ตามชื่อเรื่องข้างบน ต้องขออธิบายก่อนว่า ร้านนี้ทำให้หัวใจสั่นได้อย่างไร อย่างแรกเลยคือ ร้านนี้เป็นร้านกาแฟ ซึ่งกาแฟที่ได้ดื่มเข้าไป ก็ทำให้หัวใจสั่นได้อย่างไม่ยากเย็น อีกส่วนหนึ่งที่ทำให้หัวใจสั่นได้ นั่นก็คือ บาริสต้าหล่อล่ำที่พร้อมต้อนรับขับสู้อยู่ทุกชั่วขณะ เมื่อทีมข่าวของเราก้าวย่างเข้าไปในร้านแห่งนี้ โดยร้านดังกล่าวมีชื่อว่า 10thirty café
ที่ตั้งชื่อ 10thirty café ก็เพราะว่า คนเราจะรับกาแฟได้ดีที่สุด ก็คือช่วงเวลาประมาณ 10:30-12:30 น. ซึ่งชื่อนี้เองก็เป็นชื่อที่จำได้ง่าย และทำให้เจ้าของร้านเลือกใช้ชื่อนี้เป็นชื่อร้านของตัวเอง
โดยพอทีมข่าวเดินเข้าไป ก็ปะทะได้ถึงความเย็นในทุกอณูของร้าน เพราะว่าร้าน 10thirty café ตกแต่งให้โปร่ง และเครื่องปรับอากาศสามารถแผ่กระจายไอเย็นได้อย่างเต็มที่ และร้านนี้ตกแต่งด้วยสไตล์แบบลอฟต์ คือแข็งแกร่งแต่เรียบง่าย โทนสีออกดำ-ขาว ผสมกับผนังและปูนเปลือยสะอาดตา ทำให้ผู้ที่เข้ามาใช้บริการชื่นชอบและถ่ายรูปเก็บไว้เป็นจำนวนมาก
เมื่อเข้ามาด้านในร้าน ทีมข่าว Feel Good ไม่ขอพูดพร่ำทำเพลง สั่งอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของร้านโดยทันที อย่างแรกที่ทางร้านแนะนำเลยก็คือ Oven Bake Chicken & Black Rice หรือข้าวสีนิลเสิร์ฟพร้อมกับไก่อบแสนนุ่ม เพียงแค่ได้รับประทานเข้าไป ก็รู้สึกได้ถึงความประณีตในการอบไก่ของพ่อครัว เพราะไก่นุ่มชุ่มน้ำมากๆ
ต่อไปคือ Ham Salad with Honey Mustard Dressing หรือสลัดแฮมเสิร์ฟมากับน้ำสลัดผสมน้ำผึ้ง ที่เมื่อได้รับประทานเข้าไป คุณจะรู้สึกสดชื่นและตื่นตัวขึ้นมาทันที และสุดท้ายกับเมนู Tuna Melt หรือขนมปังทูน่าอบชีส ซึ่งถ้าใครชอบทูน่าเป็นพิเศษ เมนูนี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง
ถึงคราวเจ้าของร้านเปิดใจ
นอกจากอาหารแสนอร่อยแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทีมข่าว Feel Good ไม่พูดคุย เห็นทีจะไม่ได้เลย นั่นก็คือ เจ้าของร้าน 10thirty café อย่าง คุณนุ้ย - กริสศิริ จูงศิริวัฒน์ ผู้ก่อร่างร้านและสร้างปรากฏการณ์บาริสต้าโมเดลขึ้นมา เธอกล่าวกับทีมข่าวว่า เหล่าบาริสต้าไม่ใช่สิ่งแรกที่นึกถึงเวลาทำร้านกาแฟ แต่เป็นพื้นที่ตั้งและกาแฟที่นึกถึงก่อนเป็นอันดับแรก
“จริงๆ แล้ว บาริสต้าเป็นเพียงส่วนเสริมของร้านเท่านั้น สิ่งแรกที่คำนึงถึงก่อนเลยคือ พื้นที่และสถานที่ที่เหมาะสมในการเปิดร้าน และรสชาติกาแฟที่เข้มข้นแบบถึงรสถึงชาติ ซึ่งทางร้านก็คัดสรรกันอย่างเต็มที่ ส่วนบาริสต้า พอดีว่า นุ้ยทำงานด้านออแกไนซ์อยู่ และเหล่าบาริสต้า คือบุคลากรที่อยู่ใกล้ตัวเรา จึงชักชวนมาทำร่วมกัน อีกทั้งมีน้องคนหนึ่งไปร่ำเรียนทางด้านนี้มา ก็เลยคิดว่า น่าสนใจที่จะทำงานร่วมกัน”
