"เอก อังสนานนท์"แจ้งข้อหา "อาชญากรข้ามชาติ" ผู้ต้องหาคดีค้ามนุษย์เพิ่มอีก เร่งสำนวนให้เสร็จภายในมิ.ย.ก่อนส่งอัยการสูงสุด ด้าน หน.อุทยานแห่งชาติเกาะตะรุเตา เผยมาเลเซียส่งเรือรบลอยลำแนวชายแดนแล้ว ระบุไม่เคยมีปรากฏการณ์แบบนี้มาก่อน ขณะพม่าจัดกำลังตำรวจ-ทหารล่า "โกมิ๊ก" น้องชาย "โกหนุ่ย" ตัวการใหญ่ จ.ระนอง หลังจับไต๋-ลูกเรือที่ขนโรฮีนจา 208 คนได้เมื่อ 21 พ.ค. ขณะที่มาเลเซียยอมรับปกปิดความจริง พบโครงกระดูกหลายร้อยคนใน 30 หลุมศพหมู่กลางป่าปาดังเบซาร์
วานนี้ (24 พ.ค.) พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ รอผบ.ตร. ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดีค้ามนุษย์ชาวโรฮีนจา เปิดเผยว่า หลังจากอัยการสูงสุดมีคำสั่งให้พนักงานอัยการ มาร่วมสอบสวนกับพนักงานสอบสวนของตำรวจ ขณะนี้ได้วางกรอบเชื่อมโยงพยานหลักฐานแล้ว ไล่ตั้งแต่ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา จ.สตูล และจ.ระนอง โดยวันที่ 25 พ.ค.จะมีการสรุปความคืบหน้า และวางแนวทางเร่งรัดการทำงานซึ่งต้องแข่งกับเวลา เนื่องจากต้องเร่ให้เสร็จอย่างช้าภายในเดือนมิ.ย.นี้ เพื่อส่งสำนวนให้อัยการสูงสุดพิจารณา
สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 46 คนที่ควบคุมตัวได้แล้ว ขณะนี้ได้สอบสวนเสร็จแล้ว และพนักงานสอบสวนเตรียมตั้งข้อหาอาชญากรข้ามชาติเพิ่มเติมอีก 1 ข้อหา เนื่องจากมูลความผิดเชื่อมโยงระหว่างประเทศ นอกเหนือจาก 3 ข้อหาที่แจ้งไปก่อนหน้านี้ คือ สมคบและร่วมกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปกระทำการอันเป็นการค้ามนุษย์ ร่วมกันช่วยเหลือด้วยประการใดๆ แก่บุคคลต่างด้าวที่เข้ามาในราชอาณาจักโดยผิดกฎหมาย และร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขังผู้อื่นโดยทำให้ปราศจากเสรีภาพในร่างกายและร่วมกันเรียกค่าไถ่ ซึ่งหลายคนยอมรับสารภาพ แต่ผู้ต้องหาคนสำคัญยังให้การปฏิเสธ
ทั้งนี้ ล่าสุดยังไม่มีการออกหมายจับเพิ่มเติม ดดยยังอยู่ที่ 77 หมาย ควบคุมตัวได้แล้ว 46 คน ยังหลบหนี 31 คน ซึ่งหลายคนพยายามติดต่อขอเข้ามอบตัว ส่วนที่ยังหลบหนีจะติดตามจับกุมให้หมดทุกคน
พล.ต.อ.เอก กล่าวว่า นอกจากนี้ยังคงเดินหน้ายุทธการปิดต้นทางและปลายทางขบวนการค้ามนุษย์โรฮีนจา ทั้งจ.สงขลา สตูล และระนอง รวมทั้งจังหวัดใกล้เคียง เพื่อทำความเข้าใจกับชาวบ้านและสร้างมวลชน ให้เข้ามามีส่วนร่วมกับเจ้าหน้าที่ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดี หลายคนพบเห็นการนำพาชาวต่างด้าวเข้ามา ซึ่งจะต้องมาเป็นพยานในคดี
