ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - ชุดสืบสวนเปลี่ยนแผนควานหารถยนต์ 3 คัน และผู้ซื้อขายรถใน 3 จังหวัด 4 อำเภอ ทหารได้กุญแจสำคัญชื่อ “แบลี” ที่เป็นผู้นำรถมาขายในพื้นที่ยะลา และปัตตานี พร้อมสั่งสอบประวัติ นุกูล ชายในภาพสเกตช์ เพื่อหาจุดเชื่อมโยง
วันนี้ (20 เม.ย.) พล.ต.ท.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการสืบสวนจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุ “คาร์บอมบ์” ที่ลานจอดรถห้างเซ็นทรัล เฟสติวิล อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ได้เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้เปลี่ยนแผนการสืบสวนใหม่ โดยได้สั่งการให้ตำรวจชุดคลี่คลายคดีนี้ติดตามหาเบาะแสของรถยนต์ที่อยู่ในกลุ่มคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุทั้ง 3 คัน คือ รถกรบะะมิตชูมิซิ ไทรทัน รถกระบะอีซูซุ ดีแมคซ์ และรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค โดยจากการตรวจสอบเส้นทางการหลบหนีหลังก่อเหตุ เชื่อว่ารถยนต์ทั้ง 3 คัน ยังอยู่ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนภาคใต้ หากสามารถหาพบรถยนต์ จะสามารถสืบสวนได้ตัวคนร้ายทั้งหมดอย่างแน่นอน ซึ่งขณะนี้ได้มีการเข้าตรวจสอบในจุดที่เชื่อว่าน่าจะเป็นที่ซุกซ่อนรถยนต์ทั้งหมดแล้วหลายแห่ง แต่ยังไม่พบ เพราะมีการเคลื่อนย้าย และ อาจจะมีการดัดแปลง เช่น เปลี่ยนสี และอุปกรณ์ต่างๆ
ในขณะเดียวกัน พล.ต.ท.อนุรุต กฤษณะการเกตุ ผบช. ศชต. ได้กล่าวว่า ได้มีการประสานงานกับ ผบช.ภ.9 เพื่อตรวจสอบติดตามเบาะแสของรถยนต์ และคนร้าย รวมทั้งผู้เกี่ยวข้อง เช่น ผู้มีอาชีพซื้อ-ขายรถยนต์มือสองซึ่งมีอยู่เป็นจำนวนมาก ทั้งที่มีเต็นท์ และที่ไม่มีเต็นท์ โดยเฉพาะ “บังยี” ที่มีข่าวว่าเป็นผู้ซื้อรถยนต์ทั้ง 3 คันจากเต็นท์รถที่ จ.นนทบุรี ซึ่งมีเบาะแสว่าเป็น นายหน้าค้ารถในพื้นที่ จ.สงขลา แต่มีเครือข่ายกับกลุ่มผู้ค้ารถมือสองในพื้นที่ 3 จังหวัด เพราะได้มีการตรวจสอบแล้วไม่พบว่า “บังยี” เป็นพ่อค้ารถใน จ.ยะลา และอื่นๆ รวมทั้งชื่อที่เรียกกันว่าว่า “บัง” แสดงว่าไม่ใช่คนใน 3 จังหวัดอย่างแน่นอน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชุดสืบสวนของ ภ.จว.สงขลา และชุดสืบสวนของ กกสส.ภ.9 ได้เข้าตรวจสอบเต็นท์รถในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ อ.นาทวี อ.จะนะ อ.สะบ้าย้อย อ.เทพา และ อ.สะเดา จ.สงขลา เพื่อหาเต็นท์รถ “บังยี” ตามข่าวที่หน่วยข่าวกรองของ กอ.รมน.ได้มา ซึ่งพบว่ามีผู้ขายรถมือ 2 ที่ชื่อ “บังยี” มีจำนวนหลายคน ส่วนเต็นท์รถมือ 2 ที่ชื่อเต็นท์ “บังยี” ไม่ได้ในจังหวัดสงขลา ซึ่งขณะนี้ชุดสืบสวนได้ทำการติดตามผู้มีอาชีพซื้อ-ขาย รถมือสองที่มีชื่อ “บังยี” ทุกคนมาทำการสอบข้อเท็จจริงว่ามีส่วนในการซื้อรถยนต์ทั้ง 3 คัน มาขายต่อให้ใครหรือไม่
