ผบ.ตร.ลงพื้นที่ติดตามคดีโรฮิงญา หลังออกหมายจับ 8 คนจับได้แล้ว 4 คน พร้อมนำตัวมาแถลงข่าว เผยเตรียมออกหมายจับเพิ่มโดยเฉพาะตัวการใหญ่ที่เป็นเจ้าของแคมป์ สะพัดสั่งย้าย ผบก.ภ.สตูล หลังพบสนิทตัวการใหญ่ขบวนการค้าโรฮิงญา ตชด. เด้ง5เสือสภ.ปาดังเปซาร์ ด้านรมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ. ลงจ.สงขลา ติดตามขบวนการค้ามนุษย์ชาว "โรฮิงญา" ตามบัญชานายกฯ ประกาศจัดการขั้นเด็ดขาดพวกค้ามนุษย์ จนท.ปูพรมค้นหา เผยพบหลุมศพเพิ่มอีก 3-5 หลุม ห่างจากจุดแรกที่พบศพ200เมตร ผบ.ตร.ระบุเตรียมประสานมาเลเซีย-พม่า ขยายผลจับกุมเครือข่าย
วานนี้ (4 พ.ค.) ที่สถานีตำรวจภูธรหาดใหญ่ จ.สงขลา พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร. และคณะได้ลงมาประชุมและรับฟังผลสรุปความคืบหน้าการคลี่คลายคดีแคมป์และสุสานฝังศพชาวโรฮิงญา ที่บริเวณบนยอดเขาแก้ว บ้านตะโล๊ะ หมู่ 8 ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งพบผู้เสียชีวิตทั้งหมด 26 คน รวมทั้งวางแนวทางการสืบสวนสอบสวน โดยล่าสุดได้มีการออกหมายจับผู้ต้องหาแล้วทั้งหมด 8 คนในข้อหาร่วมกันค้ามนุษย์ ร่วมกันหน่วงเหนี่ยวกักขัง ร่วมกันเรียกค่าไถ่
โดยในจำนวนนี้เจ้าหน้าที่จับกุมได้แล้ว 4 คนประกอบด้วยนายอ่าสัน หรือบังสัน อินทธนู อายุ 42 ปี สมาชิกสภาเทศบาลเมืองปาดังเบซาร์ นายร่อเอน สนยาแหละ อายุ 41 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.ปาดังเบซาร์ ทั้ง 2 คน ทำหน้าที่จัดหาเสบียง นายอาหลี ล่าเม๊าะ อายุ 47 ปี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 8 ต.ปาดังเบซาร์ ทำหน้าที่ควบคุมแคมป์ และนายซอ เนียง อานู หรืออันวา อายุ 40 ปี ชาวพม่า ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำ จ.นครศรีธรรมราช
นอกจากนี้ ยังยึดอาวุธปืนขนาด 9 มม.อีก 1 กระบอก พร้อมกระสุน 8 นัด และซองพก 1 ซอง และยังแจ้งข้อหาในอ่าสัน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก 1 ข้อหา พร้อมกับได้นำตัวผู้ต้องหาทั้ง 3 คนมาแถลงต่อสื่อมวลชน ซึ่งทั้ง 3 คน ยังให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ผบ.ตร.เปิดเผยความคืบหน้าของคดีนี้ว่า จะมีการออกหมายจับเพิ่มอีกหลายคน เจ้าหน้าที่กำลังเร่งรวบรวมพยานหลักฐาน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ หรือนักการเมืองท้องถิ่นหากพบว่าเกี่ยวข้องก็จะจับกุมทั้งหมด ส่วนผลการตรวจสอบเก็บหลักฐานภายในแคมป์เจ้าหน้าที่พบศพทั้งหมด 26 ศพ เป็นชาย 25 ศพ และหญิง 1 ศพ มีทั้งที่เสียชีวิตมาแล้วเป็นปี และเพิ่งเสียชีวิต ซึ่งชี้ว่าแคมป์แห่งนี้ถูกสร้างขึ้นมานาน ส่วนสาเหตุของการตายนั้นต้องรอผลการตรวจจากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน แต่เบื้องต้นคาดว่าตายเพราะป่วยและขาดอาหาร ซึ่งขบวนการค้ามนุษย์กลุ่มนี้เป็นอาชญากรข้ามชาติ มีทั้งไทย พม่า และมาเลเซีย ทำมาแล้วอย่างน้อย 3-4 ปี
มีรายงานจากชุดสืบสวนว่า นอกเหนือจากผู้ต้องหาที่ถูกออกหมายจับทั้ง 8 คนแล้ว เจ้าหน้าที่เตรียมออกหมายจับเพิ่มอีก 3-4 คน ในจำนวนเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ซึ่งเป็นเจ้าของแคมป์ใหญ่บนเทือกเขาแก้ว และผู้ที่เกี่ยวข้องต่อคดีนี้ส่วนใหญ่เป็นผู้กว้างขวางในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ ทั้งนักการเมืองท้องถิ่น และผู้นำท้องถิ่น และมีชาวโรฮิงญาด้วยกันเองรวมอยู่ด้วย และจากการสืบสวนพบว่า ทั้งหมดได้หลบหนีออกนอกพื้นที่ไปแล้ว
