ASTVผู้จัดการรายวัน-ตำรวจบุกสุสานหายยากลางเมืองเชียงใหม่ ถึงกับผงะ เจอชิ้นส่วนมนุษย์ซ่อนใต้เมรุ 19 ถุง หลังอดีตเจ้าอาวาสจอมขมังเวทย์ให้การซื้อศพทารกจากสุสานแห่งนี้เมื่อ 2 ปีก่อน ผู้บริหารเทศบาลนครเชียงใหม่ยันไม่ได้รับศพ "อาจารย์ใหญ่" จากโรงพยาบาลมา 2 ปีแล้ว เผยไม่ทราบผู้ดูแลสุสานเกี่ยวข้องค้าชิ้นส่วนมนุษย์ คาดลักลอบทำกันเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (23 เม.ย.) พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รองผบช.ภ. 5 นำกำลังเข้าตรวจสอบใต้เมรุเผาศพและที่พักสัปเหร่อ ภายในสุสานหายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ที่นายเฉลิม ด้วงทอง อายุ 31 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยดินจี่ อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ที่นำซากทารกฝังใต้ฐานพระพรหมภายในวัด เพื่อทำพิธีทางไสยศาสตร์ ให้การในชั้นสอบสวนว่า ซื้อซากศพทารกมาจาก "ยายบูรณ์" ที่สุสานแห่งนี้เมื่อ 2 ปีก่อน และนำไปทำพิธีไสยศาสตร์ด้านเมตตามหานิยม
จากการตรวจสอบใต้เมรุเผาศพสุสานหายยา เจ้าหน้าที่พบชิ้นส่วนและอวัยวะมนุษย์ ที่ทางโรงพยาบาลบางแห่งมาจ้างสัปเหร่อเผา บรรจุในถุงดำเก็บไว้ใต้เมรุถึง 19 ถุง เจ้าหน้าที่จึงอายัดไว้เพื่อนำไปตรวจสอบว่าเป็นอวัยวะมนุษย์จากโรงพยาบาลใดบ้าง
เจ้าหน้าที่ยังได้สอบถามนายสุทัศน์ เนรมิต สัปเหร่อประจำสุสานหายยา ถึง "ยายบูรณ์" ที่นายเฉลิมให้การชัดทอดว่าเป็นผู้ขายซากศพทารกให้ ซึ่งนายสุทัศน์ บอกว่า มีตัวตนจริง และไม่ใช่สัปเหร่อ แต่เป็นภรรยาของตน ส่วนเรื่องที่นำซากศพทารกไปขายนั้น ตนเองไม่ทราบเรื่อง ซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้เชิญตัวสองสามีภรรยาไปสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อขยายผลว่านำซากศพเด็กทารกมาจากไหน โดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ใด
ขณะที่ผู้บริหารเทศบาลนครเชียงใหม่ ยืนยันว่า เทศบาลนครเชียงใหม่ไม่ได้รับศพ "อาจารย์ใหญ่" มาจากโรงพยาบาล เพื่อประกอบพิธีทางศาสนามากว่า 2 ปีแล้ว ทั้งยังไม่เคยทราบเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ดูแลสุสานและสัปเหร่อมาก่อนว่ามีความเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าชิ้นส่วนมนุษย์แต่อย่างใด ส่วนกรณีที่พบชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์ใต้เมรุสุสานหายยาทั้ง 19 ถุงนั้น น่าจะลักลอบทำกันเอง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (23 เม.ย.) พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รองผบช.ภ. 5 นำกำลังเข้าตรวจสอบใต้เมรุเผาศพและที่พักสัปเหร่อ ภายในสุสานหายยา อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ที่นายเฉลิม ด้วงทอง อายุ 31 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยดินจี่ อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ที่นำซากทารกฝังใต้ฐานพระพรหมภายในวัด เพื่อทำพิธีทางไสยศาสตร์ ให้การในชั้นสอบสวนว่า ซื้อซากศพทารกมาจาก "ยายบูรณ์" ที่สุสานแห่งนี้เมื่อ 2 ปีก่อน และนำไปทำพิธีไสยศาสตร์ด้านเมตตามหานิยม
จากการตรวจสอบใต้เมรุเผาศพสุสานหายยา เจ้าหน้าที่พบชิ้นส่วนและอวัยวะมนุษย์ ที่ทางโรงพยาบาลบางแห่งมาจ้างสัปเหร่อเผา บรรจุในถุงดำเก็บไว้ใต้เมรุถึง 19 ถุง เจ้าหน้าที่จึงอายัดไว้เพื่อนำไปตรวจสอบว่าเป็นอวัยวะมนุษย์จากโรงพยาบาลใดบ้าง
เจ้าหน้าที่ยังได้สอบถามนายสุทัศน์ เนรมิต สัปเหร่อประจำสุสานหายยา ถึง "ยายบูรณ์" ที่นายเฉลิมให้การชัดทอดว่าเป็นผู้ขายซากศพทารกให้ ซึ่งนายสุทัศน์ บอกว่า มีตัวตนจริง และไม่ใช่สัปเหร่อ แต่เป็นภรรยาของตน ส่วนเรื่องที่นำซากศพทารกไปขายนั้น ตนเองไม่ทราบเรื่อง ซึ่งพนักงานสอบสวนจะได้เชิญตัวสองสามีภรรยาไปสอบปากคำเพิ่มเติม เพื่อขยายผลว่านำซากศพเด็กทารกมาจากไหน โดยขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ยังไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาผู้ใด
ขณะที่ผู้บริหารเทศบาลนครเชียงใหม่ ยืนยันว่า เทศบาลนครเชียงใหม่ไม่ได้รับศพ "อาจารย์ใหญ่" มาจากโรงพยาบาล เพื่อประกอบพิธีทางศาสนามากว่า 2 ปีแล้ว ทั้งยังไม่เคยทราบเกี่ยวกับพฤติกรรมของผู้ดูแลสุสานและสัปเหร่อมาก่อนว่ามีความเกี่ยวข้องกับขบวนการค้าชิ้นส่วนมนุษย์แต่อย่างใด ส่วนกรณีที่พบชิ้นส่วนอวัยวะมนุษย์ใต้เมรุสุสานหายยาทั้ง 19 ถุงนั้น น่าจะลักลอบทำกันเอง