ป้อมพระอาทิตย์
โดย โสภณ องค์การณ์
เห็นสภาพยักแย่ยักยันของชาวคณะผู้ทรงภูมิด้านแต่งรัฐธรรมนูญ และการถกเถียงกันเรื่องประชามติแล้ว ชาวบ้านที่สนใจการเมืองรู้สึกว่าบ้านเมืองของเราติดอยู่ในกับดักของรัฐธรรมนูญนานเกินไป ทั้งๆ ที่เราติดอันดับประเทศซึ่งมีรัฐธรรมนูญมากที่สุดในโลก
คิดดูก็แล้วกัน นี่ก็ครบรอบ 1 ปีของการรัฐประหารโดยนักแอ่นแอ๊น คุณท่านผู้นำได้บริหารจัดการบ้านเมืองมาในฐานะหัวหน้าคณะ คสช. และนายกรัฐมนตรี แต่ยังไม่มีใครแตะหรือพูดถึงปัญหาแท้จริงคือระบบการเมืองสามานย์ไร้จิตสำนึกซึมลึกถึงแก่นใน
นี่ยังเถียงกันถึงเรื่องรัฐธรรมนูญ วกวนไปมาเหมือนพยายามหาทางออกอย่างจริงใจ ทั้งๆ ที่คนก็รู้ว่าการร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้จัดทำโดยมีเรื่องเยอะ เพื่อไม่ให้ผ่าน จะได้ร่างกันใหม่ซ้ำซาก ลากยาวให้คณะของคุณท่านต้องปรับโรดแหม็บๆ เพื่อให้อยู่ยาวๆ
ปัดโธ่! มีชนชาติใดที่เก่งฉกาจเกินหน้าคนไทยในเรื่องการแต่งรัฐธรรมนูญ ฉบับที่กำลังแต่งกันอยู่ เถียงกันจนสิ้นเปลืองน้ำ อาหาร งบประมาณและเวลาขณะนี้มีสารพัด โมเดลรวมกันอยู่หลากหลายเนื้อหายิ่งกว่าจับฉ่าย แกงโฮะ รวมกันเยอะถึง 315 มาตรา
บ้านเมืองจะดีขึ้นมั้ย ถ้ามีรัฐธรรมนูญใหม่ โดยพวกกังฉินหน้าเดิมลอยนวลอยู่…
หลายประเทศมีรัฐธรรมนูญใช้มาเพียงฉบับเดียว แก้ไขแต่งเสริมเพื่อให้รับกับการเปลี่ยนแปลง มีแต่บ้านเราถึงกับมีนักแต่งรัฐธรรมนูญมืออาชีพถาวรหลายคน ถ้ามีรัฐประหารเมื่อไหร่ กลุ่มนักแต่งกฎหมายเหล่านี้จะเป็นมือทำงานให้นักแอ่นแอ๊นทุกยุค
นับตั้งแต่ประกาศต่างๆ ประกอบ และสร้างฐานอำนาจของนักแอ่นแอ๊น จนถึงรับงานแต่งรัฐธรรมนูญ ของให้บอกสเปกชัดเจนว่า “ใคร” จะเป็นผู้นำ จะได้แต่งให้เหมาะกับบุคลิก ความต้องการ และระดับความใจถึงของหัวหน้าคณะแอ่นแอ๊นที่เป็นนายกฯ
บ้านเมืองเราจึงมีทั้งเจตนา วัตถุประสงค์ชัดเจน และเจตนาแฝงเร้นผลประโยชน์
เจตนารมณ์ที่ไม่ประกาศให้ชาวบ้านรับรู้ คือคณะคุณท่านต้องได้อยู่ยาว 3-4 ปี ถ้าเป็นไปได้ โดยเอาปัญหารัฐธรรมนูญไม่สมบูรณ์ ร่างไม่เสร็จ หรือเสร็จแล้วไม่ผ่านโดย สปช. หรือประชามติเป็นตัวช่วยยื้อ เพราะ “ถ้าเสี่ยงแอ่นแอ๊นทั้งที ต้องอยู่ยาวให้คุ้ม”
วันที่ 22 เดือนนี้ครบปฏิบัติการณ์แอ่นแอ๊น มองย้อนกลับไป ที่สำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันคือการออกกฎหมายควบคุมการชุมนุมกดหัวทั้งคนดีและคนชั่วไม่ให้โงหัว เปิดปากโวยวายรวมตัวชุมนุมประท้วงในรูปแบบต่างๆ ชาวบ้านจะดิ้นรนเรื่องปากท้องก็ไม่ได้
นี่คือความเสมอภาคที่น่าหัวร่อ กฎหมายแบบนี้ผ่านโดยคณะ สนช. ที่ไม่ได้เป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย เข้ามากินเงินเดือนแสนกว่าบาท เพราะการเมืองวิบัติ นักการเมืองกินเมืองทำให้เกิดรัฐประหาร แต่ก็ไม่ใช้อำนาจรัฐประหารจัดการกับนักการเมืองชั่วร้าย
มองย้อนหลัง การรัฐประหารทุกครั้งไม่เคยเอานักการเมืองชั่วกังฉินกินเมืองติดคุก มีแต่ฉีกรัฐธรรมนูญ ทั้งๆ ที่รัฐธรรมนูญไม่เคยมีปัญหา ประชาชนไม่เคยล้มล้าง ฉีกรัฐธรรมนูญ มีแต่นักการเมืองพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น
