xs
xsm
sm
md
lg

เปิดคดีถอด"บุญทรง"พร้อมพวก "วิชา"ย้ำรวมหัวโกงจีทูจีเก๊

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-"วิชา"แถลงเปิดสำนวนคดีถอดถอน "บุญทรง-ภูมิ-มนัส" ยันพบจีทูจีเก๊จริง หลังข้าราชการ นักการเมือง เอกชน รวมกันหัวโกง ปูดยังพบพิรุธตัวละครเดิมขายมันสำปะหลัง จ่อฟันอาญาเพิ่ม "บุญทรง" ซัดป.ป.ช.เอียง ไม่ฟังชี้แจง "ภูมิ"ท้าโชว์หลักฐาน "มนัส"เซ็ง ข้าราชการถูกใช้เป็นเบี้ยเกมการเมือง ด้าน "หมอวรงค์"ขย่มซ้ำ ยิ่งแจงยิ่งพันคอ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.25 น. วานนี้ (23 เม.ย.) ที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ที่มีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธาน สนช. ทำหน้าที่ประธานในการประชุม ได้พิจารณาวาระพิเศษเพื่อดำเนินกระบวนการถอดถอนนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีตรมช.พาณิชย์ และนายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ออกจากตำแหน่ง ตามมาตรา 6 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2557 ประกอบมาตรา 56 (1) และมาตรา 58 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 ซึ่งเป็นการแถลงเปิดสำนวนตามรายงานและความเห็นของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะผู้กล่าวหา และการแถลงคัดค้านโต้แย้งคำแถลงเปิดสำนวนหรือรายงานพร้อมความเห็นของป.ป.ช. ของผู้ถูกกล่าวหา ตามข้อบังคับ ข้อ 154 วรรคหนึ่ง

***ยันสนช.มีอำนาจพิจารณาถอดถอน

นายพรเพชรได้แจ้งต่อที่ประชุมว่า ผู้ถูกกล่าวหา คือ นายบุญทรง และนายภูมิได้ทำหนังสือคัดค้านการบรรจุวาระการถอดถอนเข้าสู่ที่ประชุม สนช. รวมทั้งคัดค้านวิธีพิจาณาการถอดถอนว่าไม่เป็นไปตามข้อบังคับการประชุม ซึ่งขอชี้แจงว่า ในครั้งการพิจารณาถอดถอนของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีนายกรัฐมนตรี นายนิคม ไวยรัชพาณิช อดีตประธานวุฒิสภา และนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ อดีตประธานรัฐสภา ก็ได้มีการร้องเรียนคัดค้านเช่นเดียวกัน ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณาและมีมติว่าความผิดดังกล่าว สนช. มีอำนาจในการถอดถอนและถือเป็นบรรทัดฐานในการดำเนินการถอดถอน

***"วิชา"เผยรัฐบาล"ปู"ไม่ฟังเสียงท้วงติง

นายวิชา มหาคุณ กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะผู้แทน ป.ป.ช. เป็นผู้แถลงเปิดสำนวนคดีว่า เมื่อมีผู้ร้องเรียนพบการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าวในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ คณะกรรมการป.ป.ช. ได้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ป.ป.ช. ปี 2542 และได้มีการไต่สวนพยานและผู้ถูกกล่าวหาเพิ่มเติม เพื่อนำเสนอเป็นรายงานต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกอบด้วย นายบุญทรง นายภูมิ และนายมนัส รวมถึงข้าราชการทั้งหมด 21 ราย โดยเห็นว่าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ เป็นการรับจำนำข้าวที่มีข้อท้วงติงตลอดเวลา ตั้งแต่เริ่มกระบวนการว่าจะก่อให้เกิดการทุจริตทุกขั้นตอน มีผู้ออกมาตรวจสอบและตักเตือนให้ระงับยับยั้งในโครงการดังกล่าว ทั้ง ป.ป.ช. สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และรัฐสภา ตลอดจนนักวิชาการ รวมทั้งที่ปรึกษารัฐบาลและรัฐมนตรีบางท่านที่อยู่ในรัฐบาลขณะนั้น อาทิ นายธีระชัย ภูวนาทนรานุบาล เป็นต้น แต่ก็ไม่มีการฟังเสียงท้วงติง

