xs
xsm
sm
md
lg

ตำรวจชายแดนใต้เริ่มมึนคดี “คาร์บอมบ์เกาะสมุย” ข้อมูลไปคนละทิศทาง เผยรวบเพิ่มอีก 1 ราย

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่ฟันธงกลุ่มลอบวางคาร์บอมบ์เกาะสมุย เป็นพวกนักการเมือง หรือขบวนการแบ่งแยกดินแดน ขณะที่มีการจับผู้ต้องสงสัยเพิ่มอีก 1 ตำรวจท้องที่มึนข้อมูลไปคนละทางกับส่วนกลาง ทำให้ทำงานไม่ได้ผล เพราะไม่เป็นตามข้อเท็จจริง

วันนี้ (22 เม.ย.) พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ หัวหน้าชุดสืบสวนคดีคาร์บอมบ์ ที่ห้างเซ็นทรัล เฟสติวัล อ.เกาะสมุย จ.สุรษฎร์ธานี เปิดเผยให้ทราบว่า ได้เข้าตรวจค้นพื้นที่ต้องสงสัยในพื้นที่หมู่ 2 ต.ตะลุโบ๊ะ เขตเทศบาลเมืองปัตตานี และได้ควบคุมตัว นายคอศซาพี ดือเระ อายุ 30 ปี จากบ้านเลขที่ 32/6 ต.ตะลุโบ๊ะ เพื่อทำการสืบสวน เนื่องจากมีส่วนในการเชื่อมโยงต่อกรณีคาร์บอมบ์ที่ห้างเซ็นทรัล เฟสติวัล ที่ ต.บ่อผุด อ.เกาะสมุย ส่วนจะเชื่อมโยงในรูปแบบไหนอยู่ระหว่างการซักถามของเจ้าหน้าที่ศูนย์ซักถาม ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี

รายงานข่าวแจ้งว่า เจ้าหน้าที่ได้ยึดโทรศัพท์มือถือจาก นายคอศซาพี จำนวน 2 เครื่อง และขณะนี้ได้ทำการตรวจสอบซิมโทรศัพท์มือถือถึงการโทร.เข้า-ออก ว่ามีการเชื่อมโยงกับผู้ใดบ้าง โดยในการซักถามเบื้องต้น ผู้ต้องสงสัยรายนี้ได้ให้การปฏิเสธว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อคาร์บอมบ์ ที่เกาะสมุยแต่อย่างใด

สำหรับ นายคอศซาพี ผู้ต้องสงสัยผู้นี้เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงสงสัยว่านอกจากจะเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องต่อกรณีคาร์บอมบ์ที่เกาะสมุยแล้ว ยังมีส่วนเกี่ยวข้องต่อการวางระเบิดแสวงเครื่อง จำนวน 5 ลูก 4 จุด ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2558 ที่ผ่านมา จึงได้มีการเก็บตัวอย่างดีเอ็นเอเพื่อนำไปเทียบเคียงกับดีเอ็น เอที่ตรวจได้จากที่เกิดเหตุ

ในส่วนของนายอับดุลรอนิง ดือราแม พนักงานขับรถของสำนักงานปฏิรูปที่ดิน จ.ปัตตานี ซึ่งศาลจังหวัดยะลา ได้ออกหมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในข้อหาร่วมกันกับ นายอับดุลรอซะ ดูมีแด พนักงานขับรถของ อบต.ละแอ อ.ยะหา จ.ยะลา นั้น ขณะนี้ได้มีการส่งตัวไปให้ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ จ.ยะลา เพื่อให้ศูนย์ซักถามทำการสอบสวนหาข้อเท็จจริงต่อไป