และจากการซักถาม นายอับดุลรอนิง ดือราแม ซึ่งเป็นพนักงานขับรถของสำนักงานปฏิรูปที่ดิน จ.ปัตตานี ซึ่งทหารได้ควบคุมตัวเป็นผู้ต้องสงสัยว่า เป็นผู้ติดต่อซื้อ-ขายรถอีซูซุ ดีแมคช์ที่ใช้ในการพามือ “คาร์บอมบ์” กลับจากเกาะสมุย ซึ่งขณะนี้ถูกควบคุมตัวที่กรมทหารพรานที่ 43 ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี สามารถได้ข้อมูลบางส่วนของกลุ่มผู้ซื้อ-ขายรถมือ 2 ใน จ.ปัตตานี และยะลา โดยมีชื่อผู้ต้องสงสัยว่าเป็นผู้ซื้อรถยนต์คันดังกล่าวชื่อว่า “ลี” หรือ “แบลี” เป็นชาว จ.ปัตตานี แต่หลังจากที่มีการควบคุมตัวนายอับดุลรอนิง ปรากฏว่า นาย “ลี” หรือ “แบลี” ได้หายไป ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้สืบสวนเพื่อติดตามตัวอยู่ โดยหน่วยข่าวกรองเชื่อว่าถ้าได้ตัวนาย “ลี” หรือ “แบลี” จะสาวไปถึงกลุ่มคนร้ายได้แน่อน นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้เบาะแสบางอย่างว่า คนร้ายอาจจะมีส่วนเกี่ยวพันกับร้านขายเสื้อผ้ากีฬาแห่งหนึ่งในตัวเมือง ปัตตานี โดยเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบจำนวนหนึ่งเข้าไปขอตรวจค้นร้านขายเสื้อผ้านักฬีกาแห่งหนึ่ง แต่ต้องคว้าน้ำเหลวเพราะร้านดังกล่าวไม่ได้เปิดขายเหมือนทุกวัน
สำหรับภาพสเกตช์ของผู้ต้องสัยว่าเป็นผู้ขับรถยนต์ที่ประกอบเป็น “คาร์บอมบ์” ซึ่งตรงกับรูปหน้าตาของนายนุกูล ยงหนู นั้น ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากชุดสอบสวน ว่า เมื่อมีพยานยืนยันโดยเห็นว่าเป็นผู้ที่มากับรถยนต์ที่เป็น “คาร์บอมบ์” ตามกฎหมายต้องถือว่ามีมูลที่จะต้องดำเนินการ สืบสวนสอบสวนหารายละเอียดเพิ่มเติม ถึงแม้ว่าผู้ที่มีหน้าตาตรงกับภาพสเกตช์จะออกมา ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่ในส่วนของพนักงานสอบสวนยังต้องดำเนินการต่อจนกว่าจะได้ข้อมูลที่ชัดเจนว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
อย่างไรก็ตาม ได้มีการตั้งข้อสังเกตในการสเกตช์ภาพของผู้ต้องสงสัยตามพยานที่อยู่บนเรือเฟอร์รี่ โดยให้การต่อเจ้าหน้าที่ชุดสอบสวนคดี “คาร์บอมบ์” ว่า เป็นคนที่ยืนอยู่ข้างรถยนต์ที่ประกอบเป็น “คาร์บอมบ์” ว่า โดยปกติหลังการสเกตช์ภาพของผู้ต้องสงสัยตามคำบอกเล่าของพยานจะต้องนำภาพสเกตช์มาตรวจสอบกับทะเบียนประวัติ และทะเบียนอาชญากร ไม่เคยปรากฏว่า หลังการสเกตช์ภาพเสร็จเพียงไม่ถึงชั่วโมง เจ้าหน้าที่สามารถบอกได้ว่าภาพสเกตช์มีชื่อ นามสกุล และที่อยู่ที่ชัดเจน และในการสเกตช์ภาพนั้นโดยปกติจะไม่มีความชัดเจน ขนาดที่เหมือนเลย ซึ่งมีการตั้งข้อสังเกตว่า การสเกช์ผู้ต้องสงสัยครั้งนี้เหมือนกับการเอาภาพถ่ายมาวาง และสเกตช์จากภาพนั้น
ในขณะเดียวกัน หน่วยข่าวกรองของ กอ.รมน.ภาค 4 ได้ สั่งการให้เจ้าหน้าที่การข่าวของ จ.พัทลุง ทำการตรวจสอบข้อมูลของนายนุกูล ถึงประวัติความเป็นมาทั้งหมดว่ามีการเชื่อมโยงกับกลุ่มการเมือง เชื่อมโยงกับกลุ่มผู้มีอิทธิพล หรือกลุ่มมือปืนรับจ้างใน จ.พัทลุง หรือไม่ เนื่องจากพบว่า ใน จ.พัทลุง มีกลุ่มผู้กว้างขวาง และกลุ่มสนับสนุนการเมืองอยู่หลายกลุ่ม แต่ยังตรวจไม่พบว่าในอดีตนายนุกูล เคยมีประวัติที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้กว้างขวาง และการเมืองแต่อย่างใด