ร้านกาแฟถือเป็นเรื่องใหม่มากในชีวิตของเธอ แต่คุณนุ้ยเองก็ไม่ได้กลัวกับการลงทุนตรงนี้แต่อย่างใด
“นุ้ยเป็นคนค่อนข้างตัดสินใจอะไรเร็ว เมื่อชอบอะไรแล้ว ก็ลงมือทำเลย เพราะถ้ามัวแต่ศึกษาเยอะ รับรองได้ว่าไม่ได้ทำแน่ๆ แต่ในแง่ของธุรกิจ ถ้าถามว่า สถานการณ์ตอนนี้น่ากลัวไหมสำหรับธุรกิจตรงนี้ ค่อนข้างน่ากลัวอยู่เหมือนกัน แต่นุ้ยอาศัยความเชื่อหลายๆ อย่างประกอบกัน
“หนึ่งคือ เชื่อในเรื่องของพื้นที่เปิดร้าน สองคือ เชื่อว่ากลุ่มเป้าหมายในพื้นที่นี้ ยังไม่มีร้านกาแฟในลักษณะแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษา คนทำงาน แม้กระทั่งครอบครัวก็ตาม ซึ่งต้องยอมรับว่า ร้าน 10thirty café มีเป้าหมายที่ค่อนข้างกว้างมาก และมีหลายกลุ่มเป้าหมาย ตั้งแต่เด็กไปจนถึงผู้ใหญ่”
อย่างไรเสีย ร้านนี้ก็ไม่พ้นเสียงลือเสียงเล่าอ้างอยู่ดี เพราะหลายๆ คนมักจะบอกกันว่า ร้าน 10thirty café ขายความหล่อล่ำของบาริสต้ามากกว่าขายกาแฟเสียด้วยซ้ำไป
“ในมุมหนึ่งถือเป็นเรื่องดี ทำให้ลูกค้าสนใจและรู้จักร้านในเวลาอันรวดเร็ว แต่จริงๆ แล้ว นุ้ยอยากให้ผู้มาใช้บริการพุ่งเป้าไปที่รสชาติของกาแฟมากกว่า และมองน้องๆ เหล่าบาริสต้าเป็นสีสันและส่วนเสริมของร้าน เพราะร้านที่ขึ้นชื่อว่า café อย่างไรเสียก็ต้องอยู่ได้ด้วยอาหาร เครื่องดื่ม และบริการที่ต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก ไม่ใช่หน้าตา โดยเราไม่อยากให้ใครมาพูดว่า ร้านนี้ขายแต่หน้าตาเพียงอย่างเดียว รสชาติกาแฟไม่ได้เรื่องเลย ไม่อยากให้มองเป็นแบบนั้น อยากให้ลูกค้ากลับมาที่นี่อีกครั้ง เพราะอาหาร เครื่องดื่ม และบริการที่เราทำออกไป”
ร้าน 10thirty café มีความท้าทายหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น การขนบาริสต้ากันมาอย่างเนืองแน่น รวมถึงเปิดร้านแบบน็อนสต็อป 24 ชั่วโมง ซึ่งแน่นอนว่า ลูกค้าจะต้องหลั่งไหลเข้ามาใช้บริการเป็นอย่างมาก ในสายตาของคุณนุ้ยมองว่า เป็นเรื่องที่น่ายินดี และตัวเองก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