"กระบวนการทั้งหมดทำให้ระบบค้าข้าวทั้งประเทศเสียหาย โดยรัฐบาลชอบอ้างการช่วยเหลือชาวนา และถ้าผู้ใดคัดค้าน ก็จะกล่าวหาคนที่คัดค้านว่าไม่สงสาร ไม่เห็นใจชาวนาที่ยากจน ทั้งที่เราสามารถช่วยเหลือชาวนาได้อีกหลายวิธี ที่เป็นวิธีที่ยั่งยืน ส่วนการขายแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์เป็นการค้าขายที่มิใช่การกระทำแบบรัฐต่อรัฐอย่างแท้จริง มีข้อพิรุธผิดปกติมากมาย เพราะไม่มีการขายข้าวให้แก่รัฐบาลหรือตัวแทนของรัฐบาลต่างประเทศ ที่สำคัญไม่มีการส่งออกข้าวและทำสัญญาซื้อขายไปยังต่างประเทศ การอ้างว่าเป็นการขายแบบจีทูจี ถือว่าผิดวิธีมาตั้งแต่ต้น ที่มีการรับจำนำในราคาที่สูงกว่าท้องตลาด จนทำให้เกิดการขาดทุนเป็นจำนวนมาก และเมื่อระบายข้าวแบบจีทูจีในราคาที่ต่ำกว่าปกติ เพราะเป็นราคาขายมิตรภาพ แต่ก็ยังเวียนข้าวอยู่ในประเทศ ย่อมเพิ่มมูลค่าเสียหายเป็นเท่าทวีคูณ ส่งผลกระทบสร้างความเสียหายต่อระบบงบประมาณอย่างร้ายแรง"นายวิชากล่าว

***ชมข้าราชการน้ำดีช่วยส่งหลักฐาน

นายวิชากล่าวอีกว่า ยังมีข้าราชการที่ยืนหยัดที่ต่อสู้เพื่อความจริงอย่างซื่อสัตย์สุจริต อาทิ น.ส.สุภา ปิยะจิตติ อดีตรองปลัดกระทรวงการคลัง และน.ส.ชุติมา บุญยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ในปัจจุบัน ที่เป็นพยานบุคคลสำคัญ ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ โดยยืนยันว่าไม่มีการขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐอย่างแท้จริง

***ชี้ชัดมีความผิดตามพ.ร.บ.ฮั้ว

นายวิชากล่าวว่า เมื่อคณะกรรมป.ป.ช. ได้ดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริงและรับฟังผู้ถูกความกล่าวหาทั้งหมดแล้ว สรุปได้ว่า ผู้ถูกล่าวหาทั้งหมดที่เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีอำนาจในการจัดหรือรักษาข้าว และการพิจารณาการซื้อข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ได้มีเจตนาร่วมกันกระทำผิดกฎหมาย พร้อมด้วยกลุ่มบุคคลที่เป็นภาคเอกชน กระบวนการทุจริตจำนำข้าวไม่สามารถทำได้โดยลำพัง เพราะต้องกระทำได้ 3 ฝ่าย คือ ข้าราชประจำ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นักธุรกิจภาคเอกชน ที่เข้ามามีส่วนร่วมในการวางแผนทุจริตทุกขั้นตอน

โดยการกระทำดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายสำหรับตนเองและผู้อื่น ก่อให้เกิดความเสียหายต่อกรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และประเทศชาติอย่างร้ายแรง คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาแล้วจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ด้วยคะแนนเสียง 7 เสียงว่ากระทำของนายมนัส นายภูมิ และนายบุญทรง ในฐานะที่ได้รับมอบหมายจาก ครม. ให้เป็นผู้พิจารณาให้ความเห็นชอบให้ขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ กลับไปดำเนินการเจรจาและให้ความเห็นชอบในการทำสัญญาซื้อขายข้าวกับบริษัทกวางตุ้ง สเตชั่นนารี แอนด์สปอร์ตติ๊งกู้ด อิมพอร์ตแอนด์เอ๊กพอร์ต คอร์เปอเรชั่น และบริษัทไห่หนาน แกรนแอนด์ออย อินดัสตรี้ เทรดดิ้ง คอมพานี ทั้งที่หน่วยงานไม่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีน และไม่ใช่หน่วยงานที่มีวัตถุประสงค์กับการค้าขายข้าวโดยตรงจากรัฐบาลจีน ดังเช่นหน่วยงานของไชน่า เนชั่นนัล ซีลีนออยแอนด์ฟูตสตัค คอร์ปอร์เรชั่น หรือคอฟโก้ ประกอบกับเงินที่นำมาชำระค่าข้าว ไม่ได้นำมาจากหน่วยงานทั้งสองแห่ง อีกทั้งไม่มีการขนข้าวตามสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ ออกนอกราชอาณาจักรไทย ซึ่งเป็นกระบวนการปกติของการซื้อขายแบบจีทูจี ต้องเปิดแอลซี หรือเลตเตอร์ออฟเครดิต ไม่ใช่แค่จ่ายเป็นเช็คเงินสดให้กรมการค้าต่างประเทศ

