ่งชนกำแพงเข้ามาพอดี ได้ยินเสียงดังสนั่น จึงได้วิ่งออกมาดูก็พบว่า มีรถพุ่งชนบ้าน และแม่ก็ล้มลง จึงได้รีบช่วยนำส่งโรงพยาบาล
"ถือว่าโชคดีมากที่รถทัวร์พุ่งเข้าตรงกลางขณะที่แม่ยืนอยู่เยื้องไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น จึงล้มลงได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะเย็บ 10 เข็ม และขาได้รับบาดเจ็บเท่านั้น"
**ผู้โดยสารเผยนาทีระทึกรถ "เบรกแตก"
นางยุพิน คำนุ พนักงานบนรถทัวร์ ให้การว่า คนขับรถทัวร์ชื่อนายสมพรเพชร คำนุ อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นสามีตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนเกิดเหตุได้นำผู้โดยสารมาจาก จ.อุดรธานี เมื่อเวลา 20.00 น.คืนที่ผ่านมา โดยรถกำลังมุ่งหน้าไป จ.เชียงใหม่ เมื่อวิ่งมาใกล้ถึงแยกไฟแดงคนขับได้ตะโกนบอกให้ผู้โดยสารทุกคนไปอยู่ที่ท้ายรถและให้รัดเข็มขัด เพราะเบรกแตก ก่อนที่จะเสียหลักพุ่งข้ามแยกไฟแดงไปชนรถคันอื่นๆ ที่กำลังออกตัวไฟเขียวและบ้านเรือนบริเวณดังกล่าว
นายทรงเกียรติ หมูคำ อายุ 28 ปี ชาว อ.ลี้ จ.ลำพูน ผู้โดยสารที่นั่งมากับรถทัวร์อยู่ด้านหลังคนขับ พร้อมแฟนเพื่อจะเดินทางกลับบ้านหลังไปเยี่ยมญาติที่อุดรธานีมาแล้วได้เล่านาทีเฉียดตายว่า ตนและแฟนออกจากอุดรฯในเวลา 20.00 น. หลังจากนั้นรถคันดังกล่าวได้แวะเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันในตัวเมืองอุดรฯ ระหว่างนั้นรู้สึกว่ารถมีอาการโยกไปมา ทำให้ผู้โดยสารหลายคนบ่นว่ารถมีสภาพเก่า ช่วงล่างคงจะไม่ค่อยดี ซึ่งตนรู้สึกไม่ค่อยดีจึงไม่ยอมหลับตลอดทาง
จนกระทั่งมาถึงแยกผาลาด อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ในตอนเช้ารถได้จอดให้ผู้โดยสารลงประมาณ 2-3 คน หลังจากนั้นคนขับได้ออกรถ ซึ่งตนรู้สึกว่ารถไม่สามารถใช้คลัชหรือเบรกใดๆ ได้ คนขับจึงใช้เกียร์ต่ำมาตลอดทาง จนกระทั่งถึงบริเวณหน้าศาลจังหวัดลำปาง คนขับได้บอกว่าเอาไม่อยู่แล้วและได้ตะโกนบอกผู้โดยสารว่า รถบังคับไม่ได้ ให้ทุกคนนั่งและจับให้มั่น
"หลังจากนั้นทุกคนในรถก็เงียบกริบกันหมด เพราะรถบังคับอะไรไม่ได้ ทุกคนคงได้แต่ภาวนา เพื่อให้รอดจนรถมาถึงแยกที่เกิดเหตุ คนขับบอกฝ่าไฟแดงแล้วจากนั้นรถก็พุ่งชรรถกระบะ ผมจึงคว้าแฟนมากอดและก้มลงด้านล่าง รถก็ชนอีกจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ผมจึงถามแฟนว่าเป็นอะไรหรือไม่ ซึ่งขณะนั้นแขนของผมรู้สึกเหมือนจะหลุด เพราะทีวี.ตกใส่ แต่ก็พยายามขยับโดยแฟนได้ใช้เท้าถีบกระจกดันตัวออกมาจนปลอดภัยแล้วจึงพยายามขอความช่วยเหลือ"
**วิริยะประกันภัยเข้าตรวจสอบข้อมูล
ส่วนที่บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลลำปาง ซึ่งรายงานชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บไว้ ก็มีญาติและส่วนที่เกี่ยวข้องทยอยมาตรวจสอบรายชื่อไม่ขาดสาย รวมถึงบริษัท วิริยะประกันภัย ซึ่งได้รับทำประกันของบริษัทรถทัวร์ดังกล่าว ได้มาตรวจสอบข้อมูลของผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บรวมค่าเสียหายอื่นๆ เพื่อนำไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ตลอดจนดำเนินการเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นสำหรับผู้บาดเจ็บก่อนคือรายละไม่เกิน 30,000 บาท
ด้านการดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้โดยสารที่รอดชีวิตและสามารถให้การได้ แต่ก็ต้องรอสอบปากคำคนขับ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในห้อง ICU และการตรวจพิสูจน์สภาพของรถทัวร์คันเกิดเหตุร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ของกรมการขนส่งซึ่งจะเข้าทำการตรวจในวันนี้ (28 พ.ค.)
