ASTVผู้จัดการรายวัน-โฆษกตำรวจเผยความคืบหน้าคดีคาร์บอมบ์ห้างเซ็นทรัลสมุย หลังจับผู้จัดหารถยนต์ใช้ก่อเหตุได้แล้ว เตรียมขยายผลหาตัวการใหญ่ พร้อมออกหมายจับเพิ่มอีก 6 คน ภายใน 1-2 วันนี้ "นัจมุดดีน อูมา"โร่แจ้งความ หลังถูกกล่าวหามีเอี่ยว
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ขณะนี้ศาลจังหวัดยะลาได้อนุมัติออกหมายจับ นายอับดุลรอนิง ดือราแม หรือบังยี อายุ 51 ปี เจ้าของเต็นท์จำหน่ายรถยนต์มือสอง จ.ยะลาแล้ว ในความผิดตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยผู้ต้องหารายนี้ เป็นผู้ที่นำรถยนต์ทั้ง 3 คันมาใช้ในการก่อเหตุ ได้แก่ รถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าซีวิค สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน วน 9157 กรุงเทพมหานคร, รถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน สีขาว 4 ประตู ทะเบียน ขจ 4031 ชลบุรี และรถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ 4 ประตู ทะเบียน 3 กม 8795 กรุงเทพมหานคร
"นายอับดุลรอนิงเป็นผู้จัดหารถยนต์ 3 คันดังกล่าวให้ร่วมไปในขบวนเดินทางไปก่อเหตุที่เกาะสมุย ทำหน้าที่เป็นรถคุ้มกันและรับผู้ร่วมก่อเหตุออกจากจุดที่นัดหมาย ส่วนรถที่ใช้เป็นคาร์บอมบ์นั้นขณะนี้พนักงานสอบสวนในพื้นที่ออกหมายจับในคดีปล้นทรัพย์ชิงทรัพย์เรียบร้อยแล้ว"
***เชื่อสาวถึงตัวการใหญ่ได้
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า จากการสอบสวนคำให้การของนายอับดุลรอนิงยังไม่ชัดเจน มีความคลุมเครืออยู่ ต้องใช้เวลาในการสอบสวนอีกระยะหนึ่ง เพื่อสรุปให้ชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นการซื้อรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุทั้ง 3 คัน อีกทั้งตอนนี้เจ้าตัวยังให้การว่าไม่ได้เป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ พูดเพียงแค่เป็นผู้จำหน่ายไปให้บุคคลอื่นอีกทอดหนึ่งเท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่เชื่อว่ามีผู้มาซื้อจริงหรือไม่ ต้องตรวจสอบต่อไป แต่เบื้องต้นนั้นนายอับดุลรอนิงมีความผิดตาม พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เพราะมีพยานที่นำรถมาให้นายอับดุลรอนิงยืนยันว่ามีการซื้อขายรถยนต์กับนายอับดุลรอนิงจริง ส่วนรายละเอียดนอกเหนือจากนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากมีความเกี่ยวพันกับผู้ต้องหารายอื่น
สำหรับนายอับดุลรอนิงถือเป็นผู้ต้องหาอันดับต้นๆ และเป็นกุญแจสำคัญที่หากให้การเป็นประโยชน์ ก็สามารถขยายผลไปสู่ตัวการใหญ่ได้ และขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังพยายามสาวไปถึงตัวผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด แต่ข้อมูลนอกเหนือจากนี้ ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ยืนยันว่าทางการสืบสวนมีความคืบหน้าไปมากแล้ว แต่ยังไม่สามารถเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาได้ทั้งหมด ต้องหาพยานหลักฐานอื่นมายืนยันข้อมูลเพื่อความรอบคอบชัดเจน
