ชาวบ้านต.แม่อ้อ อ.พาน จ.เชียงราย บุกศาลากลางจี้ผู้ว่าฯสั่งยุติโครงการสร้างฟาร์มสุกร หลังเอกชนในจังหวัดกว้านซื้อที่ พร้อมจับมือ"ซีพีเอฟ"เตรียมก่อสร้างห่างชุมชนแค่ 800 เมตร หวั่นกระทบต้นน้ำ-สิ่งแวดล้อม ปัญหาเรื้อรังเหมือนต.เวียงกาหลง อ.เวียงป่าเป้า พ่อเมืองแจงยังไม่มีใครยื่นขออนุญาตกับอบต. ขอให้เบาใจได้ หากทำจริงต้องเสนอหลายหน่วยงานร่วมพิจารณา แถมอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน ด้านชาวบ้านยันหากไม่เป็นผล เรื่องถึง"บิ๊กตู่-ม.44"แน่ ด้านซีพี แจงน่าจะเป็นเรื่องเข้าใจผิด ระบุบริษัทที่ดำเนินการชื่อ ที.วี.เอฟ ฟาร์มมิ่ง เป็นเจ้าของโครงการ
วานนี้ (27 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านจากต.แม่อ้อ อ.พาน จ.เชียงราย ประมาณ 300 คน ชุมนุมประท้วงที่ศาลากลางจังหวัด เรียกร้องให้นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัด สั่งยุติโครงการก่อสร้างฟาร์มสุกรที่บริษัทเอกชนจะเข้ามาก่อสร้างในพื้นที่
โดยนายธีระพงษ์ เผ่ากา เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)เชียงราย กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน แกนนำ ทำหนังสือระบุว่ามีเอกชนในจ.เชียงราย ร่วมกับกลุ่มบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)หรือซีพีเอฟ จะสร้างฟาร์มสุกรที่บ้านแม่อ้อ แต่สอบถามความเห็นประชาชนบ้านแม่อ้อหลวงเพียงหมู่บ้านเดียว
ขณะที่การก่อสร้างอาจมีผลกระทบต่อต้นน้ำ ซึ่งอยู่ใกล้ชุมชนและหมู่บ้านข้างเคียง คือ หมู่ 1 , 2 ม, 7 , 8 , 11 , 13 , 15 และ 16 ต.แม่อ้อ หมู่ 15 ต.ห้วยสัก อ.เมือง รวมทั้งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด สั่งการไปยังนายอำเภอพานหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำประชาพิจารณ์ชาวบ้านให้ถูกต้องและครบถ้วน
นายธีระพงษ์ กล่าวว่า มีเอกชนไปกว้านซื้อที่ดินเพื่อเตรียมก่อสร้างฟาร์มแล้วประมาณ 128 ไร่ และมีข่าวจะหาซื้อเพิ่มในระยะต่อไปอีกนับร้อยไร่ โดยจุดที่จะก่อสร้างห่างจากหมู่บ้านเพียง 800 เมตร จะเลี้ยงสุกรช่วงแรกกว่า 2,400 ตัว แต่ละตัวมีมูลวันละกว่า 6 กิโลกรัม หากขยายกิจการออกไป จะมีปริมาณมหาศาล ชาวบ้านจึงหวั่นเกรงเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะแหล่งน้ำเป็นอย่างมาก
ด้านนายประสิทธิ์ อทุธโยธา แกนนำชาวบ้าน กล่าวว่า เคยมีกรณีศึกษาที่ ต.เวียงกาหลง อ.เวียงป่าเป้า ซึ่งมีฟาร์มสุกรและส่งผลกระทบกับชาวบ้านเรื้อรัง ทำให้ชาวต.แม่อ้อ ไม่อยากให้เกิดปัญหาขึ้น ดังนั้นหากการยื่นหนังสือครั้งนี้ไม่เป็นผล จะไปยื่นถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ใช้มาตรา 44 ช่วยชาวบ้านต่อไป
ต่อมา นายพงษ์ศักดิ์ได้เชิญชาวบ้านร่วมหารือที่ห้องประชุมจอมกิตติ ศาลากลางจังหวัด โดยแจ้งข้อเท็จจริงและข้อที่เกี่ยวข้อง ว่าทางจังหวัดได้รับแจ้งจากทางอำเภอว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีเอกชนรายใดยื่นขออนุญาตก่อสร้างฟาร์มสุกรไปยังองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)แม่อ้อ เพราะตามขั้นตอนต้องขออนุญาตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ก่อน