“อยากให้ทุกคนในร้านใช้ความสามารถของตัวเองอย่างเต็มที่ จัดร้านให้ดำเนินการได้ตลอด 24 ชั่วโมงเต็มเวลา ตอนที่ร้านยังอยู่ในช่วงระหว่างทดลอง เปิดร้านไปได้ไม่ถึง 10 วัน ลูกค้าเข้ามาใช้บริการเยอะมาก ซึ่งในช่วงแรก ต้องขอยอมรับเลยว่า อาจมีขลุกขลักบ้าง ถึงขนาดบอกผ่านโซเซียลมีเดีย หรือคุยกับลูกค้าตัวต่อตัวว่า ขอโทษด้วย อาจจะมีติดขัดบ้างเล็กน้อย แต่ลูกค้าก็ยังพึงพอใจในบริการของเรา ซึ่งนุ้ยเชื่อว่า ความสำเร็จเหล่านั้น เกิดมาจากความตั้งใจที่เรามอบให้กับลูกค้า และไม่คิดเลยว่า การตอบรับของลูกค้าจะรวดเร็วถึงขนาดนี้
“เมื่อทำงานไปได้สักระยะและร้านเริ่มเข้าที่เข้าทาง ก็รู้สึกดีใจและภูมิใจกับความพยายามของทุกคน และยกเครดิตให้กับทุกคนในร้านที่ช่วยเหลือกันอย่างเต็มที่”
ประสบความสำเร็จแบบนี้ ทีมข่าว Feel Good เลยขอกระแซะถามคุณนุ้ยว่า จะมีร้าน 10thirty café สาขา 2 หรือไม่ คุณนุ้ยบอกกับทีมข่าวว่า เป็นเรื่องที่กำลังคิดอยู่ ณ ตอนนี้
“เนื่องจากกระแสตอบรับดี เราจึงมองและคุยกับหุ้นส่วนว่า น่าจะทำสาขา 2 แต่ทีนี้ต้องขึ้นอยู่กับพื้นที่ว่า เราสามารถหาได้หรือไม่ ถามว่า อยากทำเลยไหม ค่อนข้างอยากจะทำเลย แต่ด้วยพื้นที่ที่หาอยู่ ยังไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร ซึ่งถ้าพื้นที่ที่หาไม่รู้สึกว่า ใช่จริงๆ ก็คงไม่รีบร้อนที่จะทำ เพราะอย่างที่บอกไปในตอนต้น พื้นที่เปิดเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด”
ถึงเวลาบาริสต้าออกโรง
บุกร้านกาแฟทั้งที สัมภาษณ์แต่เจ้าของร้าน เห็นทีจะไม่เต็มอิ่ม งานนี้ทีมข่าว Feel Good ขอพ่วงสัมภาษณ์หัวหน้าบาริสต้าของที่นี่ไปด้วยอีกคน โดยบาริสต้าคนดังกล่าวมีนามอันเป็นเอกลักษณ์ว่า คุณมารีออนเปาโลลาร่า ศักดิ์โสภิน หรือถ้าให้แทนตัวเองสั้นๆ เขาเรียกตัวเองว่า มารีออน
มารีออนเล่าให้ทีมข่าวฟังว่า ก่อนที่จะมาเป็นบาริสต้า ตัวเขาเป็นนายแบบเดินแบบและถ่ายโฆษณาอยู่ก่อนแล้ว แต่ด้วยความที่เขานั้นเป็นคนที่ชอบดื่มกาแฟโดยส่วนตัว จึงทำให้มารีออนเลือกที่จะศึกษาและค้นคว้าเรื่องกาแฟอย่างจริงจัง และออกตัวไปเรียนทำกาแฟด้วยตัวเอง เพื่อมาเป็นบาริสต้าให้กับร้าน 10thirty café แห่งนี้ แต่ทีมข่าวเองก็ยังรู้สึกอยู่ดีว่า วงการนายแบบกับวงการร้านกาแฟดูเป็นสิ่งที่ขัดกันอย่างแรง
“จริงๆ แล้ว ทั้ง 2 วงการคือการบริการเหมือนกันทั้งคู่ เป็นการเปิดเผยตัวตนออกสู่สาธารณะ เป็นการปล่อยความรู้สึกที่มีอยู่ในตัว (inner) ออกไป แถมยังเป็นการมอบความสุขให้กับคนอื่นอีกด้วย เช่น เวลาเดินหรือถ่ายแบบ ผมก็ทำให้ผู้ชมมีความสุข หรือเวลาที่ทำกาแฟออกมาสักแก้วหนึ่ง ลูกค้าไม่ต้องชมว่าอร่อย แค่ลูกค้าดื่มแล้วมีความสุข ผมก็มีความสุขแล้ว”