***เตรียมออกหมายจับเพิ่มอีก6คน
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน และจากนี้เตรียมทยอยออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกประมาณ 6 คน ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ภายใน 1-2 วันนี้ บางคนเกี่ยวข้องกับคดีความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยแต่ละคนทำหน้าที่อะไรนั้น ต้องรอข้อมูลชัดเจนกว่านี้ก่อน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ดำเนินการทุกอย่างเพิ่มความรอบคอบ มีการเก็บดีเอ็นเอจากสถานที่เกิดเหตุ บนรถยนต์ บนวัตถุระเบิดบางชิ้น นำมาเทียบกันและตรวจเทียบกับผู้ต้องสงสัยทั้งหมดว่ามีความเกี่ยวข้องกับสารระเบิดหรือไม่ ยอมรับว่าการทำงานค่อนข้างยาก แต่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่มีความคืบหน้าและรายงานผู้บังคับบัญชาทุกชั่วโมง
***ขออย่าปรามาสยันจับกุมได้แน่นอน
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวถึงกรณีกระแสข่าวว่ามีอดีตนักการเมืองเข้ามาพัวพันกับคดีนี้ว่า ทีมสืบสวนตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่เพื่อหาพยานหลักฐานมาพิสูจน์ความผิดของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะหากเชื่อว่าผิด แต่ไม่มีหลักฐาน ก็ทำอะไรเขาไม่ได้ โดยเฉพาะคดีที่เป็นคดีอาญาเช่นนี้ อีกทั้งการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารก็ต้องทำอย่างระมัดระวัง บางครั้งแค่เชื่อว่ามีความเกี่ยวข้อง แต่เราก็ไม่สามารถพูดได้ เพราะอาจไปทำให้เขาเสียหาย ทั้งยังทำให้ผู้ที่ร่วมขบวนการนั้นไหวตัวทันและอาจหลบหนี เพราะเห็นว่าหลักฐานมาถึงตัวเขาแล้ว ดังนั้นต้องรอให้ข้อมูลทุกอย่างครบถ้วนก่อนนำเสนอต่อสาธารณะต่อไป
"เจ้าหน้าที่ยังให้น้ำหนักไปที่เหตุผลสร้างสถานการณ์ทางด้านการเมืองเป็นหลัก เนื่องจากเหตุผลเกี่ยวกับการขยายพื้นที่ก่อเหตุของขบวนการ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ไม่มีน้ำหนักหรือแรงจูงใจเพียงพอ เพียงแต่การทำงานของกลุ่มงานที่ทำงานในพื้นที่ภาคใต้หรือมีความชำนาญด้านนี้ อาจถูกจ้างวานหรือให้มาทำงานในเหตุระเบิดดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์อื่น"พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว
สำหรับกระแสข่าวที่ว่าเจ้าหน้าที่อาจไม่สามารถจับใครได้ในเหตุการครั้งนี้นั้น ขอให้ผู้ที่จะปรามาสหรือวิจารณ์อยู่ในกรอบของความเป็นจริง เพราะเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว มีการสอบปากคำพยานแล้วไม่ต่ำกว่า 30-40 ปาก แต่ยังมีบางคนที่วิจารณ์โดยไม่มีเหตุผลก็ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ยืนยันเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่กังวลทุกคนทำงานอย่างมีกำลังใจและไม่ลดละแน่นอน
***เผย"บังยี"ตัวจริงอยู่ประเทศซาอุฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ ผบช.ศชต.ได้มีการเรียกประชุมประจำเดือนเจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับการ ผู้กำกับสถานี ในพื้นที่ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของสงขลา โดยยังไม่มีการเปิดเผยความคืบหน้าที่เกี่ยวข้องในคดีคาร์บอมบ์ หรือการปล้นรถยนต์ อบต.ละแอ แต่เชื่อว่าในที่ประชุมได้มีการกำชับในเรื่องของการติดตามรถยนต์เป้าหมายที่ได้มีการร่วมก่อเหตุ และไปจากพื้นที่ชายแดนใต้
ขณะที่หน่วยข่าวด้านความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้รายงานว่า นายอับดุลรอนิง เป็นเพียงนายหน้าจัดซื้อรถยนต์มือสองจากเต้นท์รถของบังยี หรือแบลี เจ้าของเต้นรถมือสองใน จ.ปัตตานี ให้กับทีมคาร์บอม ส่วนนายอับดุลรอนิง ไม่มีเต้นท์รถมือสองเป็นของตัวเอง และเจ้าตัวก็ได้ปฏิเสธว่าตนเองไม่ใช่บังยี แต่ยอมรับว่ารู้จักกับนายอับดุลราซะ แดมาดู พนักงานขับรถ อบต.ละแอ อ.ยะหา จ.ยะลา และนายซาบีดี สาและบิง ที่ถูกควบคุมตัวได้ที่บ้านกาโต๊ะ ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา ก่อนหน้านี้