ดังนั้น จึงขอให้ชาวบ้านเบาใจได้ แต่ถ้ามีการยื่นขออนุญาตในอนาคต ยังจะต้องเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น โยธาธิการและผังเมือง สาธารณสุข ปศุสัตว์ หน่วยงานที่ดูแลที่ดินบริเวณดังกล่าวพิจารณาด้วย ซึ่งเชื่อว่าหน่วยงานต่างๆรับทราบแล้ว โดยเฉพาะอบต.แม่อ้อ ที่ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมแจ้งผ่านสภาอบต.แม่อ้อ ให้ออกข้อบัญญัติท้องถิ่นตามที่ชาวบ้านต้องการได้ อย่างไรก็ตามจังหวัดจะช่วยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามความประสงค์ของชาวบ้านต่อไป
ขณะที่ตัวแทนจากปศุสัตว์จังหวัด นิติกรท้องถิ่นจังหวัดที่เข้าร่วมประชุมด้วย ได้ชี้แจงว่า ที่ดินซึ่งเอกชนเข้าไปกว้านซื้อ อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) และในผังเมืองระบุว่าอยู่เขตพื้นที่สีเขียวแถบน้ำตาล สามารถขออนุญาตทำกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ โดยต้องอยู่ห่างจากแหล่งน้ำตั้งแต่ 6 เมตรขึ้นไป อาคารสูงไม่เกิน 12 เมตร
สำหรับกรณีของปศุสัตว์จังหวัดจะมีบทบาทเมื่อมีการขออนุญาต และยื่นขอเป็นมาตรฐานฟาร์ม จึงสรุปได้ว่าหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญอย่างมาก คือ อบต.แม่อ้อ ซึ่งจะเป็นผู้ประสานหน่วยงานต่างๆ เพื่อประกอบความเห็นว่า จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ก่อสร้างต่อไป
หลังตัวแทนหน่วยงานต่างๆชี้แจง ทำให้ชาวบ้านเข้าใจมากขึ้น และได้ไปยื่นหนังสือให้กับกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดทหารบกเชียงราย ที่ค่ายเม็งรายมหาราช อีกฉบับ และสลายตัวกลับไปในเวลาต่อมา
ต่อมา บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงถึง ASTVผู้จัดการ ว่า น่าจะมีความเข้าใจผิดของชาวบ้าน บริษัทไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ แต่ทราบว่าบริษัทที่ดำเนินชื่อ บริษัท ที.วี.เอฟ ฟาร์มมิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเลี้ยงสุกรอยู่ในจังหวัดเชียงราย
ด้านบริษัท ที.วี.เอฟ.ฟาร์มมิ่ง ได้แจงชะลอโครงการฟาร์มหมูในเชียงราย ผ่านหนังสือชี้แจงว่า ตามที่มีข่าวชาวตำบลแม่อ้อ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย สั่งยุติโครงการก่อสร้างฟาร์มสุกรของบริษัทเอกชนในพื้นที่ตำบลแม่อ้อ อำเภอพาน จังหวัดเชียงรายนั้น
นายสัตวแพทย์ ถนอมศักดิ์ เสรีวิชยสวัสดิ์กรรมการ บริษัท ที.วี.เอฟ.ฟาร์มมิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของฟาร์มดังกล่าว ได้ชี้แจงว่า บริษัทเป็นเจ้าของโครงการนี้ และมีแผนจะดำเนินโครงการสร้างฟาร์มสุกรในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อรองรับการขยายตัวของการบริโภคที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในการเลี้ยงสุกรรวมถึงการนำเทคโนโลยีเกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม และการวางระบบบำบัดน้ำเสียและกลิ่นเพื่อไม่ให้กระทบต่อการท่องเที่ยวของและชุมชนใกล้เคียง
ที่ผ่านมา บริษัทได้ดำเนินการทำประชาพิจารณ์ และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่หมู่ 11 ตำบลแม่อ้อ อำเภอพาน จังหวัดเชียงรายซึ่งเป็นพื้นที่ก่อสร้างฟาร์มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ บริษัทมีการวางแผนจัดการกลิ่นและน้ำเสียได้ 100 เปอร์เซ็นต์เพื่อไม่เกิดผลกระทบต่อชุมชนใกล้เคียงอย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน โครงการนี้ยังมีส่วนช่วยสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นอีกด้วย