ผู้สื่อข่าวรายงาน เมื่อวันที่ 23 พ.ค.ที่ผ่านมา ตำรวจ สภ.ปาดังเบซาร์ รับตัว 3 ผู้ต้องหาจากห้องควบคุมสภ.หาดใหญ่ ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนาทวี หลังพนักงานสอบสวนสอบปากคำแล้วแต่ยังให้การปฏิเสธ ประกอบด้วย นายวุฒิ วุฒิประดิษฐ์ อดีตตำรวจ เครือข่ายจ.สตูล กลุ่มนายปัจจุบัน อังโชติพันธุ์ หรือโกโต้ง อดีตนายกองค์การลริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)สตูล นายศราวุธ พรหมกะหมัด และนายทนงศักดิ์ เหมมัน เครือข่ายค้าจ.สงขลา กลุ่มนายบรรจง หรือโกจง ปองผล นายกเทศมนตรีเมืองปาดังเบซาร์ และคัดค้านการประกันตัว ทั้งนี้ผู้ต้องหาทั้ง 46 คนถูกนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดนาทวีหมดแล้ว
ด้านนายปณพล ชีวะเสรีชล หัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา กล่าวว่า ขณะนี้เรือรบทางการมาเลเซีย ออกลอยลำตามแนวชายแดนใกล้เขตน่านน้ำจ.สตูล 2-3 ลำ เพื่อสกัดกั้นขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งไม่เคยปรากฏการออกลาดตระเวนเช่นนี้ โดยมองเห็นได้จากเกาะตะรุเตาเพียง 5 กิโลเมตร ขณะที่เจ้าหน้าที่อุทยานก็นำเรือออกลาดตระเวนเต็มกำลังอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันจุดล่อแหลมตามแนวเกาะแก่ง และให้ความช่วยเหลือหากมีเรือเจอลมมรสุมหรือจมใกล้เกาะในเขตอุทยาน พร้อมทั้งขึ้นตรวจค้นบนเกาะที่อาจจะมีการเข้ามาหลบซ่อนตัวกระทำความผิด รวมทั้งแคมป์เก่าเมื่อปี 2556 ที่เคยตรวจยึดได้ เพื่อไม่ให้มีการกระทำผิดซ้ำอีก
แหล่งข่าวศูนย์ประสานงานชายแดนไทย-พม่า ด้านจ.ระนอง-จ.เกาะสอง แจ้งว่า ตำรวจพม่าเขตตะนาวศรี ได้จัดกำลังร่วมกับทหารออกหาข่าวความเคลื่อนไหวของนายณัฐภัทร แสงทอง หรือโกมิ๊ก น้องชายนายสุวรรณ แสงทอง หรือโกหนุ่ย ตัวการใหญ่เครือข่ายค้ามนุษย์จ.ระนอง ที่เข้ามอบตัวกับตำรวจแล้ว ทั้งนี้นายณัฐภัทรมีสองสัญชาติ หลบหนีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยไปกบดานกับภรรยาในฝั่งพม่า ซึ่งจากการที่ทหารเรือพม่าช่วยเหลือผู้อพยพชาวโรฮีนจา 208 คนเมื่อวันที่ 21 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยจับกุมไต้ก๋งเรือและลูกเรือชาวพม่าได้ ให้การว่าโกมิ๊กเป็นเจ้าของเรือ และสั่งการให้ขนชาวโรฮีนจา จึงส่งเจ้าหน้าที่ออกติดตามจับกุมนายณัฐภัทรมาลงโทษต่อไป