กว่าที่จะได้รับความสุขจากลูกค้าอย่างทุกวันนี้ มารีออนต้องผ่านจุดยากและปัญหาต่างๆ มาก่อน ซึ่งอุปสรรคที่บาริสต้ามารีออนเจอ เป็นเรื่องของการควบคุมตัวเองให้อยู่
“มีอยู่ช่วงหนึ่งที่ทำอะไรไม่เป็นเลย และวันหนึ่งเกิดทำได้ขึ้นมา นั่นจึงทำให้ผมสนุกกับการเป็นบาริสต้ามากขึ้น และอยากที่จะทำต่อไปเรื่อยๆ อีกทั้ง ความมั่นใจ ในตัวของผมก็เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งความมั่นใจนี่แหละเป็นอุปสรรคชิ้นสำคัญ เพราะว่า ความมั่นใจ กับ ความเหลิง นี่แตกต่างกันเพียงแค่นิดเดียว
“คือความมั่นใจที่ทำให้เหมือนเดิมได้ทุกครั้ง กับความเหลิงที่อยากจะลองเปลี่ยนสิ่งต่างๆ ดู ซึ่งบางทีอาจจะออกมาดีหรือไม่ดีก็ได้ แต่สิ่งนั้นต้องไม่ใช่สิ่งที่ลูกค้าจะได้รับ ฉะนั้นผมต้องควบคุมตัวเองให้ได้ว่า จะไม่ทำในสิ่งที่ไม่ใช่มาตรฐานออกไปให้กับลูกค้าเด็ดขาด”
บาริสต้าร้าน 10thirty café ทุกคนมีกฎเหล็กที่จะต้องปฏิบัติ มารีออนก็เช่นเดียวกันที่จะต้องปฏิบัติตามกฎเหล็กนั้น คือใส่ใจเรื่องรสชาติกาแฟให้มากที่สุด โดยความเข้มงวดนี้ บาริสต้าทุกคนในร้านต้องเคร่งครัดเป็นพิเศษ
“ห้ามปล่อยเครื่องดื่มออกไปโดยที่ยังไม่ได้ชิม เพราะถ้าเกิดบาริสต้าดื่มไม่ได้ ลูกค้าก็ดื่มไม่ได้เช่นกัน เมื่อทำกาแฟออกมารสชาติขมและฝาด ขนาดบาริสต้าเองยังรู้สึก แน่นอนว่า ลูกค้าก็จะต้องไม่ชอบ ฉะนั้นบาริสต้าที่นี่จะทำกาแฟแก้วใหม่ให้ลูกค้าโดยทันที ถ้าลูกค้าท่านนั้นไม่ชอบรสชาติกาแฟที่ส่งออกไป”
เมื่อพูดถึงเรื่องชงกาแฟ มีหรือที่ทีมข่าว Feel Good จะพลาด เราเลยร้องขอบาริสต้ามารีออนแสดงฝีมือให้ดูสัก 1-2 แก้ว โดยทางมารีออนออกปากเองว่า จะชงให้ดูทั้งร้อนและเย็นเลย ไม่ทันขาดคำ เขาก็ประจำที่โดยทันที หยิบจับอุปกรณ์และเครื่องมืออย่างคล่องแคล่ว จนได้กาแฟร้อนอย่าง Hot Mocha ออกมา กลิ่นกาแฟหมุนตลบอบอวลไปทั่วร้าน และสัมผัสที่ได้จากกาแฟก็แสนจะนุ่มลิ้น
แต่ถ้าใครไม่ชอบของร้อน ร้าน 10thirty café ก็มีของเย็นคอยให้บริการ อย่างกาแฟเย็น Black Honey แก้วนี้ที่ใครได้ชิม ต่างก็ต้องติดใจรสชาตินี้กันเป็นแถว ขณะที่เขาชง ทีมข่าวก็ขอชวนคุยไปด้วยว่า บาริสต้าของที่นี่ดูกันที่หน้าตาหรือฝีมือก่อนเป็นอันดับแรก
“ไม่ได้ดูที่หน้าตาหรือฝีมือเลย เพราะทุกคนเริ่มต้นจากศูนย์หมด เหมือนที่ผมก็เริ่มต้นจากศูนย์เหมือนกัน แต่อยู่ที่ความตั้งใจและใส่ใจของแต่ละคนมากกว่า บางคนทำได้ในตอนต้น แต่ผลสุดท้ายปรุงรสชาติออกมา อาจจะไม่ได้ หรืออย่างบางคนค่อยๆ ทำแบบช้าๆ แต่สุดท้ายรสชาติได้ก็มีเหมือนกัน