นอกจากนี้มีรายงานว่า พล.ต.ต.อำพล บัวรับพร ผบก.ภ.จว. สงขลาได้ออกคำสั่ง ภ.จว.สงขลา ที่ 0024(สข.)311(2)/1552 ลงวันที่ 3 พฤษภาคม ให้ ร.ต.ต.อารีย์ หมันสมัน รอง สวป.สภ.ปาดังฯ และ ด.ต.อัศณีย์รัญ นวลรอด ผบ.หมู่ป.สภ.ปาดังฯ ซึ่งทำหน้าที่เป็นตำรวจประจำป้อมเขารูปช้าง บ้านตะโล๊ะ ต.ปาดังฯ ไปปฏิบัติราชการที่ ศปก.ภ.จว.สงขลา ตั้งแต่วันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา
วันเดียวกัน (4 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีรายงานว่าทาง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.ได้มีคำสั่งย้ายตำรวจและตชด.รวม 6 นายให้ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ประกอบด้วย พล.ต.ต.สุนทร เฉลิมเกียรติ ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.สตูล และ 5 เสือสถานีตำรวจภูธรปาดังเบซาร์ มี พ.ต.อ.วีระสันห์ ธารเปี่ยม ผกก., พ.ต.ท.กติกา จิตบรรจง รอง ผกก.สส., พ.ต.ท.ภูวรา แก้วพารัตน์ รอง ผกก.ป. ,พ.ต.ต.ซาการียา มรรคาเขต สวป., ร.ต.อ.เกริกชัย ฉันทจิต สว.สส., รวมทั้งตำรวจตระเวนชายแดนอีก 1 นายคือ ร.ต.ท.มงคล สุโร ผบ.หมวด ตชด.437 เนื่องจากบกพร่องต่อหน้าที่จากกรณีมีการค้ามนุษย์ในพื้นที่
ผบ.ทบ.สั่งจัดการขั้นเด็ดขาด-พบหลุมศพเพิ่ม
ล่าสุดมีรายงานว่า หลังจากที่ทหารได้พูพรมตรวจค้นพื้นที่โดยรอบของเทือกเขาแก้ว ปรากฏว่าพบหลุมศพเพิ่มอีก 3-5 หลุม ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากแคมป์และสุสานฝังศพโรฮิงญาจุดแรกประมาณ 200 เมตร ซึ่งคาดว่าจะเป็นหลุมฝังศพของชาวโรฮิงญา โดยในวันพรุ่งนี่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพร้อมด้วยชุดกู้ภัยจะขึ้นไปขุดพิสูจน์อีกครั้ง
วันเดียวกันที่ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดสงขลา พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และ ผบ.ทบ. ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามความคืบหน้าในการแก้ไขปัญหาชาวโรฮิงญาในพื้นที่จังหวัดสงขลา ตามที่ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กรณีมีขบวนการลักลอบนำคนหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย โดยมีขบวนการนำแรงงานข้ามชาติมาพักตัวที่ประเทศไทย ก่อนจะส่งตัวต่อไปยังประเทศที่ 3 ซึ่งถือเป็นภัยร้ายแรง ที่รัฐบาลจะต้องเร่งแก้ไขปัญหานี้ให้ได้โดยเร็ว ไม่ให้ประเทศไทยตกเป็นเป้าหมายการค้ามนุษย์ในสายตาของนานาชาติ
พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ผบ.