ขณะที่เจ้าหน้าที่หน่วยงานความมั่นคงในจ.ระนอง ระบุว่า การติดตามจับกุมผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับแล้วหลบหนีอีก 7 คน จะกดดันทุกช่องทางและระดมเจ้าหน้าที่ออกติดตามตัวให้ได้เร็วที่สุด รวมทั้งเฝ้าระวังหลบหนีไปประเทศเพื่อนบ้าน เบื้องต้นคาดว่าอาจมีเครือข่ายในฝั่งจ.เกาะสอง ประเทศพม่า จึงประสานทางการพม่าคอยสังเกตุ ตรวจสอบบุคคล และเรือต้องสงสัยที่อาจจะมีผู้ที่ถูกออกหมายจับแอบซ่อนตัวหนีไปเกาะสอง
นอกจากนี้ยังได้ร่วมกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน(ปปง.)จัดทำผังญาติพี่น้องเครือข่ายค้ามนุษย์จ.ระนอง ที่ถูกออกหมายจับ ประกอบด้วย นายสุวรรณ แสงทอง นายหาด ทอดทิ้ง นายวราคม โมลี นายปิยวัฒน์ พงษ์ไทย นายณัฐภัทร แสงทอง นายชาญรรงค์ พรมนุช นายอนุสรณ์ สุขเกษม นายสมบัติ บำเพ็ญพงษ์ นางสมพิศ พรมนุช นางทัศนีย์ สุวรรณรัตน์ เพื่อตรวจสอบเส้นทางการโยกย้ายทรัพย์สิน และความเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์ หากพบมีการโยกย้ายทรัพย์สินผิดสังเกต หรือบุคคลในผังเครือญาติมีทรัพย์สินมากผิดปกติจากอาชีพที่ทำอยู่ จะส่งเรื่องให้ปปง.อายัดทรัพย์เพื่อตรวจสอบที่มาทันที คาดว่าจะอายัดได้อีกมาก จากที่อายัดไว้กว่า 100 ล้านบาท
***ผงะ! มาเลย์รับพบกระดูกหลายร้อยชีวิต
วานนี้ (24) เจ้าหน้าที่มาเลเซียยอมรับถึงรายงานการพบหลุมศพหมู่จำนวนร่วม 30 หลุมที่เชื่อกันว่าจะเป็นหลุมศพของชาวโรฮีนจาและผู้อพยพชาวบังกลาเทศจำนวนหลายร้อยคนในป่าปาดังเบซาร์และวังเกเลียน ใกล้พรมแดนไทยที่มีการค้นพบไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา หลังปฎิเสธเสียงแข็งมาโดยตลอดว่าในแผ่นดินมาเลเซียไม่เคยมีค่ายกักกันเครือข่ายค้ามนุษย์หรือหลุมศพหมู่มาก่อน
หนังสือพิมพ์ซิดนีย์มอร์นิงเฮอรัลด์รายงานว่า การค้นพบที่น่าสะพรึงกลัวหลุมศพหมู่ร่วม 30 หลุมล่าสุดในเขตมาเลเซียคล้ายกับที่เกิดขึ้นในไทยก่อนหน้านี้ต้นพฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งทำให้การค้นพบในครั้งนั้นส่งผลให้รัฐบาลไทยต้องทะลายเครือข่ายธุรกิจค้ามนุษย์ข้ามชาติครั้งใหญ่ในเวลาต่อมา ทว่าสื่อออสเตรเลียชี้ว่า ท่าทีนี้ต่างจากมาเลเซียโดยสิ้นเชิง ที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลเสือเหลืองปฎิเสธด้วยท่าทีที่แข็งกร้าวมาตลอดว่าทุกตารางนิ้วบนแผ่นดินมาเลเซียไม่มีค่ายกักกันผู้อพยพหรือหลุมศพหมู่ชาวโรฮีนจา ท่ามกลางวิกฤตคลื่นผู้อพยพมุสลิมโรฮีนจาล่องเรือหนีตายออกมากลางทะเลเป็นจำนวนมาก จนทำให้เกิดความระส่ำระสายไปทั่วอ่าวเบงกอลและในเขตน่านน้ำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในขณะนี้
