xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อไหร่คุณท่านจะเข้าใจ...

เผยแพร่:   โดย: โสภณ องค์การณ์

เกิดอะไรขึ้นกับคุณท่าน หรือไม่ต้องถามก็รู้ๆ กันอยู่ แต่หลายคนอยากจะรู้ว่าทำไมคุณท่านจึงได้มีอารมณ์แปรปรวนอย่างรุนแรง เก็บอาการไม่อยู่ ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ต้องแสดงความเกรี้ยวกราด หน้าตา น้ำเสียงดุดัน ตะคอก ตวาดใส่ผู้สื่อข่าว

และมักเป็นอย่างนี้ เมื่อคุณท่านเดินทางไปปฏิบัติภารกิจต่างประเทศ ไปเป็นหน้าเป็นตาตัวแทนของประเทศ เป็นตัวโชว์ให้ชาวภูมิภาคอาเซียนและประชาคมโลกได้เห็นแนวโน้มว่าอนาคตของเมืองไทยจะไปได้ดี หรือจมปลักอยู่กับเคราะห์กรรมอีกนาน

ก่อนไปประชุมสุดยอดผู้นำประเทศอาเซียนที่มาเลเซีย คุณท่านหยุดเดินให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวตามปกติ ไม่รู้ว่าไปบริโภครังแตนมาจากไหน ทำให้อารมณ์ขุ่นมัว เมื่อถูกถาม 2-3 ประโยค คุณท่านระเบิดอารมณ์จนหน้าแดง หูแดง ใส่ผู้สื่อข่าวก่อนจาก

ไม่แปลกที่เห็นอาการเช่นนี้กับผู้สื่อข่าว ชาวบ้านไม่รู้ว่าคุณท่านมีอะไรเก็บกดมาจากไหนยืดเยื้อต่อเนื่อง แต่ไม่เคยเห็นท่านออกอาการระดับเช่นนี้กับใคร อาจมีบ้างที่ปล่อยลีลาตลกโปกฮากับนักธุรกิจ พูดจาจริงจังเป็นบางครั้ง แต่ไม่ใช่ในลักษณะดูหมิ่น

อ่านคำพูดที่ท่านตะคอกผู้สื่อข่าวดูก็ได้ ผู้นำชาติอื่นๆ ไม่เคยทำอย่างนี้!

“เป็นปลาทองกันหรือไง ต้องให้เอายามาหยอด ปลาทองที่เขาบอกว่าความจำสั้น เจออะไรไม่ถึงวินาทีมันก็ลืม ผมพูดไปเดี๋ยวก็จำกันไม่ได้แล้ว สื่อก็เอาไปเขียนให้ดีแล้วกัน ผมจะคอยดูที่เขียน ฟังน่ะรู้ พูดกันเข้าใจ แต่เวลาไปเขียนเป็นอีกแบบหนึ่ง ผมวงหนังสือพิมพ์ตอนอยู่ในรถเต็มไปหมด เก่งกันทั้งนั้น แนะให้แก้อย่างนั้นอย่างนี้ มันเคยเป็นอะไรกันมาบ้าง ผมถามหน่อย พวกวิจารณ์เคยทำอะไรกันสำเร็จบ้างมั้ย หรือทำหนังสือพิมพ์ตั้งแต่เด็กยันแก่ วิจารณ์รัฐบาลโครมๆ นี่รัฐบาลควบคุมอำนาจ อย่ามาวิจารณ์ผมเหมือนไอ้รัฐบาลทั่วไปไม่ได้ เราทำให้ทุกอย่าง แก้ทุกอย่าง ยังว่าอีก มันเป็นอะไรของมัน หรือว่าผมใจดีเกินไปก็ไม่รู้ ”

เมื่อคุณท่านไม่เจาะจงว่าสื่อคนไหน คนอยากชี้แจงเรื่องนี้ไม่ควรถูกกล่าวหาว่ากินปูนร้อนทอง และมีสิทธิชี้แจงปรับทัศนคติของคุณท่านให้เข้าใจอาชีพสื่อเพื่อตัวท่านเองจะปรับท่าทีท่าทางเพราะสถานะผู้นำรัฐบาลมีอำนาจคับแผ่นดินคุณท่านทำอะไรก็ได้

แต่คุณท่านไม่มีสิทธิทำให้ประชาชนต้องรู้สึกอับอายขายหน้าประชาคมโลกบ่อยครั้ง เพราะท่าที คำพูด และการปฏิบัติตัวของคุณท่านต่อผู้ประกอบอาชีพอื่นๆ

ตามหลักปฏิบัติโดยทั่วไป เมื่อผู้สื่อข่าวถาม คุณท่านมีสิทธิไม่ตอบ บอกว่าไม่มีความเห็น ก็แค่นั้น ไม่จำเป็นต้องโต้ย้อนด้วยถ้อยคำรุนแรง หยามอาชีพอื่น เหมือนคนทำสื่อเป็นตัวปัญหาหลักของบ้านเมือง และหยามว่านักวิจารณ์เคยทำอะไรสำเร็จบ้าง