ทางหน่วยข่าวความมั่นคง รายงานว่า ขณะนี้บังยี หรือแบลี เจ้าของเต้นรถมือสองได้เดินทางไปทำอุมเราะห์ ที่เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาราเบีย หลังจากที่มีการขายรถ 3 คันให้กับทีมคาร์บอมบ์
**"นัจมุดดีน"โร่แจ้งความถูกกล่าวหาเอี่ยวบึ้ม
ที่โรงแรมอิมพีเรียล อ.เมืองนราธิวาส นายนัจมุดดีน อูมา อดีต ส.ส.พรรคมาตุภูมิ เขต 3 จ.นราธิวาส ได้นำเอกสาร 3 ฉบับ เปิดแถลงข่าวกรณีที่ถูกหมอหน่อง หรือนายโชคสุข นาคนิยม ได้โพสต์ภาพตนและข้อความลงในเฟซบุ๊กว่า "ใครบงการระเบิดเกาะสมุย เส้นสายกลไกว่ากันเป็นกลุ่มการเมือง ร่วมมือกับโจรใต้ทำลายดิสเครดิตรัฐบาลบิ๊กตู่ กลุ่มคุมอำนาจตอนนี้ ทางการแกะรอยหาหลักฐานเชื่อมโยงเพื่อดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมไม่ง่ายนัก"
นายนัจมุดดีนกล่าวว่า การนำภาพและข้อความเผยแพร่ในเฟซบุ๊กครั้งนี้ สร้างความเสียหายต่อตน และสร้างความเกลียดชังต่อบุคคลที่รับข่าวทางโลกโซเชียลเป็นอย่างมาก จึงได้นำหลักฐานไปเข้าแจ้งว่าต่อ พ.ต.ต.สารบรรณ จันทร์ดูเดือง พนักงานสอบสวน สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส ในข้อหาหมิ่นประมาณ และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เมื่อวันที่ 21 เม.ย.2558 ที่ผ่านมา
"ภาพในเฟซบุ๊กเป็นภาพเก่าปี 2543 ก่อนเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จ.ชายแดนภาคใต้ ภาพนี้เมื่อเกิดเหตุการณ์ ก็จะมีการนำมาเผยแพร่ทุกครั้ง สร้างความเสื่อเสียแก่ตน จึงได้เข้าแจ้งความ และในส่วนของคดีคาร์บอมบ์ที่เกาะสมุย เจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน เมื่อพบผู้กระทำผิดไม่ว่าจะเป็นใครก็ขอให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อเหตุการณ์ที่เกาะสมุยแต่อย่างใด"
พล.ต.ท.ประวุฒิ ถาวรศิริ ผู้ช่วย ผบ.ตร. และโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล เฟสติวัล เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ว่า ขณะนี้ศาลจังหวัดยะลาได้อนุมัติออกหมายจับ นายอับดุลรอนิง ดือราแม หรือบังยี อายุ 51 ปี เจ้าของเต็นท์จำหน่ายรถยนต์มือสอง จ.ยะลาแล้ว ในความผิดตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 โดยผู้ต้องหารายนี้ เป็นผู้ที่นำรถยนต์ทั้ง 3 คันมาใช้ในการก่อเหตุ ได้แก่ รถเก๋งยี่ห้อฮอนด้าซีวิค สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน วน 9157 กรุงเทพมหานคร, รถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน สีขาว 4 ประตู ทะเบียน ขจ 4031 ชลบุรี และรถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ 4 ประตู ทะเบียน 3 กม 8795 กรุงเทพมหานคร
"นายอับดุลรอนิงเป็นผู้จัดหารถยนต์ 3 คันดังกล่าวให้ร่วมไปในขบวนเดินทางไปก่อเหตุที่เกาะสมุย ทำหน้าที่เป็นรถคุ้มกันและรับผู้ร่วมก่อเหตุออกจากจุดที่นัดหมาย ส่วนรถที่ใช้เป็นคาร์บอมบ์นั้นขณะนี้พนักงานสอบสวนในพื้นที่ออกหมายจับในคดีปล้นทรัพย์ชิงทรัพย์เรียบร้อยแล้ว"
