ASTVผู้จัดการรายวัน - "อมตะวีเอ็น"มั่นใจเข้าซื้อขายหุ้นในSET ไตรมาส 3นี้ โดยล่าช้ากว่าแผนเดิม เหตุต้องยื่นปรับปรุงข้อมูลไฟลิ่งใหม่ หลังเซ็นร่วมทุนกลุ่มต่วนเจา พัฒนาโครงการอมตะซิตี้ ฮาลอง บนพื้นที่ 3.6 หมื่นไร่ทางตอนเหนือของเวียดนาม ใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 1.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ คาดว่าจะเริ่มพัฒนานิคมฯเฟสแรกได้ปีหน้า ส่วนโครงการอมตะซิตี้ ลันถั่นเจอปัญหากฎหมายลงทุนใหม่ทำให้เสียเวลาต้องศึกษาและยื่นขอรับใบส่งเสริมฯใหม่คาดว่าจะได้รับในปลายปีนี้
นางสมหะทัย พานิชชีวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมตะ วีเอ็น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยความคืบหน้าการนำบริษัทฯเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)ว่า บริษัทกำลังยื่นปรับปรุงข้อมูลไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)คาดว่าจะเข้าซื้อขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO)ได้ในไตรมาส 3/2558ซึ่งล่าช้ากว่าแผนงานเดิมที่เคยกำหนดไว้ว่าในไตรมาส 2 นี้ เนื่องจากบริษัทมีแผนลงทุนโครงการนิคมฯใหม่แห่ง 3 ในเวียดนาม นอกเหนือจากนิคมฯที่เบียนหัว และโครงการนิคมฯที่ลันถั่น จ.ดองไน
โดยเมื่อเร็วๆนี้ กลุ่มอมตะ ได้ลงนามข้อตกลงการร่วมทุนกับกลุ่มต่วนเจา ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ท่าเรือ และแหล่งท่องเที่ยวรายใหญ่ของเวียดนามทางภาคเหนือ เพื่อเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาโครงการอมตะซิตี้ ฮาลอง โดยจะมีการพัฒนาพื้นที่เมืองอุตสาหกรรมที่มีทั้งนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค สถาบันทางวิทยาศาสตร์ การศึกษา และนิทรรศการ รวมถึงธุรกิจโลจิสติกส์บนพื้นที่ 5,789 เฮกตาร์ หรือประมาณ 36,000 ไร่ อยู่บริเวณอ่าวฮาลองในเมืองกว๋างเยนและเมืองอองบี จังหวัดกว๋างนิง การร่วมทุนในครั้งนี้ กลุ่มอมตะ จะลงทุนในสัดส่วน 70% กลุ่มต่วนเจา 30% ซึ่งการพัฒนาโครงการอมตะซิตี้ ฮาลองดังกล่าวนี้จะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 โซน ได้แก่ 1. โซนพื้นที่อุตสาหกรรม คิดเป็น 65%ของพื้นที่ทั้งหมด 2. โซนพื้นที่เขตการศึกษาและวิทยาศาสตร์ ประมาณ 25% และ3. โซนพื้นที่เขตการขนส่งและพื้นที่แสดงสินค้าประมาณ 10%
โดยเฟสแรกคาดว่าจะเริ่มดำเนินการพัฒนานิคมฯประมาณ 500 เฮกตาร์ในต้นปี 2559 หากบริษัทได้ใบรับรองการลงทุนในไตรมาส 3 นี้ หลังจากจะดำเนินการจดทะเบียนตั้งบริษัทร่วมทุน คาดว่าเฟสแรกจะพัฒนาแล้วเสร็จใน 2-3 ปีข้างหน้า หรือในปี 2561 คาดว่าใช้เงินลงทุนรวม 60 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะใส่เงินลงทุน 20%ของเงินลงทุนรวม หรือประมาณ 12 ล้านเหรียญสหรัฐ
ซึ่งทางอมตะวีเอ็นจะใส่เงินลงทุนเฟสแรก 8.5 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแหล่งส่วนใหญ่มาจากการขายหุ้นIPO ที่เหลือมาจากการกู้ยืม
