ASTVผู้จัดการรายวัน – "ตัน" ลั่นกลองรบตลาด น้ำผลไม้ ทุ่มงบตลาด 200 ล้านบาท ดันไบเล่เข้าตลาด รบทุกรูปแบบสไตล์อิชิตัน หวังปลุกตลาดรวมน้ำผลไม้ให้คึกคัก เป้าหมาย ปีแรกยอดขาย 600 ล้านบาท แชร์ 20%
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผน ตลาดในการผลักดันเครื่องดื่มแบรนด์ “ไบเล่” เข้าตลาด ว่า บริษัทฯจะใช้งบการตลาดรวม ปีแรกประมาณ 200 ล้านบาท ในการทำตลาด เครื่องดื่มแบรนด์ไบเล่ ในทุกรูปแบบ เช่นเดียวกับการทำตลาดแบรนด์อื่นในเครือ แบรนด์ไบเล่ ก็ยังสามารถเข้าร่วมชิงโชค แคมเปญแจกเบนซ์ของอิชิตันได้ด้วย โดยจะใช้แบรนด์ไบเล่ นี้รุกตลาดเครื่องดื่มน้ำผล ไม้เป็นหลัก โดยตั้งเป้ายอดขายไบเล่ในช่วง 1 ปีแรก ( เม.ย. 58 – พ.ค. 59 ) 600 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งทางการตลาดเครื่องดื่มน้ำผลไม้ 10-15%
“การขยายธุรกิจของอิชิตันในการเข้าสู่ตลาดน้ำผลไม้ด้วยแบรนด์ไบเล่ คือ การนำคุณค่าของ แบรนด์ไบเล่ที่มีความผูกพันกับคนไทย และคนไทยรู้จักดีอยู่แล้ว มาเป็นกลยุทธ์ในการ เข้าตลาด ซึ่งในแง่ของตลาดนั้น ไม่จำเป็น ต้องแนะนำตัวกันมากนัก เพราะแบรนด์ไบเล่เป็น ที่จดจำและได้รับการยอมรับอยู่แล้ว”
ทั้งนี้อิชิตัน กรุ๊ป ได้ทำการซื้อสิทธ์ขาดแบรนด์ ไบเล่ มูลค่า 240 ล้านบาท กับเครื่องหมายการค้า ไบเล่ ที่มีต้นกำเนิดจากแคลิฟอร์เนียมากกว่า 100 ปี โดยได้สิทธิ์ใน 16 ประเทศคือ ไทย กัมพูชา เกาหลีใต้ แคนาดา เมียนมาร์ ฟิลิปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย ฮ่องกง บังคลาเทศ อินโดนีเซีย ไต้หวัน และเวียดนาม ทั้งนี้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์เดิมในไทยไม่ได้ทำธุรกิจต่อแล้ว เพราะมีอายุมากและทำมานาน ไม่ได้มีการลงทุนต่อ จึงขายสิทธิ์นั้นให้กับ ตัน เมื่อประมาณปีเศษที่ผ่านมา
สำหรับตลาดน้ำผลไม้โดยรวมในไทยมีมูลค่าประมาณ 12,500 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปีมานาน โดยแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ดังนี้คือ กลุ่มอีโคโนมีและซูเปอร์อีโคโนมี มีมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาทของตลาด ขณะที่ตลาดกลุ่ม พรีเมียมนั้นเติบโตดี ซึ่งไบเล่เข้ามาเล่นในกลุ่ม อีโคโนมีและซูเปอร์อีโคโนมี และคาดหวังว่าการเข้ามาทำตลาดของไบเล่ที่มีงบตลาดมาก และทำตลาดเชิงรุกจะช่วยทำ ให้ตลาดรวมเติบโตมากกว่า 10% ต่อปี