โดย พ.ต.อ.ปนวัฒน์ ขัติยะวรานนท์ ผกก.สภ.ยะหา จ.ยะลา กล่าวว่า คดีที่มีการออกหมายจับ เป็นคดีที่เชื่อมโยงต่อรถยนต์ที่นำไปใช้ทำคาร์บอมบ์ ที่ อ.เกาะสมุย ผู้ต้องสงสัยที่ถูกออกหมายจับ พ.ร.ก.ฉุกเฉินมีทั้งหมด 2 ราย คือ นายอับดุลราซะ ดูมีแด พนักงานขับรถ อบต.ละแอ อ.ยะหา และนายอับดุลรอนิง ดือราแม ซึ่งเป็นพนักงานขับรถของสำนักงานปฏิรูปที่ดิน จ.ปัตตานี ส่วนนายซามีดี ซาและดิง ครูอัตราจ้าง ร.ร.บ้านประจัน ต.ยะรัง อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ซึ่งถึงจับกุมที่บ้านพักของภรรยาที่ อ.ปะแต จ.ยะลา ยังไม่ได้ออกหมายจับ แต่แต่ทหารใช้อำนาจของ พ.ร.ก.ฉุกเฉินควบคุมตัวเพื่อทำการซักถาม เมื่อครบ 7 วัน ถ้าพบว่ามีความผิดก็จะขอให้ศาลออกหมายจับ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานการออกหมายจับ นายอับดุลรอนิง เนื่องจากในการสืบสวนสอบสวน พบว่า มีการเชื่อมโยงกับนายอับดุลราซะ ดูมีแด และในการซักถามนายอับดุลรอนิง ให้การที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับเครือข่ายของเต็นท์รถมือสองในพื้นที่ จ.ปัตตานี และ ยะลา เพราะนายอัลดุลรอนิง ใช้เวลาว่างในการเป็นนายหน้าหารถยนต์ให้แก่ผู้ต้องการรถยนต์ รุ่น และยี่ห้อต่างๆ ที่เป็นรถมือสอง แต่ไม่ได้เป็นเจ้าของเต็นท์รถ และสาเหตุสำคัญที่มีการจับกุมนายอับดุลรอนิง เนื่องจากชุดจับกุมได้เชื่อมโยงประวัติของนายอับดุลรอนิง ซึ่งเคยตกเป็นผู้ต้องหาในคดีวางระเบิดในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี เมื่อปี 2551 ซึ่งเป็นการทำประวัติเก่ามาโยงเพื่อสาวไปถึงแนวร่วมขบวนการก่อการร้ายในพื้นที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ จ.ยะลา และปัตตานี ต่างพยายามที่จะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องต่อการจับกุม และการสืบสวนสอบสวน เนื่องจากข้อมูลที่ตำรวจในพื้นที่ที่มีอยู่ไม่ตรงกับข้อมูลของตำรวจที่มาจากส่วนกลาง และการแถลงข่าวของตำรวจในส่วนกลาง เช่น ตำรวจในท้องที่รู้ดีว่า นายอับดุบรอนิง ดือราแม ไม่ได้เป็นเจ้าของเต็นท์รถยนต์มือสอง และไม่ได้มีชื่อว่า “บังยี” แต่ตำรวจส่วนกลางแถลงว่า “บังยี” คือ นายอับดุลรอนิง และเป็นเจ้าของเต็นท์รถ เช่นเดียวกับนายอับดุลราซะ ดูมีแด ที่เป็นเพียงพนักงานขับรถ แต่ตำรวจส่วนกลางแถลงว่าเป็นเจ้าของเต็นท์รถ ทำให้ตำรวจในพื้นที่ถูกประชาชนที่ไม่เข้าใจต่อว่าเพราะไม่พอใจ โดยเข้าใจว่าตำรวจท้องที่ ใส่ร้ายป้ายสี และจับแพะเพื่อปิดคดี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านในพื้นที่เขตเทศบาลจังหวัดปัตตานี และชาวบ้านที่ อ.ยะหา จ.ยะลา ซึ่งรู้จักกับ นายอับดุลราซะ ดูมีแด และนายอับดุลรอนิง ดือราแม ได้มีการวิพากษ์วิจารณ์ในการที่เจ้าหน้าที่กล่าวหาว่า ทั้งสองเป็นผู้ต้องหาที่เป็นเจ้าของเต็นท์รถยนต์มือ 2 และมีส่วนเกี่ยวพันกับคาร์บอมบ์ที่ อ.เกาะสมุยอย่างมาก เนื่องจากคนในพื้นที่ต่างรู้ดีว่า บุคคลทั้งสองไม่ได้เป็นเจ้าของเต็นท์รถตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจกล่าวหาแต่อย่างใด จึงทำให้เกิดกระแสความไม่มั่นใจในการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ และต่างเชื่อว่าเจ้าหน้าที่กำลังเร่งปิดคดีด้วยการจับแพะ

ในขณะที่ พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการะเกตุ ผบช.ศูนย์ปฏิบัติการตำรวจจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้กล่าวต่อผู้สื่อข่าวที่ขอทราบความคืบหน้าของการติดตามจับกุมคนร้าย และการค้นหารถยนต์ 3 คันในพื้นที่ว่า คืบหน้าไปถึงไหน โดย ผบช.ศชต. กล่าวว่า ถ้าต้องการรู้ความคืบหน้าของเรื่องคาร์บอมบ์เกาะสมุย ให้ไปถามที่ พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ ที่เป็นผู้รับผิดชอบคดีนี้ ไม่ต้องมาถามที่ตนเพราะตนไม่ทราบ