"การกระทำดังกล่าวจึงมีความผิดทางอาญาฐานตกลงร่วมกันในการเสนอราคา เพื่อวัตถุประสงค์ที่จะให้เกิดประโยชน์แก่ผู้หนึ่งผู้ใดให้เป็นผู้ได้สิทธิ์ได้ทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐ ซึ่งมีอำนาจและหน้าที่ในการอนุมัติการพิจารณาหรือการดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเสนอราคารู้ว่าการเสนอราคาครั้งนี้ มีการกระทำความผิด แต่ละเว้นไม่ดำเนินการเพื่อไม่ให้มีการยกเลิกการดำเนินการเกี่ยวกับการเสนอราคา และฐานเป็นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานของรัฐและทำการโดยมุ่งหมายไม่ให้เสนอราคาอย่างเป็นธรรม เพื่อเอื้ออำนวยกับผู้เข้าเสนอราคาให้เป็นผู้มีสิทธิ์ทำสัญญากับหน่วยงานของรัฐ โดยเป็นไปตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 มาตรา 4 มาตรา 10 และมาตรา 12"นายวิชากล่าว

นอกจากนี้ ยังพบว่าผิดมาตรา 151 และมาตรา 157 รวมทั้ง ผิดตามพ.ร.บ. ป.ป.ช. มาตรา 123/1 ซึ่งคณะกรรมการป.ป.ช. ได้ส่งเรื่องให้กับอัยการสูงสุดดำเนินการฟ้องร้องคดีและศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้ประทับฟ้องและนำไปสู่การพิจารณาคดีแล้ว

***จ่อฟันขายมันสำปะหลังเหตุซ้ำรอยจีทูจีเก๊

นายวิชากล่าวอีกว่า จากการไต่สวนข้อเท็จจริงได้พบว่าแคชเชียร์เช็คที่นำมาชำระหนี้ค่าข้าวรัฐต่อรัฐ ส่วนหนึ่งเป็นแคชเชียร์เช็คของผู้ประกอบการค้ามันสำปะหลัง ซึ่งเป็นเจ้าของเงินดังกล่าวเป็นจำนวนมากถึง 3 พันกว่าล้านบาท และเอกสารหลักฐานปรากฏว่าผู้ประกอบการมันสำปะหลังเหล่านี้ เมื่อได้ส่งมอบแคชเชียร์เช็คให้กรมการค้าต่างประเทศแล้ว ก็ได้มีการเบิกมันสำปะหลังจากคลังสินค้าของรัฐบาล คณะกรรมการป.ป.ช.จึงได้มีมติด้วยว่าให้สำนักงานป.ป.ช.แสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานว่าในช่วงรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ได้มีทำสัญญาซื้อขายมันสำปะหลังแบบรัฐต่อรัฐที่ไม่ได้เป็นความจริง เช่นเดียวกับการซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐอีกหรือไม่อย่างไร

ทั้งนี้ ในกระบวนการไต่สวนยังพบว่า ได้มีบริษัทจีน คือ ตัวละครชุดเดิมและชุดใหม่รวมทั้งสิ้น 4 บริษัทได้เข้ามาทำสัญญาซื้อขายในลักษณะที่แบบตัวละครเดียวกันหมด ไม่ว่าจะเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ราชการ หรือนักธุรกิจ หรือผู้ประกอบธุรกิจในด้านการค้าข้าว มันสำปะหลัง เพราะฉะนั้นคณะกรรมการป.ป.ช.กำลังดำเนินกระบวนการไต่สวนโดยเร่งด่วนเพื่อที่จะนำเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายอาญาต่อไป