***เชื่อสาวถึงตัวการใหญ่ได้
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า จากการสอบสวนคำให้การของนายอับดุลรอนิงยังไม่ชัดเจน มีความคลุมเครืออยู่ ต้องใช้เวลาในการสอบสวนอีกระยะหนึ่ง เพื่อสรุปให้ชัดเจนเกี่ยวกับประเด็นการซื้อรถยนต์ที่ใช้ก่อเหตุทั้ง 3 คัน อีกทั้งตอนนี้เจ้าตัวยังให้การว่าไม่ได้เป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุ พูดเพียงแค่เป็นผู้จำหน่ายไปให้บุคคลอื่นอีกทอดหนึ่งเท่านั้น แต่เจ้าหน้าที่ก็ยังไม่เชื่อว่ามีผู้มาซื้อจริงหรือไม่ ต้องตรวจสอบต่อไป แต่เบื้องต้นนั้นนายอับดุลรอนิงมีความผิดตาม พ.ร.ก.สถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 เพราะมีพยานที่นำรถมาให้นายอับดุลรอนิงยืนยันว่ามีการซื้อขายรถยนต์กับนายอับดุลรอนิงจริง ส่วนรายละเอียดนอกเหนือจากนี้ไม่สามารถเปิดเผยได้เนื่องจากมีความเกี่ยวพันกับผู้ต้องหารายอื่น
สำหรับนายอับดุลรอนิงถือเป็นผู้ต้องหาอันดับต้นๆ และเป็นกุญแจสำคัญที่หากให้การเป็นประโยชน์ ก็สามารถขยายผลไปสู่ตัวการใหญ่ได้ และขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังพยายามสาวไปถึงตัวผู้ร่วมขบวนการทั้งหมด แต่ข้อมูลนอกเหนือจากนี้ ไม่สามารถเปิดเผยได้ แต่ยืนยันว่าทางการสืบสวนมีความคืบหน้าไปมากแล้ว แต่ยังไม่สามารถเชื่อคำให้การของผู้ต้องหาได้ทั้งหมด ต้องหาพยานหลักฐานอื่นมายืนยันข้อมูลเพื่อความรอบคอบชัดเจน
***เตรียมออกหมายจับเพิ่มอีก6คน
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวว่า ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ดำเนินการไปตามพยานหลักฐาน และจากนี้เตรียมทยอยออกหมายจับผู้ต้องหาที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมอีกประมาณ 6 คน ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ภายใน 1-2 วันนี้ บางคนเกี่ยวข้องกับคดีความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยแต่ละคนทำหน้าที่อะไรนั้น ต้องรอข้อมูลชัดเจนกว่านี้ก่อน
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ดำเนินการทุกอย่างเพิ่มความรอบคอบ มีการเก็บดีเอ็นเอจากสถานที่เกิดเหตุ บนรถยนต์ บนวัตถุระเบิดบางชิ้น นำมาเทียบกันและตรวจเทียบกับผู้ต้องสงสัยทั้งหมดว่ามีความเกี่ยวข้องกับสารระเบิดหรือไม่ ยอมรับว่าการทำงานค่อนข้างยาก แต่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานอย่างเต็มที่มีความคืบหน้าและรายงานผู้บังคับบัญชาทุกชั่วโมง
***ขออย่าปรามาสยันจับกุมได้แน่นอน
พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าวถึงกรณีกระแสข่าวว่ามีอดีตนักการเมืองเข้ามาพัวพันกับคดีนี้ว่า ทีมสืบสวนตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่เพื่อหาพยานหลักฐานมาพิสูจน์ความผิดของผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะหากเชื่อว่าผิด แต่ไม่มีหลักฐาน ก็ทำอะไรเขาไม่ได้ โดยเฉพาะคดีที่เป็นคดีอาญาเช่นนี้ อีกทั้งการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารก็ต้องทำอย่างระมัดระวัง บางครั้งแค่เชื่อว่ามีความเกี่ยวข้อง แต่เราก็ไม่สามารถพูดได้ เพราะอาจไปทำให้เขาเสียหาย ทั้งยังทำให้ผู้ที่ร่วมขบวนการนั้นไหวตัวทันและอาจหลบหนี เพราะเห็นว่าหลักฐานมาถึงตัวเขาแล้ว ดังนั้นต้องรอให้ข้อมูลทุกอย่างครบถ้วนก่อนนำเสนอต่อสาธารณะต่อไป
"เจ้าหน้าที่ยังให้น้ำหนักไปที่เหตุผลสร้างสถานการณ์ทางด้านการเมืองเป็นหลัก เนื่องจากเหตุผลเกี่ยวกับการขยายพื้นที่ก่อเหตุของขบวนการ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น ไม่มีน้ำหนักหรือแรงจูงใจเพียงพอ เพียงแต่การทำงานของกลุ่มงานที่ทำงานในพื้นที่ภาคใต้หรือมีความชำนาญด้านนี้ อาจถูกจ้างวานหรือให้มาทำงานในเหตุระเบิดดังกล่าวเพื่อวัตถุประสงค์อื่น"พล.ต.ท.ประวุฒิกล่าว