ขณะที่ชาวลำปางหลังทราบข่าวการเกิดอุบัติเหตุและทางโรงพยาบาลขาดแคลนเลือด ก็ได้พากันไปร่วมบริจาคเลือดกันจนล้นห้อง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 06.30 น.วานนี้ (27 พ.ค.) พ.ต.ต.กมล คิดอ่าน พนักงานสอบสวน สภ.เมืองลำปาง ได้รับแจ้งเกิดอุบัติเหตุรถทัวร์โดยสารสายอุดรธานี-เชียงใหม่ เกิดเบรกแตก ลงจากดอยพระบาทก่อนพุ่งข้ามเลนชนกับรถตู้รับส่งนักเรียน และรถยนต์ของผู้ที่เดินทางผ่านไปมารวมทั้งหมด 3 คัน ก่อนที่จะพุ่งเข้าชนบ้านของรองประธานสภาเทศบาลนครลำปาง ทำให้มีผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บหลายราย จึงไปตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัย
ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณสี่แยกไฟแดงป่าขาม ถนนเขลางค์นคร ต.พระบาท อ.เมืองลำปาง พบรถทัวร์ของบริษัท จักรพงษ์ทัวร์ จำกัด สายอุดร-เชียงใหม่ หมายเลขทะเบียน 10-7254 อุดรธานี ชนติดอยู่กับกำแพง ใกล้กันพบรถตู้นักเรียน 2 ฌ 1506 กรุงเทพมหานคร รับส่งนักเรียน และรถยนต์โตโยต้า สปอร์ตไรเดอร์ กค 4012 น่าน สภาพถูกชนพังเสียหาย เจ้าหน้าที่จึงได้เร่งช่วยเหลือคนขับและนักเรียนที่ได้รับบาดเจ็บนำส่งโรงพยาบาล และยังมีบ้านเรือนในบริเวณดังกล่าวพังเสียหายอีก 3 หลัง
สำหรับอุบัติเหตุครั้งนี้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย ส่วนผู้บาดเจ็บมีทั้งหมด 25 ราย โดยขณะนี้ผู้บาดเจ็บทั้งหมดยังคงรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ลำปางเพื่อให้แพทย์ทำการผ่าตัด โดยล่าสุดแพทย์ได้ทำการตัดขาเด็กหญิงวัย 9 ขวบ ซึ่งอาการสาหัสทิ้ง ส่วนอีก 4 คนยังรักษาตัวอยู่ในห้อง ICU ส่วนที่เหลืออยู่ในอาการปลอดภัยแล้ว
**เผยผู้เสียชีวิต3รายเป็นชาวเวียดนาม1
ส่วนผู้เสียชีวิตทั้ง 3 ราย คือ นางเพ็ญศรี กระจ่างจันทร์ อายุ 65 ปี 285 หมู่ 8 ต.แม่ทะ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง ที่เดินทางมากับรถตู้นักเรียน ซึ่งเจ้าหน้าที่กู้ชีพ กู้ภัยนครลำปางได้พยายามช่วยเหลือนำตัวส่งโรงพยาบาลลำปาง แต่ก็เสียชีวิตในเวลาต่อมา ส่วนผู้ที่เสียชีวิตอีก 2 รายเป็นผู้โดยสารมากับรถทัวร์ โดยเสียชีวิตติดคาในรถฝั่งซ้ายของคนขับทั้ง 2 ราย เจ้าหน้าที่ได้ชักลากรถขึ้นมาก่อนงัดร่างออกมาจากรถ คือ นายแก่น กิจสดม อายุ 44 ปี 468 ม.13 ต.ขมิ้น อ.สกลนคร จ.สกลนคร และ MR.PHAM NAN DONG อายุ 34 ปี ชาวเวียดนาม