“ดังนั้นความใส่ใจที่ต้องการจะให้รสชาติออกมาดีที่สุด คือสิ่งที่เราจะคัดกันมากกว่า แล้วส่วนที่เหลือก็คือ ฝึกให้เขาทำได้เร็วขึ้น ถูกต้อง และแม่นยำต่อไป”
เท่าที่ทีมข่าวสำรวจมาเกี่ยวกับร้าน 10thirty café ลูกค้ามักเลือกใช้บริการ เพราะว่าความหล่อของบาริสต้ามากกว่ารสชาติของกาแฟที่ดื่มเข้าไป ในฐานะที่มารีออนเป็นบาริสต้าของที่นี่ น่าจะมีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจกันบ้าง
“ไม่เลย เพราะคอนเซ็ปต์ของพวกเรา คือกลุ่มนายแบบอยู่แล้ว ถ้าเกิดว่า บุคลิกภาพของคนชงกาแฟออกมาโดยที่มีพื้นฐานดีอยู่แล้ว รสชาติที่ลูกค้าตัดสินออกมา ก็จะอยู่ในเกณฑ์ดี ถ้าเกิดพวกผมไว้หนวดเครา หน้าเหมือนโจร แล้วมายืนชงกาแฟ เขาก็อาจจะเป็นห่วงว่า กาแฟแก้วนี้สะอาดหรือเปล่า
“บุคลิกภาพและความสะอาดของคนชงกาแฟ จึงเป็นสิ่งสำคัญ อย่างน้อยลูกค้าเขาจะต้องคิดแล้วว่า รสชาติของกาแฟแก้วนี้จะต้องออกมาสะอาดแน่นอน”
สังเกตได้จากรอยยิ้มเวลาตอบคำถาม มารีออนดูมีความสุขมากๆ กับสิ่งที่เขาทำอยู่ ซึ่งตัวมารีออนเองก็ยอมรับกับทีมข่าวว่า รักในอาชีพบาริสต้าแบบหมดหัวใจ
“เรียกว่าเสพติด (addict) เลยดีกว่า (หัวเราะ) เพราะว่าเพื่อนผมทุกคน เขาจะรู้เลยว่า ผมใส่ใจและมุ่งมั่นเรื่องของกาแฟมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าเกิดมีความรู้ใหม่ๆ หรือมีคลาสที่สอนทำหรือชิมกาแฟ ผมก็จะไปเรียนตลอด แล้วก็มาแนะแนวหรือไกด์ไลน์เพื่อนๆ ฟัง ฉะนั้นแล้ว อาชีพบาริสต้าที่ผมทำ มันยิ่งกว่าคำว่า ‘รัก’ ไปมากทีเดียว”
ก่อนที่มารีออนจะต้องไปดูแลลูกค้าต่อ ทีมข่าวอยากรู้ว่า เครื่องดื่มที่เรียกว่า กาแฟ มีเสน่ห์อย่างไรในความคิดของมารีออน คำตอบที่ได้มา ทำให้เห็นถึงความตั้งใจในการเป็นบาริสต้าของชายหนุ่มคนนี้อย่างแท้จริง
“คนทั่วไปจะคิดแค่ว่า กาแฟมีแค่รสขมเพียงอย่างเดียว แต่กาแฟในความเป็นจริง มีทั้งรสเปรี้ยว หวาน เค็ม และเผ็ด แตกต่างกันออกไป อยู่ที่ว่าผู้ดื่มจะรับรสนั้นได้หรือไม่ และเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละแก้วที่ไม่มีใครเลียนแบบได้”
สาวๆ ที่รักการดื่มกาแฟ และต้องการมีอาหารตาขณะดื่ม
ร้าน 10thirty café ยินดีให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง
แล้วคุณจะหัวใจสั่นเหมือนกับเรา...
10thirty café
The unique coffee, food&pastry
ชั้น 2 Meeting Point (ปากซอยพหลโยธิน30)
โทรศัพท์ : 0-2939-4467
Facebook : www.facebook.com/10thirtycafe
IG : 10thirtycafe
เรื่องและภาพโดย : ยุทธชัย สว่างสมุทรชัย