เชียงใหม่ - สัปเหร่อสุสานหายยาพร้อมภรรยาเข้าให้ปากคำตำรวจหลังถูกซัดทอดขายศพเด็กให้ทำพิธีไสยศาสตร์ แถมตำรวจค้นเจอชิ้นส่วนอวัยวะคนซุกใต้เมรุอีก 19 ถุงใหญ่ ปฏิเสธไม่เคยรู้จักอดีตเจ้าอาวาสจอมขมังเวท แต่รับเผาชิ้นเนื้อ-อวัยวะจาก รพ.จริง ขณะที่ชาวบ้านโผล่แจ้งความ เมียสัปเหร่ออมเงินค่าเผาศพ รอง ผบช.ภ.5 เผยผลพิสูจน์ซากเด็กพบตายในครรภ์
วันนี้ (24 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พนักงานสอบสวน สภ.เมือง จ.เชียงใหม่ เรียกสอบปากคำ นางสมบูรณ์ เนรมิตร อายุ 72 ปี หรือป้าบูรณ์ ที่ถูกนายเฉลิม ด้วงทอง อดีตเจ้าอาวาสวัดห้วยดินจี่ อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ ซัดทอดว่าเป็นผู้ขายซากศพเด็กทารกที่นำไปฝังใต้ฐานพระพรหมวัดเพื่อทำพิธีทางไสยศาสตร์เมื่อ 2 ปีก่อน และนายสุทัศน์ เนรมิตร หรือสัปเหร่อนวย อายุ 58 ปี สามี ที่เป็นสัปเหร่อประจำสุสานหายยา อ.เมืองเชียงใหม่ โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาสอบปากคำทั้งคู่นานกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งนางสมบูรณ์ยังยืนยันว่าไม่เคยรู้จักกับนายเฉลิม ด้วงทอง มาก่อน และหลังจากที่ให้ปากคำแล้ว ทางพนักงานสอบสวนไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหาอะไร และได้อนุญาตให้นางสมบูรณ์ และสามีกลับบ้านได้
นายสุทัศน์กล่าวว่า ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ใจ และไม่อยากตกเป็นจำเลยของสังคมที่เข้าใจกันอย่างผิดๆ ส่วนถุงดำจำนวน 19 ถุง ซึ่งเป็นชิ้นเนื้อ และอวัยวะมนุษย์จากโรงพยาบาลต่างๆ ที่นำมาจ้างเผานั้น ก็ยืนยันว่าไม่ได้มีซากศพเด็กทารกแต่อย่างใด ยอมรับว่าแอบทำกันเองโดยที่ทางหัวหน้างานไม่ทราบ
ด้าน พ.ต.ต.มาโนช เยี่ยมเจริญ พนักงานสอบสวน สถานีตำรวจเมืองเชียงใหม่ กล่าวว่า ในชั้นสอบสวนยังไม่พบว่าบุคคลใดเข้าข่ายความผิดทางอาญา ยังต้องรอผลตรวจชิ้นเนื้อที่พบใต้เมรุที่ส่งไปตรวจพิสูจน์ที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ก่อนว่าเป็นเศษชิ้นส่วนของมนุษย์จริงหรือไม่ มาจากที่ใด และเป็นชิ้นส่วนของผู้ใด เสียชีวิตด้วยสาเหตุใด มีชิ้นส่วนที่เป็นของทารกหรือไม่
ขณะที่ พล.ต.ต.ปชา รัตนพันธ์ รอง ผบช.ภ.5 เปิดเผยถึงคดีคืบหน้าผลการชันสูตรซากทารกที่ขุดมาจากใต้ศาลพระพรหม วัดห้วยดินจี่ อ.ดอยหล่อ ว่า วันนี้ได้รับการประสานมาจากแพทย์ภาควิชานิติเวช โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ อย่างไม่เป็นทางการว่า ผลการชันสูตรศพซากเด็กที่ส่งไปตรวจนั้นเสียชีวิตมาเป็นเวลาหลายปีแล้ว และเสียชีวิตขณะที่อยู่ในครรภ์ด้วย ฉะนั้นซากเด็กที่พบจึงไม่มีสภาพบุคคลตามประมวลกฎหมาย จึงไม่สามารถเอาผิดต่อนายเฉลิม ด้วงทอง อดีตเจ้าอาวาสวัด ได้ในตอนนี้
วันเดียวกันนี้ นางสาวชนิดา สิงห์แก้ว อายุ 38 ปี ได้เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.ท.วิฑูร เรืองชัยเดชะ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองเชียงใหม่ ว่า ถูกนางสมบูรณ์ เนรมิตร สัปเหร่อสุสานหายยา เบี้ยวเงินค่าธรรมเนียมในการเผาศพคุณยายของตนเอง จำนวน 1,900 บาท ที่จะทำการเผาในวันพรุ่งนี้ (25 เม.ย.) ที่ตนเองได้จ่ายเงินให้แก่นางสมบูรณ์ที่วัดต่อหน้าญาติพี่น้อง และพยานหลายคนเมื่อหลายวันก่อน แต่นางสมบูรณ์ไม่นำไปจ่ายให้เทศบาลนครเชียงใหม่ ทำให้เผาศพคุณยายไม่ได้ จนต้องจ่ายเงินค่าธรรมเนียมให้ทางเทศบาลนครเชียงใหม่อีกครั้ง จึงมาแจ้งความไว้เป็นหลักฐาน