**เมียรอง ปธ.นครลำปางรอดปาฏิหาริย์
นายเชาว์ มันจันทร์ อายุ 59 ปี คนขับรถสปอรต์ไรเดอร์ที่ถูกชน บอกว่า ตนเองขับรถออกมาจากบ้านที่ จ.น่าน เพื่อพาภรรยามาทำคีโมที่ รพ.ลำปาง ก่อนเกิดเหตุตนกำลังขับรถออกจากแยกไฟแดงได้ไม่นานก็มีรถทัวร์พุ่งชนท้ายอย่างจัง จนทำให้ภรรยาตนเองได้รับบาดเจ็บ
ขณะที่นายณัฐกิตต์ บรรจงจิตร ส.ท.เทศบาลนครลำปาง บุตรชายของนายสมบูรณ์ บรรจงจิตร รองประธานสภาเทศบาลนครลำปาง และนางละเอียด บรรจงจิตร อายุ 80 ปี บ้านเลขที่ 155 ถ.เขลางค์นคร ต.หัวเวียง เจ้าของบ้านหลังเกิดเหตุ กล่าวว่า ก่อนเกิดเหตุแม่กำลังทำอาหารอยู่ในห้องครัว ซึ่งเป็นบริเวณที่รถทัวร์พุ่งชนกำแพงเข้ามาพอดี ได้ยินเสียงดังสนั่น จึงได้วิ่งออกมาดูก็พบว่า มีรถพุ่งชนบ้าน และแม่ก็ล้มลง จึงได้รีบช่วยนำส่งโรงพยาบาล
"ถือว่าโชคดีมากที่รถทัวร์พุ่งเข้าตรงกลางขณะที่แม่ยืนอยู่เยื้องไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น จึงล้มลงได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะเย็บ 10 เข็ม และขาได้รับบาดเจ็บเท่านั้น"
**ผู้โดยสารเผยนาทีระทึกรถ "เบรกแตก"
นางยุพิน คำนุ พนักงานบนรถทัวร์ ให้การว่า คนขับรถทัวร์ชื่อนายสมพรเพชร คำนุ อายุ 43 ปี ซึ่งเป็นสามีตนเองได้รับบาดเจ็บสาหัส ก่อนเกิดเหตุได้นำผู้โดยสารมาจาก จ.อุดรธานี เมื่อเวลา 20.00 น.คืนที่ผ่านมา โดยรถกำลังมุ่งหน้าไป จ.เชียงใหม่ เมื่อวิ่งมาใกล้ถึงแยกไฟแดงคนขับได้ตะโกนบอกให้ผู้โดยสารทุกคนไปอยู่ที่ท้ายรถและให้รัดเข็มขัด เพราะเบรกแตก ก่อนที่จะเสียหลักพุ่งข้ามแยกไฟแดงไปชนรถคันอื่นๆ ที่กำลังออกตัวไฟเขียวและบ้านเรือนบริเวณดังกล่าว
นายทรงเกียรติ หมูคำ อายุ 28 ปี ชาว อ.ลี้ จ.ลำพูน ผู้โดยสารที่นั่งมากับรถทัวร์อยู่ด้านหลังคนขับ พร้อมแฟนเพื่อจะเดินทางกลับบ้านหลังไปเยี่ยมญาติที่อุดรธานีมาแล้วได้เล่านาทีเฉียดตายว่า ตนและแฟนออกจากอุดรฯในเวลา 20.00 น. หลังจากนั้นรถคันดังกล่าวได้แวะเติมน้ำมันที่ปั๊มน้ำมันในตัวเมืองอุดรฯ ระหว่างนั้นรู้สึกว่ารถมีอาการโยกไปมา ทำให้ผู้โดยสารหลายคนบ่นว่ารถมีสภาพเก่า ช่วงล่างคงจะไม่ค่อยดี ซึ่งตนรู้สึกไม่ค่อยดีจึงไม่ยอมหลับตลอดทาง