“ขณะนี้ บริษัทได้ชะลอการพัฒนาโครงการและไม่มีการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการก่อสร้างฟาร์มทั้งสิ้น ขณะเดียวกันบริษัทจะเร่งทำความเข้าใจเกี่ยวกับการก่อสร้างโครงการกับชุมชนใกล้เคียง และบริษัทยินดีเปิดรับฟังความคิดเห็นและความกังวลของประชาชน ซึ่งโครงการนี้เป็นการลงทุนของบริษัท ที.วี.เอฟ.ฟาร์มมิ่ง 100% ไม่เกี่ยวข้องกับซีพีเอฟแต่อย่างใด” น.สพ.ถนอมศักดิ์ กล่าว
วานนี้ (27 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านจากต.แม่อ้อ อ.พาน จ.เชียงราย ประมาณ 300 คน ชุมนุมประท้วงที่ศาลากลางจังหวัด เรียกร้องให้นายพงษ์ศักดิ์ วังเสมอ ผู้ว่าราชการจังหวัด สั่งยุติโครงการก่อสร้างฟาร์มสุกรที่บริษัทเอกชนจะเข้ามาก่อสร้างในพื้นที่
โดยนายธีระพงษ์ เผ่ากา เลขานุการนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด(อบจ.)เชียงราย กำนัน และผู้ใหญ่บ้าน แกนนำ ทำหนังสือระบุว่ามีเอกชนในจ.เชียงราย ร่วมกับกลุ่มบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน)หรือซีพีเอฟ จะสร้างฟาร์มสุกรที่บ้านแม่อ้อ แต่สอบถามความเห็นประชาชนบ้านแม่อ้อหลวงเพียงหมู่บ้านเดียว
ขณะที่การก่อสร้างอาจมีผลกระทบต่อต้นน้ำ ซึ่งอยู่ใกล้ชุมชนและหมู่บ้านข้างเคียง คือ หมู่ 1 , 2 ม, 7 , 8 , 11 , 13 , 15 และ 16 ต.แม่อ้อ หมู่ 15 ต.ห้วยสัก อ.เมือง รวมทั้งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัด สั่งการไปยังนายอำเภอพานหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทำประชาพิจารณ์ชาวบ้านให้ถูกต้องและครบถ้วน
นายธีระพงษ์ กล่าวว่า มีเอกชนไปกว้านซื้อที่ดินเพื่อเตรียมก่อสร้างฟาร์มแล้วประมาณ 128 ไร่ และมีข่าวจะหาซื้อเพิ่มในระยะต่อไปอีกนับร้อยไร่ โดยจุดที่จะก่อสร้างห่างจากหมู่บ้านเพียง 800 เมตร จะเลี้ยงสุกรช่วงแรกกว่า 2,400 ตัว แต่ละตัวมีมูลวันละกว่า 6 กิโลกรัม หากขยายกิจการออกไป จะมีปริมาณมหาศาล ชาวบ้านจึงหวั่นเกรงเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะแหล่งน้ำเป็นอย่างมาก
ด้านนายประสิทธิ์ อทุธโยธา แกนนำชาวบ้าน กล่าวว่า เคยมีกรณีศึกษาที่ ต.เวียงกาหลง อ.เวียงป่าเป้า ซึ่งมีฟาร์มสุกรและส่งผลกระทบกับชาวบ้านเรื้อรัง ทำให้ชาวต.แม่อ้อ ไม่อยากให้เกิดปัญหาขึ้น ดังนั้นหากการยื่นหนังสือครั้งนี้ไม่เป็นผล จะไปยื่นถึงนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้ใช้มาตรา 44 ช่วยชาวบ้านต่อไป
ต่อมา นายพงษ์ศักดิ์ได้เชิญชาวบ้านร่วมหารือที่ห้องประชุมจอมกิตติ ศาลากลางจังหวัด โดยแจ้งข้อเท็จจริงและข้อที่เกี่ยวข้อง ว่าทางจังหวัดได้รับแจ้งจากทางอำเภอว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีเอกชนรายใดยื่นขออนุญาตก่อสร้างฟาร์มสุกรไปยังองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)แม่อ้อ เพราะตามขั้นตอนต้องขออนุญาตองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในพื้นที่ก่อน
ดังนั้น จึงขอให้ชาวบ้านเบาใจได้ แต่ถ้ามีการยื่นขออนุญาตในอนาคต ยังจะต้องเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น โยธาธิการและผังเมือง สาธารณสุข ปศุสัตว์ หน่วยงานที่ดูแลที่ดินบริเวณดังกล่าวพิจารณาด้วย ซึ่งเชื่อว่าหน่วยงานต่างๆรับทราบแล้ว โดยเฉพาะอบต.แม่อ้อ ที่ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมแจ้งผ่านสภาอบต.แม่อ้อ ให้ออกข้อบัญญัติท้องถิ่นตามที่ชาวบ้านต้องการได้ อย่างไรก็ตามจังหวัดจะช่วยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตามความประสงค์ของชาวบ้านต่อไป