ทบ. กล่าวว่า จากกรณีพบหลุมศพชาวโรฮิงญาในพื้นที่จังหวัดสงขลา ตามที่ตนให้ข่าวไปก่อนหน้านี้นั้น รัฐบาลมีความตั้งใจจริงในการแก้ไขปัญหาขบวนการลักลอบนำคนหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายและขบวนการค้ามนุษย์โดยเร็วที่สุด ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังเร่งคลี่คลายคดี และจากนี้ไป รัฐบาลจะเปิดยุทธการกวาดล้างและสกัดกั้นอย่างเต็มที่ โดยจะเร่งตรวจสอบจุดอื่นๆ ต่อไป และจะเร่งกวดขันเรื่องค้ามนุษย์อย่างเข้มข้น ทั้งเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และพลเรือน โดยจะดำเนินการอย่างเด็ดขาด ไม่เกรงกลัวต่อกลุ่มอิทธิพลใด ตนได้เน้นย้ำให้กำลังพลทุกนายต้องไม่เข้าไปเกี่ยวข้องกับกระบวนการนี้ ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงานว่ามีกำลังพลคนใดเข้าไปเกี่ยวข้อง แต่ถ้าหากมีทางกองทัพก็จะไม่ปกป้อง และจะต้องดำเนินคดีตามกฎหมายโดยเด็ดขาด
ผบ.ทบ.ยังกล่าวย้ำอีกว่า รัฐบาลมีความตั้งใจอย่างเต็มที่ที่จะแก้ปัญหาขบวนการลักลอบนำคนหลบหนีเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายและขบวนการค้ามนุษย์ในประเทศไทยให้ได้ และต้องแสดงให้นานาชาติเห็นว่าเราจริงจังที่จะแก้ไขปัญหานี้ เพื่อไม่ให้ประเทศไทยตกเป็นเป้าหมายการค้ามนุษย์ในสายตาของนานาชาติ อย่างไรก็ตาม การที่จะแก้ไขปัญหานี้ให้ลุล่วงได้อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากประชานชนในพื้นที่ในการร่วมสอดส่อง เป็นหูเป็นตาให้กับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง
นายอารี อารีฟ ตัวแทนสำนักจุฬาราชมนตรี และกรรมการสภาเครือข่ายช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมสำนักจุฬาราชมนตรี ซึ่งเข้ารับฟังการแถลงข่าว ได้เสนอแนวกระบวนการจัดการต่อปัญหาชาวโรฮิงญา โดยขอให้ดำเนินคดีขั้นเด็ดหากมีมุสลิมเข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง หรือผู้นำศาสนา และให้ทางสำนักจุฬาราชมนตรี และภาครัฐเข้ามาร่วมจัดการด้านมนุษยธรรมต่อชาวโรฮิงญาทั้งที่มีชีวิต และเสียชีวิต
นอกจากนี้หลังเกิดคดีพบแคมป์และหลุมฝังศพในพื้นที่ ต.ปาดังเบซาร์ ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของ สภ.ปาดังเบซาร์ ล่าสุด ในวันนี้ ทางกองบังคับการตำรวจ ได้มีคำสั่งด่วนให้ตำรวจ สภ.ปาดังเบซาร์ 2 นาย คือ ร.ต.ต.อารีย์ หมัดสมัคร รองสารวัตรป้องกันปราบปราม และ ด.ต.อัศณีย์รัญ นวลรอด ผู้บังคับหมู่งานป้องกันปราบปราม ไปช่วยราชการที่ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธร จ.สงขลา ไม่มีกำหนดจนกว่าการสอบสวนจะแล้วเสร็จ เพราะจากการสอบสวนพบว่า เข้าไปมีส่วนพัวพันต่อคดีนี้
พบเป็นขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ
อนึ่ง วานนี้ (4 พ.ค.) ที่กองบินตำรวจ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ผบ.ตร.กล่าวก่อนเดินทางมายังจ.สงขลา ว่า ตนได้รับบัญชาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคงให้ลงพื้นที่ จ.สงขลา เพื่อไปรับทราบข้อมูล หลังพบศพของชาวโรฮิงญาจำนวนมาก เรื่องนี้นายกรัฐมนตรี และ รองนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญมาก เนื่องจากเป็นเรื่องที่ส่งกระทบระดับประเทศ ในการพิจารณาผลการดูแลแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ โดยมอบหมายให้ พล.ต.อ.เอก ดูแลในเรื่องการค้ามนุษย์ และเมื่อสืบสวนสอบสวนขยายผลเบื้องต้นพบว่าเป็นขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ จึงมอบหมายให้ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ที่รับผิดชอบงานด้านความมั่นคงเข้ามากำกับดูแลในประเด็นนี้ โดยให้ร่วมกันทำงานบูรณาการกันทุกฝ่ายเต็มที่