ทั้งนี้กลุ่มอีโคโนมีและซูเปอร์อีโคโนมี มีผู้เล่นหลักคือ พัลพิ มินิดเมทพัลพิ ส่วนแบ่งตลาด 26%, ดีโด้ 17%, กาโต 14% และที่เหลือแบรนด์อื่นรวมกัน ซึ่งนายตัน กล่าวอย่างมั่นใจว่า ไบเล่จะต้องมีส่วนแบ่งทาง การตลาดเครื่องดื่มผลไม้ 10-15% ในช่วงปีแรก และก้าวขึ่นติดท็อปไฟว์ในตลาดรวมให้ได้
ช่วงแรกจะมีผลิตภัณฑ์ 2 รสชาติคือ น้ำส้มกับน้ำองุ่น 10% เป็นรสชาติดั้งเดิม ขนาด 290 มล. ราคา 13 บาท ขวดเพ็ท
ในอนาคตมีแผนที่จะบุกเข้าตลาดทุกเซ็กเมนต์อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นแบบ 25% 50% หรือ 100% รวมทั้งมีแพกเกจจิ้งอย่างอื่นด้วย ปัจจุบันวางจำหน่ายแล้วในช่องทางหลักคือ คอนวีเนียนสโตร์ และเทรดดิชันนัลเทรด โดยมีดีเคเอสเอชเป็นผู้จัดจำหน่าย
นอกจากนั้นยังมีแผนที่จะทำตลาดส่งออกต่างประเทศด้วย โดยใช้เครือข่ายของอิชิตัน และพันธมิตรที่ทำตลาดอยู่แล้ว โดยจะเน้น ในตลาดที่ใกล้ๆไทยก่อน โดยมั่นใจว่า ในปี 2558 นี้ บริษัทฯจะมีรายได้รวม 7,500 ล้านบา ท ขณะที่ปีที่แล้วมีรายได้รวม 6,180 ล้านบาท ซึ่งไตรมาสแรกคาดว่าสามารถทำได้เกินเป้าหมาย สังเกตุจาก ไตรมาสแรกปีนี้เรายังคงต้อง จ้างโรงงานอื่นผลิตให้อีกด้วย 2 โรงงาน ทั้งๆที่บริษัฯมีโรงงานผลิตเองอยู่แล้ว 6 ไลน์การผลิต มีกำลังผลิตวันละ 150,000 ลังต่อวัน หรือประมาณ 1,200 ล้านขวดต่อปี และเพิ่มได้ถึง 1,500 ล้านขวดต่อปี ในผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเครืออิชิตันรวมกัน จากโรงงานที่ลงทุนไปมากกว่า 8,000 ล้านบาท
นายตัน ภาสกรนที กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผน ตลาดในการผลักดันเครื่องดื่มแบรนด์ “ไบเล่” เข้าตลาด ว่า บริษัทฯจะใช้งบการตลาดรวม ปีแรกประมาณ 200 ล้านบาท ในการทำตลาด เครื่องดื่มแบรนด์ไบเล่ ในทุกรูปแบบ เช่นเดียวกับการทำตลาดแบรนด์อื่นในเครือ แบรนด์ไบเล่ ก็ยังสามารถเข้าร่วมชิงโชค แคมเปญแจกเบนซ์ของอิชิตันได้ด้วย โดยจะใช้แบรนด์ไบเล่ นี้รุกตลาดเครื่องดื่มน้ำผล ไม้เป็นหลัก โดยตั้งเป้ายอดขายไบเล่ในช่วง 1 ปีแรก ( เม.ย. 58 – พ.ค. 59 ) 600 ล้านบาท และมีส่วนแบ่งทางการตลาดเครื่องดื่มน้ำผลไม้ 10-15%
“การขยายธุรกิจของอิชิตันในการเข้าสู่ตลาดน้ำผลไม้ด้วยแบรนด์ไบเล่ คือ การนำคุณค่าของ แบรนด์ไบเล่ที่มีความผูกพันกับคนไทย และคนไทยรู้จักดีอยู่แล้ว มาเป็นกลยุทธ์ในการ เข้าตลาด ซึ่งในแง่ของตลาดนั้น ไม่จำเป็น ต้องแนะนำตัวกันมากนัก เพราะแบรนด์ไบเล่เป็น ที่จดจำและได้รับการยอมรับอยู่แล้ว”