ขณะที่ตัวแทนจากปศุสัตว์จังหวัด นิติกรท้องถิ่นจังหวัดที่เข้าร่วมประชุมด้วย ได้ชี้แจงว่า ที่ดินซึ่งเอกชนเข้าไปกว้านซื้อ อยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม(ส.ป.ก.) และในผังเมืองระบุว่าอยู่เขตพื้นที่สีเขียวแถบน้ำตาล สามารถขออนุญาตทำกิจการที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ โดยต้องอยู่ห่างจากแหล่งน้ำตั้งแต่ 6 เมตรขึ้นไป อาคารสูงไม่เกิน 12 เมตร
สำหรับกรณีของปศุสัตว์จังหวัดจะมีบทบาทเมื่อมีการขออนุญาต และยื่นขอเป็นมาตรฐานฟาร์ม จึงสรุปได้ว่าหน่วยงานที่มีบทบาทสำคัญอย่างมาก คือ อบต.แม่อ้อ ซึ่งจะเป็นผู้ประสานหน่วยงานต่างๆ เพื่อประกอบความเห็นว่า จะอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ก่อสร้างต่อไป
หลังตัวแทนหน่วยงานต่างๆชี้แจง ทำให้ชาวบ้านเข้าใจมากขึ้น และได้ไปยื่นหนังสือให้กับกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อยจังหวัดทหารบกเชียงราย ที่ค่ายเม็งรายมหาราช อีกฉบับ และสลายตัวกลับไปในเวลาต่อมา
ต่อมา บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) ได้ชี้แจงถึง ASTVผู้จัดการ ว่า น่าจะมีความเข้าใจผิดของชาวบ้าน บริษัทไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ แต่ทราบว่าบริษัทที่ดำเนินชื่อ บริษัท ที.วี.เอฟ ฟาร์มมิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจเลี้ยงสุกรอยู่ในจังหวัดเชียงราย
ด้านบริษัท ที.วี.เอฟ.ฟาร์มมิ่ง ได้แจงชะลอโครงการฟาร์มหมูในเชียงราย ผ่านหนังสือชี้แจงว่า ตามที่มีข่าวชาวตำบลแม่อ้อ อำเภอพาน จังหวัดเชียงราย เรียกร้องให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย สั่งยุติโครงการก่อสร้างฟาร์มสุกรของบริษัทเอกชนในพื้นที่ตำบลแม่อ้อ อำเภอพาน จังหวัดเชียงรายนั้น
นายสัตวแพทย์ ถนอมศักดิ์ เสรีวิชยสวัสดิ์กรรมการ บริษัท ที.วี.เอฟ.ฟาร์มมิ่ง จำกัด ซึ่งเป็นเจ้าของฟาร์มดังกล่าว ได้ชี้แจงว่า บริษัทเป็นเจ้าของโครงการนี้ และมีแผนจะดำเนินโครงการสร้างฟาร์มสุกรในพื้นที่ดังกล่าวเพื่อรองรับการขยายตัวของการบริโภคที่เพิ่มขึ้นในพื้นที่รวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน โดยจะนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดในการเลี้ยงสุกรรวมถึงการนำเทคโนโลยีเกี่ยวกับการบริหารจัดการด้านสิ่งแวดล้อม และการวางระบบบำบัดน้ำเสียและกลิ่นเพื่อไม่ให้กระทบต่อการท่องเที่ยวของและชุมชนใกล้เคียง
ที่ผ่านมา บริษัทได้ดำเนินการทำประชาพิจารณ์ และรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่หมู่ 11 ตำบลแม่อ้อ อำเภอพาน จังหวัดเชียงรายซึ่งเป็นพื้นที่ก่อสร้างฟาร์มเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ บริษัทมีการวางแผนจัดการกลิ่นและน้ำเสียได้ 100 เปอร์เซ็นต์เพื่อไม่เกิดผลกระทบต่อชุมชนใกล้เคียงอย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน โครงการนี้ยังมีส่วนช่วยสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นอีกด้วย
“ขณะนี้ บริษัทได้ชะลอการพัฒนาโครงการและไม่มีการดำเนินการใดๆ เกี่ยวกับการก่อสร้างฟาร์มทั้งสิ้น ขณะเดียวกันบริษัทจะเร่งทำความเข้าใจเกี่ยวกับการก่อสร้างโครงการกับชุมชนใกล้เคียง และบริษัทยินดีเปิดรับฟังความคิดเห็นและความกังวลของประชาชน ซึ่งโครงการนี้เป็นการลงทุนของบริษัท ที.วี.เอฟ.ฟาร์มมิ่ง 100% ไม่เกี่ยวข้องกับซีพีเอฟแต่อย่างใด” น.สพ.ถนอมศักดิ์ กล่าว