คนทำสื่อ คนวิจารณ์ ไม่ได้มีหน้าที่บริหารประเทศ เขามีหน้าที่สอบถามผู้นำรัฐบาลว่ามีผลงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันหรือยัง หรือสอดส่องดูว่ามีไอ้ตัวร้ายจ้องโกงบ้านกินเมืองภายใต้หน้าฉากความรักชาติมากกว่าคนอื่นๆ หรือไม่ แล้วไปบอกประชาชน

วงการสื่อมีคำพูดเปรียบเปรยว่า “ไม่มีคำถามที่โง่เขลา แต่มีคำตอบที่งี่เง่าเสมอ”

คนทำสื่อปฏิบัติหน้าที่ยาวนานขึ้นอยู่กับอายุ ไม่มีวันกำหนดเกษียณชัดเจนโดยกฎหมายเหมือนข้าราชการที่ต้องพ้นจากตำแหน่งเมื่ออายุ 60 ปี ไม่มีข้อยกเว้น ต่อให้คนนั้นเก่งกาจเป็นเทวดาเดินดิน นึกว่าตัวเองฉลาดชาติต้องการ ถ้าขาดหายต้องล่มจม

คนทำสื่อถูกทดสอบทุกวันในด้านความรู้ ความสามารถ ความคิด ตัววัดสำคัญคือ “ความน่าเชื่อถือ” ถ้าคนทำสื่อปราศจากคุณสมบัตินี้ หากินไม่ได้จนแก่เฒ่าหรอก

“ความน่าเชื่อถือ” ประกอบด้วยประวัติการทำงาน ไม่มีเรื่องอื้อฉาวด้านรับซองขาว ใช้อาชีพแสวงหาผลประโยชน์ ไม่รับใช้กลุ่มผลประโยชน์การเมือง ธุรกิจ กล้าพูดความจริง ไม่เชลียร์ และไม่ทรยศต่อวิชาชีพ ไม่ทรยศประชาชน เป็นหมาเฝ้าบ้านที่ดี

หมาเฝ้าบ้านที่ดี ไม่เห่าคุกคามกัดเจ้าของ สำนึกถึงคุณข้าวแดงแกงร้อน ไม่แสดงอาการผยองลืมตัว และคนชั่วร้ายมักถูกประณามว่า “เลวยิ่งกว่าหมา” ซึ่งไม่ยุติธรรมยิ่งนัก ในความเป็นจริง หมาไม่ขายชาติ หมาไม่โกงบ้านกินเมือง หมาไม่หน้าด้าน ไม่โกหก

คนทำสื่อรับรู้ว่าประเทศไทยได้มีการรัฐประหารอย่างน้อย 17 ครั้งโดยผู้มีอาชีพทหาร ทำไม่สำเร็จก็มี โดยอ้างว่านักการเมืองทำความชั่วร้ายโกงบ้านกินเมือง มีพฤติกรรมทำลายความมั่นคงของชาติ จากนั้นผู้กระทำหรือตัวแทนเป็นผู้นำรัฐบาล

ถ้านักทำรัฐประหารเก่งกาจสามารถจริง น่าจะทำครั้งเดียวก็เพียงพอ แก้ปัญหาเบ็ดเสร็จ วางโครงสร้างสังคม เศรษฐกิจ การเมืองเพื่อความยั่งยืนถาวร ไม่ควรมีคำว่า “เสียของ” และ “ของเสีย” โกงกิน ทั้งไม่เคยรับผิดชอบ ประชาชนเจ็บปวดผิดหวังซ้ำซาก

คนทำสื่อได้รับรู้ว่าประชาชน “ใจดีเกินไป” ยอมให้เกิดรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ หลายครั้งยอมให้นักการเมืองโกงบ้านกินเมืองแทบล่มจม เปิดช่องให้นักรัฐประหารได้มีข้ออ้างภารกิจขับไล่นักการเมืองชั่ว แต่มัก “เยี่ยวไม่สุด” มีคำแก้ตัวสำหรับความล้มเหลว

คนทำสื่อรู้ดีว่าประชาชน “ใจดีเกินไป” ยอมให้คนบ้องตื้น โง่เขลา พฤติกรรมสีเทา ขี้คุย พล่ามโวโม้บ้า ขี้โกง กังฉินงาบคำโต รวมตัวเป็นองค์กรอาชญากรรมโดยหน้าฉากเป็นพรรคการเมือง ลงขันซื้อเสียงช่วงเลือกตั้งเข้ากุมอำนาจรัฐเพื่อโกงกินอย่างเป็นระบบ

คนทำสื่อรู้ด้วยว่าประชาชนใจดีนี้แหละ ถึงบทร้ายก็ร้าย ถ้าทนพวกขี้คุย มือถือสากปากถือศีล กังฉินนักตีกิน กำมะลอจอมปลอมไม่ได้ ก็ไล่มันไป แม้เสี่ยงตายก็ยอม

เชื่อเถอะ คนทำสื่อจะยังอยู่ทำหน้าที่รายงานเมื่อคุณท่านพ้นภารกิจเพื่อชาติ ถ้าประสบความสำเร็จเป็นรัฐบุรุษโลกต้องจำ หรือล้มเหลวถูกประชาชนรุมประณามก็ตาม
กำลังโหลดความคิดเห็น