นางสมหะทัย กล่าวต่อไปว่า โครงการอมตะซิตี้ ฮาลองนี้อยู่ทางตอนเหนือของเวียดนามไม่ห่างจากประเทศจีน จึงเป็นทำเลที่เหมาะสมสำหรับรองรับนักลงทุนญี่ปุ่นที่จะย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังเวียดนามเพื่อส่งออกไปจำหน่ายสินค้าที่จีนโดยอาศัยข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างประเทศอาเซียน+6
ขณะเดียวกันบริษัทฯก็อยู่ระหว่างการหาพันธมิตรร่วมทุนใหม่เพิ่มเติมโดยเล็งญี่ปุ่น เกาหลีและสิงคโปร์เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจด้วย
ทั้งนี้ โครงการพัฒนานิคมอมตะซิตี้ ฮาลองนี้จะเร็วกว่าโครงการพัฒนานิคมอมตะซิตี้ ลันถั่น จังหวัดดองไน ซึ่งมีการลงนามสัญญาร่วมลงทุนไปก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ส.ค. 2557 เนื่องจากโครงการอมตะซิตี้ ลันถั่น เป็นโครงการใหม่ยังไม่มีใบอนุญาตส่งเสริมการลงทุนทำให้ต้องใช้เวลาศึกษาและดำเนินการภายใต้กฎระเบียบการลงทุนใหม่ของเวียดนาม ขณะที่โครงการอมตะซิตี้ฮาลองนั้น บริษัทได้มีการเทคโอเวอร์นิคมฯเดิมที่นั่นมา โดยนิคมดังกล่าวได้รับใบอนุญาตการลงทุนอยู่แล้ว ทำให้บริษัทสามารถพัฒนาโครงการเฟสแรกได้เลย
อย่างไรก็ตาม อมตะ วีเอ็นมั่นใจว่าโครงการนิคมซิตี้ ลันถัน มีพื้นที่รวม 8,031 ไร่ น่าจะได้รับใบส่งเสริมการลงทุนได้ในปลายปีนี้ หลังจากนั้นจะเพิ่มดำเนินการพัฒนาโครงการนิคมฯเฟสแรกในปีถัดไป ทำให้อมตะวีเอ็นมีแผนใช้เงินลงทุนจำนวนมากในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้สำหรับงบลงทุนของกลุ่มอมตะในปีนี้ จะใช้เงินลงทุน 4.5 พันล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในเวียดนามถึง 60% ที่เหลือเป็นการลงทุนในไทย
ทั้งนี้บมจ. อมตะ วีเอ็น เตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 139.83 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 0.50 บาท โดยปี 2557 บริษัทฯมีรายได้จากการดำเนินงาน 400-500 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 200 ล้านบาท
นางสมหะทัย พานิชชีวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อมตะ วีเอ็น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยความคืบหน้าการนำบริษัทฯเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET)ว่า บริษัทกำลังยื่นปรับปรุงข้อมูลไฟลิ่งต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)คาดว่าจะเข้าซื้อขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO)ได้ในไตรมาส 3/2558ซึ่งล่าช้ากว่าแผนงานเดิมที่เคยกำหนดไว้ว่าในไตรมาส 2 นี้ เนื่องจากบริษัทมีแผนลงทุนโครงการนิคมฯใหม่แห่ง 3 ในเวียดนาม นอกเหนือจากนิคมฯที่เบียนหัว และโครงการนิคมฯที่ลันถั่น จ.ดองไน
โดยเมื่อเร็วๆนี้ กลุ่มอมตะ ได้ลงนามข้อตกลงการร่วมทุนกับกลุ่มต่วนเจา ซึ่งเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ท่าเรือ และแหล่งท่องเที่ยวรายใหญ่ของเวียดนามทางภาคเหนือ เพื่อเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนาโครงการอมตะซิตี้ ฮาลอง โดยจะมีการพัฒนาพื้นที่เมืองอุตสาหกรรมที่มีทั้งนิคมอุตสาหกรรมไฮเทค สถาบันทางวิทยาศาสตร์ การศึกษา และนิทรรศการ รวมถึงธุรกิจโลจิสติกส์บนพื้นที่ 