และ พล.ท.ปราการ ชลยุทธ แม่ทัพภาคที่ 4 และ ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ได้เปิดเผยถึงเรื่องการติดตามหารถยนต์ และการติดตามคนร้ายในส่วนของ กอ.รมน.ว่า ให้ไปติดตามการทำงานจากตำรวจ เพราะตำรวจมีหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวน และขณะนี้ยังไม่มีอะไรที่ชัดเจนว่า สาเหตุมาจากฝีมือของนักการเมือง หรือมาจากการก่อการร้ายของกลุ่มก่อความไม่สงบ

สำหรับในศูนย์ปฏิบัติการของ ศชต. ที่ใช้ในการควบคุมตัวของ นายอับดุลราซะ ดูมีแด และนายอับดุลรอนิง ดือราแม ซึ่งทั้งสองถูกออกหมายจับตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เจ้าหน้าที่ได้เปิดเผยว่า ต้องจัดเจ้าหน้าที่ติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากทั้งสองมีอาการเครียดจากการที่ถูกเจ้าหน้าที่ หมุนเวียนกันซักถาม ดังนั้น จึงมีคำสั่งให้มีการจัดเวรยามดูแลอย่างใกล้ชิด และเจ้าหน้าที่ได้เปิดโอกาสให้ญาติๆ เข้าเยี่ยมได้ตามเวลาของการเยี่ยมเพื่อเป็นการผ่อนคลาย

รายงานข่าวแจ้งว่า ชุดสืบสวนคดีพิเศษของ ศชต. ซึ่งมี พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ เป็นหัวหน้าชุด ได้ส่งสายสืบเข้าตรวจสอบพื้นที่ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานีอีก 3 จุด ทั้งในพื้นที่ ต.สะบารัง นาเกลือ และถนนสายโรงเหล้า เพื่อหาเบาะแสของหญิงสาวที่เป็นผู้เดินทางกับรถเก๋งฮอนด้าซีวิค และเป็นผู้ที่ทำการซื้อตั๋วเรือเฟอร์รี่ที่ท่าเรือ อ.ดอนศักดิ์ เนื่องจากได้เบาะแสว่าหญิงสาวคนดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ จ.ปัตตานี

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คดีคาร์บอมบ์เกาะสมุย ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 11 เม.ย. จนถึงขณะนี้วันที่ 22 เม.ย. กล่าวในรูปของคดียังไม่มีความคืบหน้าในเรื่องของคนร้าย และผู้สั่งการแต่อย่างใด ขณะนี้สิ่งที่เจ้าหน้าที่ดำเนินการอยู่คือ การจับกุมกลุ่มนายหน้าค้ารถมือสองในพื้นที่ เพื่อที่จะสาวไปยังผู้ที่ซื้อรถยนต์อีก 3 คันไปร่วมในทีมการทำคาร์บอมบ์ซึ่งในที่สุด เจ้าหน้าที่อาจจะได้ตัวของนายหน้าค้ารถมือสองมาเป็นผู้ต้องหา โดยที่สาวไปไม่ถึงผู้ที่ซื้อรถยนต์ และผู้ที่ประกอบคาร์บอมบ์รวมทั้งมือคาร์บอมบ์ เพราะในการทางการข่าวเชื่อว่ากลุ่มแนวร่วมที่เป็นคนร้ายทั้งในพื้นที่ 3 จังหวัด และ เครือข่ายที่เกาะสมุยได้หลบออกจากพื้นที่หมดแล้ว

นายตำรวจผู้คร่ำหวอดต่อคดีความมั่นคงระดับสูงใน ศชต. ผู้หนึ่งกล่าวว่า คดีนี้สุดท้ายก็จะมีการออกหมายจับแนวร่วมในพื้นที่ อ.ยะหา จ.ยะลา อ.หนองจิก จ.ปัตตานี และ อ.เทพา จ.สงขลา รวมทั้งกลุ่มนายหน้าค้ารถยนต์อีก 2-3 คน และจบลงเช่นเดียวกับคดีใหญ่ที่เกิดขึ้น โดยที่ไม่มีหลักฐานที่จะแสดงให้เห็นว่าเป็นเรื่องของการเมือง หรือเป็นเรื่องของขบวนการแบ่งแยกดินแดน
 
 
 

กำลังโหลดความคิดเห็น