ASTV ผู้จัดการรายวัน – แรงขายหุ้นพลังงานฉุดดัชนีรูดกว่า 21 จุด แรงซื้อกลับหุ้นแบงก์ไม่ช่วยพยุง นักวิเคราะห์ระบุแม้มีสัญญาณ Oversold ระยะสั้น แต่ด้วยภาพรวมยังขาดปัจจัยบวกที่โดดเด่น ทำให้การฟื้นตัวขึ้นของดัชนียังมีจำกัด แนะเน้นหุ้นที่ได้รับผลดีจากค่าเงินบาทที่อ่อนค่า กลุ่มส่งออก ท่องเที่ยว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดตลาดวันที่ 7 พฤษภาคม 2558 ที่ 1,498.31 จุด ลดลง 21.57 จุด เปลี่ยนแปลง -1.42% มูลค่าการซื้อขาย 45,958.60 ล้านบาท โดยดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,521.86 จุดและต่ำสุดที่ 1,498.31 จุด
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. ยอมรับว่าหากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ตลาดหลักทรัพย์ฯ อาจส่งผลต่อภาพรวมการลงทุนในไตรมาสที่ 2 /2558
“ซณะนี้อยู่ระหว่างรอการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เทียบจากผลประกอบการของครึ่งปีหลัง 2557 และผลประกอบการของหุ้นกลุ่มธนาคารที่ทยอยประกาศผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนอื่นๆคาดว่าจะเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการออกมาในช่วงวันที่ 15 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งถ้าหากผลประกอบการของกลุ่มธนาคารมีการปรับอ่อนตัวลง อาจทำให้นักลงทุนปรับประมาณการในการลงทุนลดน้อยลง” นางเกศรา กล่าว
กรรมการและผู้จัดการ ตลท. ยังคาดหวังการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล รวมถึงการรปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะมีส่วนกระตุ้นผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในช่วงครึ่งปีหลังให้ปรับตัวดีขึ้น
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ธนชาต สรุปทิศทางดัชนีวานนี้ตลาดถูกกดดันด้วยแรงขายหุ้นพลังงาน นำโดย TOP , IRPC คาดว่าเป็นการขายเพื่อทำกำไรเปลี่ยนกลุ่มมาซื้อหุ้นธนาคารที่ปรับตัวลงมากแล้วในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยพบว่ามีแรงซื้อหุ้น KBANK, SCB, KTB จากนั้นช่วงบ่ายแรงขายหุ้นกระจายตัวเพิ่มขึ้น และขายเป็นรายตัวเช่น TRUE, TASCO , ADVANC ส่งผลให้ดัชนีไม่สามารถฟื้นกลับขึ้นไปเหนือระดับ 1520 จุดได้ แต่ปรับตัวลงต่อหลุดแนวรับย่อย 1513-15 จุด เป็นจังหวะขายเพื่อลดความเสี่ยงตลาดแนวโน้มขาลง โดยที่ดัชนี SET มีเป้าหมายทางเทคนิคลงไปทดสอบจุดต่ำสุดเดิมที่ 1,485 จุด
“โดยภาพรวมตลาดยังอยู่ในทิศทางแกว่งตัวลง Oversold ในระยะสั้น จากการถูกกดดันจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังไม่สดใส ซึ่งจะทำให้เกิดการปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนลง อย่างไรก็ตามด้วยสภาพคล่องที่ค่อนข้างสูงในระบบ น่าจะทำให้ SET มีเทคนิเคลรีบาวน์ได้ สำหรับพอร์ตลงทุน เรายังแนะนำให้รอสะสมหุ้นที่ระดับ 1480 จุด” นักวิเคราะห์ กล่าว
สอดคล้องกับบล.กสิกรไทย ระบุ ตลาดฯ น่าจะซึมซับปัจจัยลบจากต่างประเทศทั้งวิกฤตหนี้กรีซและถ้อยแถลงเชิงลบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นของนางเจเน็ต เยเลน ประธาน Fed ไปพอสมควรแล้ว ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นเหนือ 1,510 จุด ด้วยแรงหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ซึ่งราคาหุ้นถอยลงมาอยู่ในระดับที่ค่อนข้างน่าสนใจในเชิงมูลค่า ประกอบกับการฟื้นตัวกลับขึ้นมาของหุ้นในกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันโลกที่มีโอกาสพลิกกลับมาเป็นบวก อย่างไรก็ตาม เรายังมองการฟื้นตัวจำกัด โดยคงกรอบสัปดาห์ที่ 1,500-1,540 จุด
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ยังแนะนำ ระมัดระวังต่อภาพรวมตลาดหุ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายนยังมีโอกาสหลุด 1,500 จุด โดยประเมิน downside ที่ 1,480 จากปัจจัยเสี่ยงเรื่องการปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนหลังงบไตรมาส 1/58 การฟื้นตัวที่ล่าช้าของเศรษฐกิจอาจกดดันการปรับลดประมาณการ GDP ปี 58 และความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed พร้อมกันนี้แนะกลยุทธ์การลงทุน ควรเก็งกำไรในกรอบ 1,500-1,540 จุด โดยใช้ 1,500 เป็นจุด stop loss หรือชะลอการซื้อ เน้นเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยบวก ส่วนนักลงทุนระยะยาว แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานรายตัวเมื่อปรับถอย โดยเฉพาะการหลุดต่ำ 1,500 จุด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยปิดตลาดวันที่ 7 พฤษภาคม 2558 ที่ 1,498.31 จุด ลดลง 21.57 จุด เปลี่ยนแปลง -1.42% มูลค่าการซื้อขาย 45,958.60 ล้านบาท โดยดัชนีแตะจุดสูงสุดที่ 1,521.86 จุดและต่ำสุดที่ 1,498.31 จุด
นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. ยอมรับว่าหากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ตลาดหลักทรัพย์ฯ อาจส่งผลต่อภาพรวมการลงทุนในไตรมาสที่ 2 /2558
“ซณะนี้อยู่ระหว่างรอการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ เทียบจากผลประกอบการของครึ่งปีหลัง 2557 และผลประกอบการของหุ้นกลุ่มธนาคารที่ทยอยประกาศผลประกอบการในไตรมาสที่ 1 ที่ผ่านมา ขณะที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนอื่นๆคาดว่าจะเริ่มทยอยประกาศผลประกอบการออกมาในช่วงวันที่ 15 พฤษภาคมนี้เป็นต้นไป ซึ่งถ้าหากผลประกอบการของกลุ่มธนาคารมีการปรับอ่อนตัวลง อาจทำให้นักลงทุนปรับประมาณการในการลงทุนลดน้อยลง” นางเกศรา กล่าว
กรรมการและผู้จัดการ ตลท. ยังคาดหวังการลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาล รวมถึงการรปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะมีส่วนกระตุ้นผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในช่วงครึ่งปีหลังให้ปรับตัวดีขึ้น
ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ธนชาต สรุปทิศทางดัชนีวานนี้ตลาดถูกกดดันด้วยแรงขายหุ้นพลังงาน นำโดย TOP , IRPC คาดว่าเป็นการขายเพื่อทำกำไรเปลี่ยนกลุ่มมาซื้อหุ้นธนาคารที่ปรับตัวลงมากแล้วในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยพบว่ามีแรงซื้อหุ้น KBANK, SCB, KTB จากนั้นช่วงบ่ายแรงขายหุ้นกระจายตัวเพิ่มขึ้น และขายเป็นรายตัวเช่น TRUE, TASCO , ADVANC ส่งผลให้ดัชนีไม่สามารถฟื้นกลับขึ้นไปเหนือระดับ 1520 จุดได้ แต่ปรับตัวลงต่อหลุดแนวรับย่อย 1513-15 จุด เป็นจังหวะขายเพื่อลดความเสี่ยงตลาดแนวโน้มขาลง โดยที่ดัชนี SET มีเป้าหมายทางเทคนิคลงไปทดสอบจุดต่ำสุดเดิมที่ 1,485 จุด
“โดยภาพรวมตลาดยังอยู่ในทิศทางแกว่งตัวลง Oversold ในระยะสั้น จากการถูกกดดันจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังไม่สดใส ซึ่งจะทำให้เกิดการปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนลง อย่างไรก็ตามด้วยสภาพคล่องที่ค่อนข้างสูงในระบบ น่าจะทำให้ SET มีเทคนิเคลรีบาวน์ได้ สำหรับพอร์ตลงทุน เรายังแนะนำให้รอสะสมหุ้นที่ระดับ 1480 จุด” นักวิเคราะห์ กล่าว
สอดคล้องกับบล.กสิกรไทย ระบุ ตลาดฯ น่าจะซึมซับปัจจัยลบจากต่างประเทศทั้งวิกฤตหนี้กรีซและถ้อยแถลงเชิงลบต่อการลงทุนในตลาดหุ้นของนางเจเน็ต เยเลน ประธาน Fed ไปพอสมควรแล้ว ทำให้ตลาดหุ้นไทยมีโอกาสฟื้นตัวขึ้นเหนือ 1,510 จุด ด้วยแรงหนุนจากการปรับขึ้นของหุ้นในกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ซึ่งราคาหุ้นถอยลงมาอยู่ในระดับที่ค่อนข้างน่าสนใจในเชิงมูลค่า ประกอบกับการฟื้นตัวกลับขึ้นมาของหุ้นในกลุ่มพลังงานตามราคาน้ำมันโลกที่มีโอกาสพลิกกลับมาเป็นบวก อย่างไรก็ตาม เรายังมองการฟื้นตัวจำกัด โดยคงกรอบสัปดาห์ที่ 1,500-1,540 จุด
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายวิเคราะห์ยังแนะนำ ระมัดระวังต่อภาพรวมตลาดหุ้นในช่วงเดือนพฤษภาคม – มิถุนายนยังมีโอกาสหลุด 1,500 จุด โดยประเมิน downside ที่ 1,480 จากปัจจัยเสี่ยงเรื่องการปรับลดประมาณการกำไรของบริษัทจดทะเบียนหลังงบไตรมาส 1/58 การฟื้นตัวที่ล่าช้าของเศรษฐกิจอาจกดดันการปรับลดประมาณการ GDP ปี 58 และความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed พร้อมกันนี้แนะกลยุทธ์การลงทุน ควรเก็งกำไรในกรอบ 1,500-1,540 จุด โดยใช้ 1,500 เป็นจุด stop loss หรือชะลอการซื้อ เน้นเก็งกำไรหุ้นรายตัวที่มีปัจจัยบวก ส่วนนักลงทุนระยะยาว แนะนำทยอยสะสมหุ้นพื้นฐานรายตัวเมื่อปรับถอย โดยเฉพาะการหลุดต่ำ 1,500 จุด