5,789 เฮกตาร์ หรือประมาณ 36,000 ไร่ อยู่บริเวณอ่าวฮาลองในเมืองกว๋างเยนและเมืองอองบี จังหวัดกว๋างนิง การร่วมทุนในครั้งนี้ กลุ่มอมตะ จะลงทุนในสัดส่วน 70% กลุ่มต่วนเจา 30% ซึ่งการพัฒนาโครงการอมตะซิตี้ ฮาลองดังกล่าวนี้จะใช้เงินลงทุนทั้งสิ้น 1,600 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแบ่งการพัฒนาออกเป็น 3 โซน ได้แก่ 1. โซนพื้นที่อุตสาหกรรม คิดเป็น 65%ของพื้นที่ทั้งหมด 2. โซนพื้นที่เขตการศึกษาและวิทยาศาสตร์ ประมาณ 25% และ3. โซนพื้นที่เขตการขนส่งและพื้นที่แสดงสินค้าประมาณ 10%
โดยเฟสแรกคาดว่าจะเริ่มดำเนินการพัฒนานิคมฯประมาณ 500 เฮกตาร์ในต้นปี 2559 หากบริษัทได้ใบรับรองการลงทุนในไตรมาส 3 นี้ หลังจากจะดำเนินการจดทะเบียนตั้งบริษัทร่วมทุน คาดว่าเฟสแรกจะพัฒนาแล้วเสร็จใน 2-3 ปีข้างหน้า หรือในปี 2561 คาดว่าใช้เงินลงทุนรวม 60 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะใส่เงินลงทุน 20%ของเงินลงทุนรวม หรือประมาณ 12 ล้านเหรียญสหรัฐ
ซึ่งทางอมตะวีเอ็นจะใส่เงินลงทุนเฟสแรก 8.5 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยแหล่งส่วนใหญ่มาจากการขายหุ้นIPO ที่เหลือมาจากการกู้ยืม
นางสมหะทัย กล่าวต่อไปว่า โครงการอมตะซิตี้ ฮาลองนี้อยู่ทางตอนเหนือของเวียดนามไม่ห่างจากประเทศจีน จึงเป็นทำเลที่เหมาะสมสำหรับรองรับนักลงทุนญี่ปุ่นที่จะย้ายฐานการผลิตจากจีนมายังเวียดนามเพื่อส่งออกไปจำหน่ายสินค้าที่จีนโดยอาศัยข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างประเทศอาเซียน+6
ขณะเดียวกันบริษัทฯก็อยู่ระหว่างการหาพันธมิตรร่วมทุนใหม่เพิ่มเติมโดยเล็งญี่ปุ่น เกาหลีและสิงคโปร์เพื่อสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจด้วย
ทั้งนี้ โครงการพัฒนานิคมอมตะซิตี้ ฮาลองนี้จะเร็วกว่าโครงการพัฒนานิคมอมตะซิตี้ ลันถั่น จังหวัดดองไน ซึ่งมีการลงนามสัญญาร่วมลงทุนไปก่อนหน้านี้เมื่อเดือน ส.ค. 2557 เนื่องจากโครงการอมตะซิตี้ ลันถั่น เป็นโครงการใหม่ยังไม่มีใบอนุญาตส่งเสริมการลงทุนทำให้ต้องใช้เวลาศึกษาและดำเนินการภายใต้กฎระเบียบการลงทุนใหม่ของเวียดนาม ขณะที่โครงการอมตะซิตี้ฮาลองนั้น บริษัทได้มีการเทคโอเวอร์นิคมฯเดิมที่นั่นมา โดยนิคมดังกล่าวได้รับใบอนุญาตการลงทุนอยู่แล้ว ทำให้บริษัทสามารถพัฒนาโครงการเฟสแรกได้เลย
อย่างไรก็ตาม อมตะ วีเอ็นมั่นใจว่าโครงการนิคมซิตี้ ลันถัน มีพื้นที่รวม 8,031 ไร่ น่าจะได้รับใบส่งเสริมการลงทุนได้ในปลายปีนี้ หลังจากนั้นจะเพิ่มดำเนินการพัฒนาโครงการนิคมฯเฟสแรกในปีถัดไป ทำให้อมตะวีเอ็นมีแผนใช้เงินลงทุนจำนวนมากในช่วง 2-3 ปีข้างหน้านี้สำหรับงบลงทุนของกลุ่มอมตะในปีนี้ จะใช้เงินลงทุน 4.5 พันล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในเวียดนามถึง 60% ที่เหลือเป็นการลงทุนในไทย
ทั้งนี้บมจ. อมตะ วีเอ็น เตรียมเสนอขายหุ้น IPO จำนวน 139.83 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 0.50 บาท โดยปี 2557 บริษัทฯมีรายได้จากการดำเนินงาน 400-500 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 200 ล้านบาท