***"บุญทรง"ปฏิเสธซัดป.ป.ช.เอียง

ต่อมาผู้ถูกร้องทั้ง3 ได้แสดงคัดค้านเริ่มจากนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ แถลงเปิดคดีว่า ขอโต้แย้งทั้งข้อเท็จจริง และข้อกฎหมาย ที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. กล่าวหา และแม้ว่าส่วนตัวจะไม่เห็นด้วยกับการที่ประธาน สนช. บรรจุเรื่องของตนเข้าสู่ที่ประชุม และดำเนินการพิจารณา แต่การมาแถลงเปิดคดีในวันนี้ ก็หวังได้รับความเป็นธรรม และความเข้าใจจากสภาว่าสิ่งที่ตนถูกดำเนินคดีไม่เป็นธรรมหลายประการ และแน่นอนว่าเรื่องที่ถูกกล่าวหาเป็นคดีทางการเมือง ป.ป.ช. จึงควรรับฟังหลักฐานและวางตัวเป็นกลาง แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ป.ป.ช.รีบเร่งดำเนินคดี ไม่ไต่สวนพยานตามที่ร้องขอจำนวนมาก เพราะหากเปรียบเทียบกับคดีระบายข้าวของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ขณะนี้ยังพิจารณาไม่แล้วเสร็จ โดยอ้างเหตุการณ์น้ำท่วมปี 2554 ซึ่งได้สร้างความสงสัยแก่สังคม

"ผมมีข้อพิรุธในการดำเนินการของป.ป.ช. เนื่องจากการทำสัญญาระบายข้าวย่อมมีผู้ซื้อและผู้ขาย แต่กลับไม่มีการสอบพยานฝ่ายผู้ซื้อว่าเป็นตัวแทนรัฐบาลจีนจริงหรือไม่ ทั้งที่ผู้ซื้อก็เป็นรายเดียวกันก่อนที่ตนจะเข้าปฏิบัติหน้าที่ด้วย และผู้แทนคดีฝ่าย ป.ป.ช. ซึ่งเป็นเจ้าของสำนวนมีพฤติการณ์เป็นปฏิปักษ์กับตนและรัฐบาล โดยชี้นำว่าคดีดังกล่าวและอดีตนายกรัฐมนตรี ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดก่อนชี้มูลด้วยซ้ำ ตนเห็นถึงความไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม จึงคัดค้านตามสิทธิของผู้ถูกกล่าวหาเพื่อให้เจ้าของสำนวนถอนตัว เพื่อคำนึงถึงจริยธรรม แต่บุคคลนี้ก็ยังยืนยันปฏิบัติหน้าที่ต่อ"

***ซัดรัฐบาล"มาร์ค"ก็ปิดข้อมูลขายข้าว

นายบุญทรงกล่าวว่า ข้อมูลการระบายข้าวต้องเป็นความลับ ไม่เปิดเผยปริมาณข้าวในสต็อกของรัฐบาล เพื่อไม่ให้ใครเอาไปใช้เป็นเครื่องมือได้ ขณะเดียวกันต้องสร้างกระแสเชิงบวก ซึ่งทั้งรัฐบาลของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ มียุทธศาสตร์การกระบายข้าวที่ไม่แตกต่างกัน เป็นไปตามระเบียบหลักเกณฑ์เดิมที่รัฐบาลที่ผ่านมาเคยปฏิบัติ และบุคคลที่ปฏิบัติก็เป็นบุคคลเดิมตั้งแต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ทั้งสิ้น โดยที่รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้มีการโยกย้ายข้าราชการที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการระบายข้าวเลย

***โวยถูกตั้งข้อหาผิดพ.ร.บ.ฮั้ว

นายบุญทรงกล่าวยืนยันอีกว่า ตลอดการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ และประธานคณะอนุกรรมการพิจารณาการระบายข้าว ได้ปฏิบัติหน้าที่ตามหลักเกณฑ์ ธรรมเนียมปฏิบัติทุกประการด้วยความระมัดระวัง วันนี้ไม่ใช่แค่ถูกกล่าวหาตามความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 แต่ยังถูกตั้งข้อหาพ.ร.บ.ฮั้วประมูล ซึ่งร้ายแรงมีโทษจำคุกตลอดชีวิต ซึ่งตอนแรกก็ไม่ได้มีการแจ้งข้อล่าวหาฮั้วแต่อย่างใด ดังนั้น การชี้มูลของป.ป.ช.ต้องชัดเจนกระจ่างว่ามีพยานหลักฐานใด ระบุว่าตนได้ประโยชน์ตอบแทน วันนี้ ตนเหมือนมีชีวิตแขวนบนเส้นด้าย โทษที่ฟ้องร้ายแรงถึงขั้นจองจำตลอดชีวิต จึงขอแก้ข้อกล่าวหาเพื่อไถ่ชีวิตตัวเอง