ทั้งนี้อิชิตัน กรุ๊ป ได้ทำการซื้อสิทธ์ขาดแบรนด์ ไบเล่ มูลค่า 240 ล้านบาท กับเครื่องหมายการค้า ไบเล่ ที่มีต้นกำเนิดจากแคลิฟอร์เนียมากกว่า 100 ปี โดยได้สิทธิ์ใน 16 ประเทศคือ ไทย กัมพูชา เกาหลีใต้ แคนาดา เมียนมาร์ ฟิลิปินส์ มาเลเซีย สิงคโปร์ สหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย ฮ่องกง บังคลาเทศ อินโดนีเซีย ไต้หวัน และเวียดนาม ทั้งนี้ผู้ที่ได้รับสิทธิ์เดิมในไทยไม่ได้ทำธุรกิจต่อแล้ว เพราะมีอายุมากและทำมานาน ไม่ได้มีการลงทุนต่อ จึงขายสิทธิ์นั้นให้กับ ตัน เมื่อประมาณปีเศษที่ผ่านมา
สำหรับตลาดน้ำผลไม้โดยรวมในไทยมีมูลค่าประมาณ 12,500 ล้านบาท เติบโตเฉลี่ย 5% ต่อปีมานาน โดยแบ่งเป็นกลุ่มใหญ่ๆได้ดังนี้คือ กลุ่มอีโคโนมีและซูเปอร์อีโคโนมี มีมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาทของตลาด ขณะที่ตลาดกลุ่ม พรีเมียมนั้นเติบโตดี ซึ่งไบเล่เข้ามาเล่นในกลุ่ม อีโคโนมีและซูเปอร์อีโคโนมี และคาดหวังว่าการเข้ามาทำตลาดของไบเล่ที่มีงบตลาดมาก และทำตลาดเชิงรุกจะช่วยทำ ให้ตลาดรวมเติบโตมากกว่า 10% ต่อปี
ทั้งนี้กลุ่มอีโคโนมีและซูเปอร์อีโคโนมี มีผู้เล่นหลักคือ พัลพิ มินิดเมทพัลพิ ส่วนแบ่งตลาด 26%, ดีโด้ 17%, กาโต 14% และที่เหลือแบรนด์อื่นรวมกัน ซึ่งนายตัน กล่าวอย่างมั่นใจว่า ไบเล่จะต้องมีส่วนแบ่งทาง การตลาดเครื่องดื่มผลไม้ 10-15% ในช่วงปีแรก และก้าวขึ่นติดท็อปไฟว์ในตลาดรวมให้ได้
ช่วงแรกจะมีผลิตภัณฑ์ 2 รสชาติคือ น้ำส้มกับน้ำองุ่น 10% เป็นรสชาติดั้งเดิม ขนาด 290 มล. ราคา 13 บาท ขวดเพ็ท
ในอนาคตมีแผนที่จะบุกเข้าตลาดทุกเซ็กเมนต์อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นแบบ 25% 50% หรือ 100% รวมทั้งมีแพกเกจจิ้งอย่างอื่นด้วย ปัจจุบันวางจำหน่ายแล้วในช่องทางหลักคือ คอนวีเนียนสโตร์ และเทรดดิชันนัลเทรด โดยมีดีเคเอสเอชเป็นผู้จัดจำหน่าย
นอกจากนั้นยังมีแผนที่จะทำตลาดส่งออกต่างประเทศด้วย โดยใช้เครือข่ายของอิชิตัน และพันธมิตรที่ทำตลาดอยู่แล้ว โดยจะเน้น ในตลาดที่ใกล้ๆไทยก่อน โดยมั่นใจว่า ในปี 2558 นี้ บริษัทฯจะมีรายได้รวม 7,500 ล้านบา ท ขณะที่ปีที่แล้วมีรายได้รวม 6,180 ล้านบาท ซึ่งไตรมาสแรกคาดว่าสามารถทำได้เกินเป้าหมาย สังเกตุจาก ไตรมาสแรกปีนี้เรายังคงต้อง จ้างโรงงานอื่นผลิตให้อีกด้วย 2 โรงงาน ทั้งๆที่บริษัฯมีโรงงานผลิตเองอยู่แล้ว 6 ไลน์การผลิต มีกำลังผลิตวันละ 150,000 ลังต่อวัน หรือประมาณ 1,200 ล้านขวดต่อปี และเพิ่มได้ถึง 1,500 ล้านขวดต่อปี ในผลิตภัณฑ์ทั้งหมดของเครืออิชิตันรวมกัน จากโรงงานที่ลงทุนไปมากกว่า 8,000 ล้านบาท
![[ชมคลิป] ฟื้น “ไบเล่” รุกสไตล์ “ตัน” เป้าปีแรก 600 ล้าน แชร์ 10-15%](https://mpics.mgronline.com/pics/Images/558000004790601.JPEG)