หนังสือพิมพ์ Mingguan Malaysia ได้รายงานว่า แท้จริงแล้วมีการค้นพบหลุมศพหมู่ในป่าบริเวณปาดังเบซาร์และวังเกเลียน กลางเดือนพฤษภาคมนี้ แต่ทว่าทางการมาเลเซียกลับปกปิดความจริงไว้ นอกจากนี้หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นแดนเสือเหลืองรายงานเพิ่มเติมว่า ตำรวจมาเลย์ได้ทำการจับกุมผู้ต้องสงสัยชาวต่างชาติและชาวมาเลเซียในพื้นที่ภายใต้กฎหมายต่อต้านการค้ามนุษย์และลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย
ยังมีรายงานว่า เป็นเวลาหลายปีมาแล้วที่มาเลเซียยอมให้เครือข่ายการค้ามนุษย์ลักลอบนำมุสลิมโรฮีนจาและผู้อพยพชาวบังกลาเทศสู่ตลาดค้าแรงงานทาส โดยเหยื่อค้ามนุษย์เป็นจำนวนมากถูกขังไว้ในป่า และรวมไปถึงบนเรือกลางทะเล ในระหว่างที่ญาติคนเหล่านี้ถูกขู่กรรโชกทรัพย์
สื่อออสเตรเลียยังรายงานเพิ่มเติมว่า การทะลายแหล่งค้ามนุษย์ของทางการไทยทำให้เครือข่ายค้ามนุษย์ต้องทิ้งแหล่งกบดานที่มีเหยื่อโรฮีนจาจำนวนมากถูกขังไว้ในค่ายกักกันบนบกและกลางทะเล รวมไปถึงสถานการณ์ที่ทั้งรัฐบาลไทยและรัฐบาลอินโดนีเซียได้สั่งการให้ผลักดันไม่ให้เรือมุสลิมโรฮีนจาขึ้นฝั่งประเทศตน ทว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา มาเลเซียและอินโดนีเซียกลับยอมยกเลิกนโยบายเดิมที่เคยประกาศไว้ ท่ามกลางเสียงประนามของสังคมนานาชาติ ซึ่งในรายงานปรากฎว่ามีการพบว่ามุสลิมโรฮีนจาบางส่วนอดอาหารและต้องการความช่วยเหลือทางการแพทย์อย่างเร่งด่วน
อย่างไรก็ตามรัฐบาลไทยที่มาจากการทำรัฐประหารกลับมองมุสลิมโรฮีนจาเหล่านี้เป็นพวกผิดกฎหมายตามกฎหมายเข้าเมืองไทยและสั่งขังคนเหล่านี้ และอีกทั้งพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาได้ตั้งข้อสังเกตต่อความหวังดีของสหรัฐฯที่จะช่วยสร้างค่ายผู้อพยพขึ้นว่า เกรงว่าจะเป็นการสนับสนุนให้มุสลิมโรฮีนจาเหล่านี้เสี่ยงภัยเดินทางล่องทะเลออกมานอกประเทศพม่าและบังกลาเทศมากขึ้น
ยังรวมไปถึงท่าทีปฎิเสธอย่างแข็งกร้าวของกองทัพไทยต่อคำขอของสหรัฐฯที่จะใช้เกาะภูเก็ตเป็นฐานบังคับการลาดตระเวนล่องเรือรบติดธงสหรัฐฯช่วยเหลือบรรดาผู้อพยพโรฮีนจาในแถบนี้ หนังสือพิมพ์ไทยภาคภาษาอังกฤษฉบับวันอาทิตย์บางกอกโพสต์รายงาน ซึ่งสื่อไทยรายงานต่อว่า จากแหล่งข่าวจากกองทัพไทยเปิดเผยว่า การปฎิเสธคำขอครั้งนี้ของไทยแสดงให้เห็นถึงจุดยืนของไทยต่อแรงบีบจากสหรัฐฯต่อปัญหามุสลิมโรฮีนจาอย่างชัดเจน
ซิดนีย์มอร์นิงเฮอร์รัลด์รายงานปิดท้ายว่า นับตั้งแต่ต้นพฤษภาคมที่ผ่านมา ไทยได้จับกุมผู้ต้องสงสัยเครือข่ายค้ามนุษย์ไปแล้ว ซึ่งส่วนมากเป็นนักการเมืองท้องถิ่นของไทยในข้อหาค้ามนุษย์ และมีการออกหมายจับอีกไม่ต่ำกว่า 77 คน.