ASTVผู้จัดการรายวัน-"สรรพากร"ประชุมร่วมตำรวจ ตรวจภาษีเครือข่ายยูฟัน พบหลักฐานมีเงินเข้าบัญชีกว่าพันล้านบาท แต่อ้างเป็นเงินรับล่วงหน้า ก่อนถูกโอนไปยังบัญชีบุคคล ระบุหากพบเงินที่ไม่มีความผิดเกี่ยวกับการฉ้อโกง จะเรียกเก็บภาษีย้อนหลังทันที ด้านตำรวจเตรียมออกหมายจับเพิ่มอีกเป็นรายที่ 15
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (6 พ.ค.) ที่กองบัญชาการปราบปรามและคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) นายประสงค์ พูลธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร พร้อมรองอธิบดี เดินทางเข้าร่วมประชุมกับ พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วยผบ.ตร. โดยมีการประชุมตรวจสอบการทำบัญชี การยื่นภาษีของบริษัทยูฟัน สโตร์ จำกัด
นายประสงค์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการตรวจค้นของตำรวจที่ผ่านมา ทางกรมสรรพากรได้ร่วมตรวจสอบด้วยมาตลอด ซึ่งพบว่าทางยูฟันได้ก่อตั้งบริษัทเมื่อปลายปี 2556 โดยแจ้งกับสรรพากรว่า ไม่มีรายได้ จึงขอไม่เสียภาษี แต่เมื่อปี 2557 มีเงินเข้ามายังบริษัทยูฟัน จำนวน 4 ล้านบาท แต่ได้อ้างว่าเป็นเงินล่วงหน้าที่กู้ยืมมาเพื่อทำธุรกิจ
นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบอีก 1 บัญชีของยูฟัน พบเงินจำนวนกว่าพันล้านบาท ที่โอนเข้ามายังยูฟัน ซึ่งอ้างว่าเป็นเงินรับล่วงหน้า เพื่อนำมาลงทุน แต่การตรวจสอบไม่พบเอกสารในการประชุมถึงการลงทุนใดๆ พบว่าโอนไปยังบุคคลธรรมดา ซึ่งกำลังตรวจสอบว่าเป็นบุคคลใดและมีความเกี่ยวข้องอย่างไรในยูฟัน
นายประสงค์ กล่าวต่อว่า ส่วนต่างของบริษัท ยูฟัน ที่หักจากสมาชิกร้อยละ 5 เพื่อจะส่งให้กับสรรพากรนั้น ไม่มีเงินดังกล่าวเข้ามายังสรรพากรแต่อย่างใด และสมาชิกนั้น ไม่มีภาระใดที่จะต้องจ่ายเงินส่วนต่างดังกล่าว การเรียกเก็บภาษีย้อนหลังของบริษัทยูฟัน ในส่วนทรัพย์สิน ที่ ปปง. ทำการยึดไปแล้วนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบที่มาของเงิน หากพบว่ามีเงินที่ไม่มีความผิดกับการฉ้อโกง สรรพากรจะเข้า เรียกเก็บภาษีย้อนหลังทันที
พล.ต.ท. สุวิระ กล่าวว่า จะออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 1 คน เป็นรายที่ 15 แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการยึดอายัดทรัพย์สินไปแล้วกว่า 800 ล้านบาท และมีผู้เสียหายที่เข้ามาแจ้งความแล้ว จำนวน 600 คน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 153ล้านบาท และอยากขอฝากให้ประชาชนรีบเดินทางเข้ามาแจ้งความ เพื่อรักษาสิทธิ์ในการรับทรัพย์คืนต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (6 พ.ค.) ที่กองบัญชาการปราบปรามและคุ้มครองผู้บริโภค (ปคบ.) นายประสงค์ พูลธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร พร้อมรองอธิบดี เดินทางเข้าร่วมประชุมกับ พล.ต.ท.สุวิระ ทรงเมตตา ผู้ช่วยผบ.ตร. โดยมีการประชุมตรวจสอบการทำบัญชี การยื่นภาษีของบริษัทยูฟัน สโตร์ จำกัด
นายประสงค์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากการตรวจค้นของตำรวจที่ผ่านมา ทางกรมสรรพากรได้ร่วมตรวจสอบด้วยมาตลอด ซึ่งพบว่าทางยูฟันได้ก่อตั้งบริษัทเมื่อปลายปี 2556 โดยแจ้งกับสรรพากรว่า ไม่มีรายได้ จึงขอไม่เสียภาษี แต่เมื่อปี 2557 มีเงินเข้ามายังบริษัทยูฟัน จำนวน 4 ล้านบาท แต่ได้อ้างว่าเป็นเงินล่วงหน้าที่กู้ยืมมาเพื่อทำธุรกิจ
นอกจากนี้ ยังมีการตรวจสอบอีก 1 บัญชีของยูฟัน พบเงินจำนวนกว่าพันล้านบาท ที่โอนเข้ามายังยูฟัน ซึ่งอ้างว่าเป็นเงินรับล่วงหน้า เพื่อนำมาลงทุน แต่การตรวจสอบไม่พบเอกสารในการประชุมถึงการลงทุนใดๆ พบว่าโอนไปยังบุคคลธรรมดา ซึ่งกำลังตรวจสอบว่าเป็นบุคคลใดและมีความเกี่ยวข้องอย่างไรในยูฟัน
นายประสงค์ กล่าวต่อว่า ส่วนต่างของบริษัท ยูฟัน ที่หักจากสมาชิกร้อยละ 5 เพื่อจะส่งให้กับสรรพากรนั้น ไม่มีเงินดังกล่าวเข้ามายังสรรพากรแต่อย่างใด และสมาชิกนั้น ไม่มีภาระใดที่จะต้องจ่ายเงินส่วนต่างดังกล่าว การเรียกเก็บภาษีย้อนหลังของบริษัทยูฟัน ในส่วนทรัพย์สิน ที่ ปปง. ทำการยึดไปแล้วนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบที่มาของเงิน หากพบว่ามีเงินที่ไม่มีความผิดกับการฉ้อโกง สรรพากรจะเข้า เรียกเก็บภาษีย้อนหลังทันที
พล.ต.ท. สุวิระ กล่าวว่า จะออกหมายจับเพิ่มเติมอีก 1 คน เป็นรายที่ 15 แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ซึ่งที่ผ่านมา ได้มีการยึดอายัดทรัพย์สินไปแล้วกว่า 800 ล้านบาท และมีผู้เสียหายที่เข้ามาแจ้งความแล้ว จำนวน 600 คน รวมมูลค่าความเสียหายกว่า 153ล้านบาท และอยากขอฝากให้ประชาชนรีบเดินทางเข้ามาแจ้งความ เพื่อรักษาสิทธิ์ในการรับทรัพย์คืนต่อไป