ครั้งล่าสุด พยายามหาเล่ห์กลแก้ไข อยู่ในสภาฯ จนตี 3-4 ชาวบ้านต้องขับไล่ ออกมาหลายล้านคนชุมนุมนานกว่า 7 เดือน นักการเมืองหน้าด้านกะโหลกหนายังไม่ยอมออก อ้างว่าต้องอยู่ตามกฎหมาย เปิดช่องให้ทหารทำรัฐประหารฉีกรัฐธรรมนูญอีก
การร่างรัฐธรรมนูญจึงเป็นกระบวนการที่จำเป็นประกอบพิธีกรรมจนเป็นมหกรรม สร้างเวรกรรมให้บ้านเมือง มีนักการเมืองกังฉินชั่วร้ายหน้าเดิมจ้องมองดูว่ากฎ กติกาใหม่จะเอื้อและอวยต่อการระดมทุนซื้อเสียงเข้ามากุมอำนาจรัฐโกงกินได้อีกรอบหรือไม่
ทุกวันนี้ยังปากดี ติติงรัฐธรรมนูญ จนชาวบ้านรู้สึกว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่จะไม่มีใครต้องการ แต่ สปช. จำเป็นต้องผ่านเพราะเป็นผลงานของกลุ่มตัวเอง แต่เอาไปให้ประชามติไม่ผ่าน ซึ่งส่วนหนึ่งถูกกำกับ ชี้นำโดยเครือข่ายกลุ่มการเมืองข่ายสามานย์
นักการเมืองภาคเหนือ อีสาน ภาคกลาง และภาคไต้ก็ไม่เอา แล้วใครจะเอา อีกทั้งคณะคุณท่านนักแอ่นแอ๊นก็ไม่เอา เพราะจะเป็นช่องให้หาเรื่องแต่งฉบับใหม่ ยื้อเวลาลากยาวไปได้อีก 2-3 โน่น นี่ก็บอกแล้วว่าจำเป็นต้องปรับเลื่อนโรดแหม็บๆ ออกไปด้วย
การที่รัฐธรรมนูญไม่ผ่านโดยประชามติ จะมีหน้าไหนแสดงความรับผิดชอบบ้างสำหรับการร้อนวิชา หาโมเดลรูปแบบต่างๆ ผลสุดท้ายไม่มีใครต้องการ จะคืนเงินเดือนมั้ย เพื่อแสดงให้เห็นว่าผลงานของพวกตัวเองใช้ไม่ได้ เป็นสิ่งไม่พึงประสงค์อย่างยิ่ง
เริ่มมีการพูดถึงการเลือกตั้งที่อาจมีในปี 2560-61 โน่น ถ้าพิธีกรรมจำเป็นต้องมีขึ้นเพื่อให้ครบกระบวนการเต็มขั้นตอนของการยื้อ ยืดเยื้อ ให้เวลานักการเมืองทำใจ โดยนักการเมืองนกรู้ก็ซึ้งแบบซึมลึกอยู่แล้วว่าช่วงนี้ให้ทำอาชีพอื่นสร้างรายได้ไปก่อน
ถ้าร้องเอะอะโวยวายเรื่องเยอะ จะโดนเงื่อนไขมัวหมองเรื่องยุบพรรคมาปิดช่องทางไม่ให้เข้าสู่การเมืองชั่วนิรันดร์ เพราะมีพฤติกรรมชั่วอันเป็นนิรันดรนั่นเอง
ล่าสุด มี 4 ประเด็นหลักเป็นทางเลือกสำหรับทะลวงผ่าทางตันเพื่อให้บ้านเมืองนี้ต้องได้รัฐธรรมนูญประดับประเทศ ไม่ว่าจะต้องใช้เวลายื้ออีกนานกี่ปี ร่างแต่งใหม่กี่ครั้ง หรือถ้าจนปัญญาก็จะกล้อมแกล้มหาทางออก โดยเอาฉบับเก่าอันใดมาปัดฝุ่นใช้แทน
นั่นหมายความว่าการแต่งตั้ง สปช. และกรรมาธิการเพื่อแต่งรัฐธรรมนูญฉบับที่ 21 เป็นพิธีกรรมจำเป็นของการสิ้นเปลืองเวลา งบประมาณ สมเจตนาของการล้มลุกคลุกคลานของประชาธิปไตยแบบไทยๆ ซึ่งต้องมีมหกรรมแอ่นแอ๊นเพื่อผ่าทางตันเสมอ
ทุกวันนี้ยังมีเสียงซุบซิบร่ำลือกันว่า อาจจะยังมีมหกรรมแอ่นแอ๊น “ซ้ำ” หรือ “ซ้อน” เพื่อจัดการปัญหาเรื้อรัง และทะลวงให้เส้นทางโปร่งโล่งเพื่อให้ขุมอำนาจใหม่แทรกเข้ามา ถ้าไม่ติดปัจจัยว่าคณะที่เคยแอ่นแอ๊นร่วมก่อนหน้านี้ออกอาการอิดออด
ใครยังไม่เบื่อหน่ายกับมหกรรมจำเจ ควรถ่างตา เตรียมใจ เผื่อมีอะไรสนุกๆ อีก เชื่อเถอะ บ้านนี้เมืองนี้ต้องมีรัฐธรรมนูญ ไม่อย่างนั้นคณะนักแอ่นแอ๊นไม่มีอะไรจะฉีก