จนกระทั่งมาถึงแยกผาลาด อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง ในตอนเช้ารถได้จอดให้ผู้โดยสารลงประมาณ 2-3 คน หลังจากนั้นคนขับได้ออกรถ ซึ่งตนรู้สึกว่ารถไม่สามารถใช้คลัชหรือเบรกใดๆ ได้ คนขับจึงใช้เกียร์ต่ำมาตลอดทาง จนกระทั่งถึงบริเวณหน้าศาลจังหวัดลำปาง คนขับได้บอกว่าเอาไม่อยู่แล้วและได้ตะโกนบอกผู้โดยสารว่า รถบังคับไม่ได้ ให้ทุกคนนั่งและจับให้มั่น
"หลังจากนั้นทุกคนในรถก็เงียบกริบกันหมด เพราะรถบังคับอะไรไม่ได้ ทุกคนคงได้แต่ภาวนา เพื่อให้รอดจนรถมาถึงแยกที่เกิดเหตุ คนขับบอกฝ่าไฟแดงแล้วจากนั้นรถก็พุ่งชรรถกระบะ ผมจึงคว้าแฟนมากอดและก้มลงด้านล่าง รถก็ชนอีกจนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง ผมจึงถามแฟนว่าเป็นอะไรหรือไม่ ซึ่งขณะนั้นแขนของผมรู้สึกเหมือนจะหลุด เพราะทีวี.ตกใส่ แต่ก็พยายามขยับโดยแฟนได้ใช้เท้าถีบกระจกดันตัวออกมาจนปลอดภัยแล้วจึงพยายามขอความช่วยเหลือ"
**วิริยะประกันภัยเข้าตรวจสอบข้อมูล
ส่วนที่บริเวณด้านหน้าโรงพยาบาลลำปาง ซึ่งรายงานชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บไว้ ก็มีญาติและส่วนที่เกี่ยวข้องทยอยมาตรวจสอบรายชื่อไม่ขาดสาย รวมถึงบริษัท วิริยะประกันภัย ซึ่งได้รับทำประกันของบริษัทรถทัวร์ดังกล่าว ได้มาตรวจสอบข้อมูลของผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บรวมค่าเสียหายอื่นๆ เพื่อนำไปดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมาย ตลอดจนดำเนินการเกี่ยวกับค่ารักษาพยาบาลเบื้องต้นสำหรับผู้บาดเจ็บก่อนคือรายละไม่เกิน 30,000 บาท
ด้านการดำเนินคดีเจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างสอบปากคำผู้โดยสารที่รอดชีวิตและสามารถให้การได้ แต่ก็ต้องรอสอบปากคำคนขับ ซึ่งขณะนี้ยังอยู่ในห้อง ICU และการตรวจพิสูจน์สภาพของรถทัวร์คันเกิดเหตุร่วมกับทางเจ้าหน้าที่ของกรมการขนส่งซึ่งจะเข้าทำการตรวจในวันนี้ (28 พ.ค.)
ขณะที่ชาวลำปางหลังทราบข่าวการเกิดอุบัติเหตุและทางโรงพยาบาลขาดแคลนเลือด ก็ได้พากันไปร่วมบริจาคเลือดกันจนล้นห้อง