" เมื่อช่วงเช้า พล.อ.ประยุทธ์ ก็ได้โทรศัพท์กำชับอีกครั้งให้ตนเองลงไปดูแลคดีนี้ให้ดี ใครที่มีส่วนเกี่ยวข้องเชื่อมโยงให้จับกุมดำเนินคดีไม่ละเว้น ไม่เห็นแก่หน้าใครทั้งสิ้น เรื่องนี้สร้างปัญหาให้แก่ประเทศชาติอย่างร้ายแรง รุนแรง ได้รับรายงานล่าสุดจาก พล.ต.อ.เอก ว่า จากการสืบสวนสอบสวนขยายผลออกหมายจับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ให้การสนับสนุนได้รับประโยชน์จากการค้ามนุษย์ ทั้งนี้ ในจำนวนนี้มีเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย"
ผู้สื่อข่าวถามว่า จุดที่ตั้งค่ายกักกันพบว่าอยู่ไม่ห่างจากที่ตั้งของตำรวจตระเวนชายแดน จะต้องตรวจสอบตำรวจที่เกี่ยวข้องว่าบกพร่อง ละเลย หรือรู้เห็นหรือไม่ พล.ต.อ.สมยศ กล่าวว่า ขอให้พล.ต.อ.เอก ใช้เวลาในการสอบสวนขยายผลก่อน ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำชับมายับตนว่าหากพบเจ้าหน้าที่รัฐเข้าไปเกี่ยวข้องต้องดำเนินการอย่างเฉียบขาดไม่มีการละเว้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าการสืบสวนสอบสวนบ่งบอกว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐปล่อยปละละเลย อย่างที่พบว่าค่ายนี้อยู่ไม่ห่างจากค่าย ตชด. ก็ต้องนำมาพิจารณาว่าเข้าไปมีส่วน มีหลักฐานเข้าไปเกี่ยวข้องช่วยเหลือรับผลประโยชน์หรือไม่ แต่ถ้าพบว่าเข้าข่ายปล่อยปละละเลย ก็ไม่เอาไว้เหมือนกัน
พล.ต.อ.สมยศ กล่าวด้วยว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ตนโทรศัพท์คุยกันประสานงานกับ พล.อ.อุดมเดช สีตะบุตร ผู้บัญชาการทหารบก ซึ่งลงพื้นที่ จ.สงขลา ในวันนี้ด้วย ที่ผ่านมา ตำรวจทหารร่วมกันมาตลอด ประสานแลกเปลี่ยนข่าวสารกันตลอดเวลา ตอนนี้ชัดเจนว่าจุดที่พบค่ายกักกัน และพบศพเป็นเรื่องของขบวนการค้ามนุษย์ ชัดเจนด้วยว่าเป็นขบวนการข้ามชาติ
ประสานมาเลเซีย-พม่าจับกุมเครือข่ายค้ามนุษย์
เมื่อถามว่า หนักใจหรือไม่ที่เกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นในช่วงที่สหรัฐอเมริกากำลังประเมินผลเรื่องการค้ามนุษย์ของไทยอีกครั้ง หลังจากอยู่ในระดับเทียร์3ซึ่งเป็นระดับรุนแรง ในปีที่ผ่านมา ผบ.ตร. กล่าวว่า ปัญหานี้ไม่ใช่เพิ่งเกิดจากร่องรอยที่ พล.ต.อ.เอก ลงพื้นที่ตรวจสอบ พบว่าจำนวนค่าย สิ่งปลูกสร้างที่มี แสดงให้เห็นว่ามีการเคลื่อนย้ายชาวโรฮิงญาครั้งละจำนวนมากๆ ทำมาเป็นระยะเวลานานพอสมควร หลายปี เหตุไม่ใช่เพิ่งเกิดขึ้น ที่รัฐบาล และ ตร. กำลังทำ คือ กำลังแก้ปัญหาที่เคยมี เคยเกิดขึ้น ทั้งนี้ทั้งนั้น จะระบุชัดเจนว่าใคร เจ้าหน้าที่รัฐคนใดเกี่ยวข้องบ้างต้องรอให้ พล.ต.อ.เอก สรุปผลการสืบสวนสอบสวนเสียก่อน ทั้งนี้ หากเจ้าหน้าที่รัฐโดยเฉพาะตำรวจเข้าไปเกี่ยวข้อง ช่วยเหลือ ได้ผลประโยชน์ตรงนี้ ตนเชื่อว่า พล.ต.อ.เอก จะดำเนินการอย่างเฉียบขาดเพราะเป็นบัญชาของนายกรัฐมนตรี
ผบ.ตร. กล่าวด้วยว่า จากนี้ชุดสืบสวนสอบสวนทุกหน่วยที่ร่วมทำคดี ทั้งในพื้นที่ และชุดของพล.ต.อ.จักรทิพย์ จะต้องประสานงานไปยังประเทศมาเลเซีย และพม่าเพื่อสืบสวนจับกุมเครือข่ายนี้ ขณะที่สันติบาลก็ต้องเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการแก้ปัญหานี้