"หากสภาแห่งนี้ ยังดำเนินการถอดถอนต่อ จะเท่ากับใช้ดุลยพินิจก้าวล่วงชี้นำศาล เป็นการประหารก่อนกระบวนการของศาล สำนึกยุติธรรมของท่านจะใช้ที่นี่หรือพิสูจน์ที่ศาล แต่สำหรับผม คือ การประหารทางการเมืองที่ไม่อาจสยบยอมและพร้อมต่อสู้คดีต่อไป จึงขอปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ป.ป.ช.ชี้มูลทุกประการ"

***"ภูมิ"ท้าป.ป.ช.โชว์หลักฐานกล่าวหาโกง

จากนั้น นายภูมิ แถลงว่าการที่ป.ป.ช.หยิบยกประเด็นการอนุมัติขายข้าวในราคาที่ต่ำกว่าราคาในประเทศ ถือเป็นการกล่าวหาโดยปราศจากเหตุผลรองรับ ถ้าป.ป.ช.เห็นว่าต่ำกว่าที่ผ่านมาก็ต้องมีหลักฐานมาแสดงว่าการขายข้าวรัฐต่อรัฐครั้งใดที่ได้ราคาสูงกว่า ทั้งนี้ ตนมั่นใจในความบริสุทธิ์ และความสุจริต ตลอดที่อยู่ในตำแหน่งตนไม่ได้ทำผิด ไม่ได้ร่วมกับใครเพื่อไปกระทำผิด แม้แต่ในรายงานและการไต่สวนของสำนวนป.ป.ช.ก็ไม่ปรากฏหลักฐานว่าตนกระทำผิด มีแต่ความเห็นของอนุกรรมการไต่สวนของป.ป.ช.ที่ระบุว่าตนสมคบคิดร่วมกระทำผิด ทั้งที่ไม่มีหลักฐาน ซึ่งไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง

***"มนัส"โอดข้าราชการถูกใช้เป็นเบี้ยการเมือง

นายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ชี้แจงว่า ความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมา ทุกฝ่ายนำข้าราชการประจำที่มีหน้าที่รับผิดชอบในการปฏิบัติตามนโยบาย มาใช้ในการโจมตีทางการเมือง เป็นเบี้ยตัวหนึ่งของฝ่ายการเมือง ทั้งที่ตนเป็นคนดำเนินการจัดการขายข้าวในรัฐบาลเดิมอย่างไร เมื่อมีรัฐบาลใหม่ออกมาก็ทำอย่างนั้น และเชื่อว่า การกระทำโดยสุจริตในชีวิตราชการ พระจะคุ้มครอง

***"พรเพชร"นัดวันแถลงปิดสำนวนคดี

จากนั้น นายพรเพชร ได้แจ้งให้ที่ประชุมทราบว่า ให้ผู้กล่าวหาและผู้ถูกกล่าวหาแจ้งขอแถลงปิดสำนวนคดีด้วยวาจาภายใน 7 วัน นับตั้งแต่วันแถลงเปิดคดี ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 29 เม.ย.2558 และหากจะแถลงปิดคดีด้วยเอกสารภายในวันที่ 5 พ.ค.2558 และให้สมาชิกยื่นญัตติซักถามได้ถึงวันที่ 27 เม.ย.2558 เวลา 12.00 น. เพื่อพิจารณาให้มีการซักถามคู่กรณีในวันที่ 30 เม.ย.นี้ พร้อมตั้งคณะกรรมาธิการซักถามจำนวน 7 คน

***เผย"บุญทรง"และพวกแก้ข้อหาไม่ได้

นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการแถลงแก้ข้อหาคดีระบายข้าวจีทูจีของนายบุญทรงและคณะว่า ดูแล้วทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม นั่นคือชี้แจงข้อมูลไม่ถูกต้องและไม่ตรงประเด็น ตนคิดว่าถ้านายบุญทรงและคณะ สามารถพิสูจน์ให้ได้ว่ามีการระบายข้าวแบบจีทูจีจริง เอาพยานหลักฐานมาแสดงให้ประชาชนเชื่อ ทุกอย่างก็จบ แต่ประเด็นที่ชี้แจงยิ่งสร้างความสับสน ทั้งการบอกว่าการขายข้าวจีทูจีต้องเป็นความลับ เพราะในอดีต ถ้ารัฐบาลขายข้าวจีทูจีได้ ก็ต้องรีบแถลง เพราะเป็นผลงาน ส่วนการส่งข้าวแบบเอ็กซ์แวร์เฮาส์ ก็ไม่มีใครทำกัน ขณะที่การชำระเงิน ก็ไม่เป็นแบบสากลที่ปฏิบัติกัน
กำลังโหลดความคิดเห็น