xs
xsm
sm
md
lg

"ไก่อู"ตบปาก"ไอ้เต้น" ตัวการยุยงให้แตกแยก

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณี ที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำนปช. ออกมาให้สัมภาษณ์ทำนองเปรียบเปรยดูแคลนว่ารัฐธรรมนูญ จะทำให้พลเมืองกลายพลทหาร ว่า " พลทหาร คือลูกชายของพลเมือง เป็นลูกชายของคนไทยทุกบ้านทุกเรือน พลทหาร เป็นกำลังหลักยามต้องปกป้องประเทศ คุณณัฐวุฒิ ไม่ควรใช้กำลังปัญญาเพียงแค่คิดประดิษฐ์ประดอยถ้อยคำ จนละเลยข้อเท็จจริง ซึ่งอาจสร้างรอยแผล และความแตกแยก แบ่งลูกออกจากครอบครัวเช่นนี้ สังคมไทยแตกร้าวมาหลายปี และปฏิเสธความจริงไม่ได้เลยว่า คุณณัฐวุฒิ เป็นหนึ่งในผู้เติมเชื้อไฟ ด้วยวาทกรรมไร้ความรับผิดชอบแบบนี้ รัฐบาลไม่จำเป็นต้องพิพากษาคุณณัฐวุฒิ เพราะคนไทยทั้งประเทศ ได้พิพากษาคุณณัฐวุฒิไปแล้ว จากพฤติกรรมทั้งในอดีต และปัจจุบัน ของคุณณัฐวุฒิเอง อยากให้คุณณัฐวุฒิ ใช้เวลาแห่งการปฎิรูปนี้ ทบทวนว่า ควรทำสิ่งใดที่ทำให้สังคมไทยร่มเย็นขึ้นบ้าง"
พล.ต.สรรเสริญ กล่าวต่อว่า ในกรณีที่มาของนายกรัฐมนตรีนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ท่านมีคำตอบในใจของท่านทุกเรื่อง เพราะผู้บริหารประเทศต้องมองไกลไปข้างหน้า เพื่อประเทศชาติในทุกประเด็น แต่ท่านไม่จำเป็นต้องตอบทุกเรื่อง และโดยตำแหน่งในปัจจุบัน ถือว่าท่านเป็นผู้มีส่วนได้เสียกับประเด็นนี้โดยตรง จึงคงไม่เหมาะสม หากท่านจะแสดงความเห็นไปทางใดทางหนึ่ง เป็นเรื่องที่ผู้ร่วมร่างและแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะเป็นผู้พิจารณาตามความจำเป็นแก่บ้านเมือง
"กรณีที่มาของนายกฯ ที่ไม่จำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้ง โดยส่วนตัว ผมเข้าใจว่า คณะกรรมาธิการยกร่างฯ น่าจะมีเป้าหมายเพื่อเป็นเครื่องมือในภาวะที่การเมืองถึงทางตัน เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เกิดการทุจริต คอร์รัปชัน มากมาย ทั้งฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ไม่อาจบริหารประเทศได้ เหมือนเช่นที่เคยเกิดขึ้น จนสถานการณ์บ้านเมืองไม่สามารถไปต่อได้ ทหารจึงต้องเข้ามารับผิดชอบยุติความขัดแย้ง และความรุนแรงนั้น หากรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้นายกฯไม่ต้องมาจากการเลือกตั้ง นักการเมืองทั้งสองฟาก อาจจะเชิญคนนอกที่เป็นที่ยอมรับจากทั้งสองส่วน มาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรี ในภาวะนั้นแทน ซึ่งประชาชนก็คงต้องการเห็นบ้านเมืองมีทางออก และมีทางเลือกมากขึ้นในการแก้ไขปัญหาที่นักการเมืองสร้างไว้" พล.ต.สรรเสริญ กล่าว และว่า เจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ มีไว้เพื่อแก้ไขปัญหาที่เคยเกิดขึ้นกับการเมืองไทยในอดีต หากรัฐธรรมนูญยังมีเนื้อหาแบบเดิม ใช้เครื่องมือเดิมๆ ประเทศก็จะไม่หลุดออกจากวงจรปัญหาเก่าๆ และกองทัพ ก็ไม่อยากถูกกดดันจากสังคมให้ต้องออกมาปฏิบัติหน้าที่ในลักษณะนี้อีก เพราะแม้ทหารจะทำด้วยความตั้งใจดี ต้องการรักษาบ้านเมือง ให้ปกติสุข แต่ก็เสี่ยงที่จะเกิดความไม่เข้าใจ จากนานาประเทศได้
พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ( คสช.) ชี้แจงกรณี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำ นปช. กล่าวถึงข้อเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ ที่ทำในนามครม.ไม่ใช่ คสช. แต่เมื่อลงนามโดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หน.คสช. ก็ถือว่าเป็นคนๆเดียวกันนั้น ขอเรียนว่า เรื่องร่าง รธน. นั้น คสช. อยู่ในฐานะผู้ให้การสนับสนุนอำนวยความสะดวก เพื่อให้กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญเดินไปได้ตามกรอบเวลา ส่วนเรื่องเนื้อหา เป็นเรื่องขององค์กรหลักที่รับผิดชอบ
สำหรับข้อเสนอเพิ่มเติมจาก ครม.ที่ให้ไปกับคณะกรรมาธิการยกร่างฯ จะเป็นไปในลักษณะของกลุ่ม คณะ ไม่ใช่ของพล.อ.ประยุทธ์ ดำเนินการคนเดียว ยืนยันว่า ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน ตามกรอบและแนวทางที่รัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราวได้กำหนดไว้
สำหรับการที่นายณัฐวุฒิฯ ได้มีข้อสังเกตส่วนตัว ว่ามีการจงใจไม่พูดถึงที่มาของนายกฯ เท่ากับ คสช. ชูธงให้เห็นว่าเอาแน่ เรื่องนายกฯ คนนอก ใช่หรือไม่ รวมทั้งกล่าวว่า ที่มาของ ส.ส.และ ส.ว.ก็ยังอ้อมแอ้ม หมายความว่า เป็นแบบร่างแรก ก็รับได้หรืออย่างไร
ในประเด็นทั้งสองเรื่องนี้ น่าจะเป็นเพียงมุมมองที่ไม่ตรงใจนายณัฐวุฒิ อยู่แต่เดิม ซึ่งเรื่องดังกล่าวทางองค์กรที่รับผิดชอบหลักได้กำลังพิจารณาอยู่ เพราะเป็นประเด็นที่มีการพูดถึงมานานแล้ว ส่วนข้อเสนอที่ทาง ครม. มีต่อคณะกรรมาธิการยกร่างฯ ในครั้งนี้ เท่าที่ได้ทราบในเบื้องต้นคงจะเน้นความเกี่ยวข้องในเชิงการบริหารราชการ ที่อาจต้องมีความสัมพันธ์ หรือเชื่อมโยงกับ รธน. ส่วนเรื่องที่เป็นประเด็นในด้านการเมือง เพราะอาจไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวข้องโดยตรง
ส่วนกรณีที่กล่าวว่า ไม่มีหลักประกันว่า อำนาจต่างๆ ที่สร้างเป็น 2 มาตรฐานนั้น จะยุติลง ขอเรียนอย่างมั่นใจว่า ประเทศไทยมีมาตรฐานเดียว คือ มาตรฐานตามกฎหมาย ส่วนที่ผ่านมาคำว่า 2 มาตรฐาน ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของบางบุคคลไปบิดเบือนเพื่อใช้เพียงในเชิงวาทะ ตามความรู้สึกส่วนบุคคลนั้นๆ ที่เมื่อรู้สึกว่าตนเอง หรือพวกพ้องไม่ได้รับประโยชน์ เพื่อหวังผลเป็นประเด็นให้ผู้สนับสนุนตนได้คล้อยตามเท่านั้น
กำลังโหลดความคิดเห็น