สำหรับกระแสข่าวที่ว่าเจ้าหน้าที่อาจไม่สามารถจับใครได้ในเหตุการครั้งนี้นั้น ขอให้ผู้ที่จะปรามาสหรือวิจารณ์อยู่ในกรอบของความเป็นจริง เพราะเจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มที่แล้ว มีการสอบปากคำพยานแล้วไม่ต่ำกว่า 30-40 ปาก แต่ยังมีบางคนที่วิจารณ์โดยไม่มีเหตุผลก็ถือเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ยืนยันเจ้าหน้าที่ตำรวจไม่กังวลทุกคนทำงานอย่างมีกำลังใจและไม่ลดละแน่นอน
***เผย"บังยี"ตัวจริงอยู่ประเทศซาอุฯ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ ผบช.ศชต.ได้มีการเรียกประชุมประจำเดือนเจ้าหน้าที่ระดับผู้บังคับการ ผู้กำกับสถานี ในพื้นที่ 3 จังหวัด และ 4 อำเภอของสงขลา โดยยังไม่มีการเปิดเผยความคืบหน้าที่เกี่ยวข้องในคดีคาร์บอมบ์ หรือการปล้นรถยนต์ อบต.ละแอ แต่เชื่อว่าในที่ประชุมได้มีการกำชับในเรื่องของการติดตามรถยนต์เป้าหมายที่ได้มีการร่วมก่อเหตุ และไปจากพื้นที่ชายแดนใต้
ขณะที่หน่วยข่าวด้านความมั่นคงในจังหวัดชายแดนภาคใต้รายงานว่า นายอับดุลรอนิง เป็นเพียงนายหน้าจัดซื้อรถยนต์มือสองจากเต้นท์รถของบังยี หรือแบลี เจ้าของเต้นรถมือสองใน จ.ปัตตานี ให้กับทีมคาร์บอม ส่วนนายอับดุลรอนิง ไม่มีเต้นท์รถมือสองเป็นของตัวเอง และเจ้าตัวก็ได้ปฏิเสธว่าตนเองไม่ใช่บังยี แต่ยอมรับว่ารู้จักกับนายอับดุลราซะ แดมาดู พนักงานขับรถ อบต.ละแอ อ.ยะหา จ.ยะลา และนายซาบีดี สาและบิง ที่ถูกควบคุมตัวได้ที่บ้านกาโต๊ะ ต.ปะแต อ.ยะหา จ.ยะลา ก่อนหน้านี้
ทางหน่วยข่าวความมั่นคง รายงานว่า ขณะนี้บังยี หรือแบลี เจ้าของเต้นรถมือสองได้เดินทางไปทำอุมเราะห์ ที่เมืองเมกกะ ประเทศซาอุดีอาราเบีย หลังจากที่มีการขายรถ 3 คันให้กับทีมคาร์บอมบ์
**"นัจมุดดีน"โร่แจ้งความถูกกล่าวหาเอี่ยวบึ้ม
ที่โรงแรมอิมพีเรียล อ.เมืองนราธิวาส นายนัจมุดดีน อูมา อดีต ส.ส.พรรคมาตุภูมิ เขต 3 จ.นราธิวาส ได้นำเอกสาร 3 ฉบับ เปิดแถลงข่าวกรณีที่ถูกหมอหน่อง หรือนายโชคสุข นาคนิยม ได้โพสต์ภาพตนและข้อความลงในเฟซบุ๊กว่า "ใครบงการระเบิดเกาะสมุย เส้นสายกลไกว่ากันเป็นกลุ่มการเมือง ร่วมมือกับโจรใต้ทำลายดิสเครดิตรัฐบาลบิ๊กตู่ กลุ่มคุมอำนาจตอนนี้ ทางการแกะรอยหาหลักฐานเชื่อมโยงเพื่อดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมไม่ง่ายนัก"
นายนัจมุดดีนกล่าวว่า การนำภาพและข้อความเผยแพร่ในเฟซบุ๊กครั้งนี้ สร้างความเสียหายต่อตน และสร้างความเกลียดชังต่อบุคคลที่รับข่าวทางโลกโซเชียลเป็นอย่างมาก จึงได้นำหลักฐานไปเข้าแจ้งว่าต่อ พ.ต.ต.สารบรรณ จันทร์ดูเดือง พนักงานสอบสวน สภ.ระแงะ จ.นราธิวาส ในข้อหาหมิ่นประมาณ และผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ เมื่อวันที่ 21 เม.ย.2558 ที่ผ่านมา
"ภาพในเฟซบุ๊กเป็นภาพเก่าปี 2543 ก่อนเกิดเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จ.ชายแดนภาคใต้ ภาพนี้เมื่อเกิดเหตุการณ์ ก็จะมีการนำมาเผยแพร่ทุกครั้ง สร้างความเสื่อเสียแก่ตน จึงได้เข้าแจ้งความ และในส่วนของคดีคาร์บอมบ์ที่เกาะสมุย เจ้าหน้าที่อยู่ในระหว่างการสืบสวนสอบสวน เมื่อพบผู้กระทำผิดไม่ว่าจะเป็นใครก็ขอให้ดำเนินการไปตามกฎหมาย ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อเหตุการณ์ที่เกาะสมุยแต่อย่างใด"
