"ยะใส"จับตาอายัด 40 ล้าน "ธาริต-เมีย" แค่หวือหวา เป็นวิบากกรรมที่เพิ่งเริ่มต้น เชื่อป.ป.ช.-ปปง. อาจขยายผลสอบสวนได้เพิ่มอีก ด้านป.ป.ช.ปัดดิสเครดิต ชี้พบมีการเคลื่อนย้ายทรัพย์สิน จึงมีมติสั่งอายัด ย้ำทำได้ชั่วคราว 1 ปี ให้เจ้าของทรัพย์มาพิสูจน์ ยันให้ความยุติธรรม
วานนี้ (20 เม.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา อาจารย์ประจำวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความเห็น กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีคำสั่งอายัดทรัพย์ของ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ ภรรยา จำนวน 40.95 ล้านบาท
"เรื่องราวของคุณธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดี DSI หวือหวา หรือวิบากกรรมเพิ่งเริ่มต้น ! คุณธาริต ปัจจุบันยังรับราชการดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถือเป็นข้าราชการผู้หวือหวา อันดับต้นๆของระบบราชการไทย “หวือหวา”ชนิดที่ห้าวหาญในการใช้อำนาจที่มีนัยการเมืองได้ตลอดเวลา จนผู้มีอำนาจทางการเมืองชอบอก ชอบใจ เป็นเหตุให้เขาอยู่ยงคงกระพัน ไม่ว่าการเมืองจะพลิกออกหน้าไหนก็ตาม แต่สุดท้าย กระเด็นจากตำแหน่งเพราะรัฐประหาร
คำสั่งป.ป.ช. อายัดทรัพย์สินกว่า 40 ล้านบาท ของธาริต รอบนี้แน่นอนก็ต้องรอคุณธาริตชี้แจงการได้มา ว่าผิดปกติหรือไม่ ถ้าผิดปกติก็เข้าใกล้คุก หรืออาจจะถูกให้ออกจากราชการก่อนเกษียณ ซึ่งต้องติดตามกัน ส่วนข้อสังเกตที่ว่าทำไม 40 ล้าน ตัวเลขน้อยจัง หรือมีมากกว่านี้ ก็เป็นเรื่องที่ทั้ง ป.ป.ช. และ ปปง. อาจจะต้องขยายผลสอบสวนกันไปตามข้อเท็จจริง
แต่ที่อดเวทนาไม่ได้ ที่คุณธาริต บอกป.ป.ช.ล็อกเป้าเอาผิด จ้องเล่นงานตัวเขานั้น ดูเหมือนออกอาการเกินเหตุ ทั้งที่คุณธาริต มีเวลาชี้แจงต่อป.ป.ช.ตั้ง 30 วัน ทำไมไม่นึกถึงตอนที่ตนเองเป็น อธิบดี DSIไล่อายัดบัญชีแกนนำ กปปส. ในช่วงชุมนุม กลั่นแกล้งเล่นงานเป็นรายวันก็ทำมาแล้ว ถึงคราวโดนกรรมตามเล่นงานบ้าง ก็อย่าร้อง ให้อายคนนักเลย
กรณีคุณธาริต เป็นอุทาหรณ์ให้ข้าราชการไทยพึงระมัดระวัง เพราะการใช้อำนาจเพื่อสนองกิเลสนักการเมืองนั้น บางครั้งก็ต้องมานั่งรับกรรมอยู่คนเดียว นาทีนี้คาดว่า คุณธาริต คงนึกถึงร.ต.อ.เฉลิม ก่อนใครเพื่อนกระมัง"
ด้านนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป.ป.ช. กล่าวว่า กรณีนี้ คณะอนุกรรมการไต่สวนเรื่องดังกล่าวได้ดำเนินการไต่สวนโดยละเอียดถี่ถ้วน ก่อนที่จะรายงานต่อที่ประชุมป.ป.ช. เพื่อขอมติดำเนินการอายัดทรัพย์ชั่วคราวดังกล่าว ซึ่งการพิจารณา และตรวจสอบอย่างละเอียดตามหลักฐาน และพบว่ามีพฤติกรรมเคลื่อนย้ายทรัพย์สิน จึงอายัดทรัพย์ชั่วคราว
ทั้งนี้ ป.ป.ช.ให้ความยุติธรรมทั้งหมด โดยนายธาริต มีสิทธิที่จะมาชี้แจงทรัพย์สินภายใน 30 วัน และมาพิสูจน์ทรัพย์ที่ถูกอายัดนี้ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ หากชี้แจงได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับที่ถูกอายัด ก็ต้องคืนไป โดยป.ป.ช.สามารถอายัดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ได้ 1 ปี เพื่อทำการพิสูจน์ทรัพย์ดังกล่าว หากครบ 1 ปีแล้วไม่มีความผิดปกติ ป.ป.ช. ทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องยกเลิกคำสั่งอายัด
ส่วนที่นายธาริต ระบุว่าได้รับหนังสือแจ้งเรื่องอายัดทรัพย์สินเมื่อวันที่ 16 มี.ค. ที่ผ่านมา และครบกำหนด 30 วัน ในวันที่ 20 เม.ย.นี้ แต่ได้ยื่นหนังสือขอขยายเวลาการเข้าชี้แจง ทางคณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาอย่างไร นายปานเทพ กล่าวว่า เชื่อว่าทางคณะอนุกรรมการไต่สวน เรื่องดังกล่าว คงรายงานกรณีที่นายธาริต ขอขยายเวลาเข้าชี้แจงต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ในวันอังคารที่ 21 เม.ย.นี้ ซึ่งตามกฎหมายผู้ถูกกล่าวหาสามารถยื่นขอขยายเวลาเข้าชี้แจงได้อีก 30 วัน
ส่วนจะให้ขยายเวลาหรือไม่ก็แล้วแต่มติที่ประชุมคณะกรรมการ ส่วนกรณีที่นายธาริต มองว่า เรื่องนี้เขาถูกดิสเครดิตนั้น ไม่ได้ดิสเครดิต เพราะเป็นการไต่สวนตามกฎหมาย และพิจารณาตามหลักฐาน และเมื่อผู้ถูกกล่าวหาสามารถชี้แจงรายละเอียดของทรัพย์สินที่ถูกยึดได้ ก็คืนทรัพย์ไป เป็นหน้าที่ที่จะต้องมาพิสูจน์ ไม่ได้ดิสเครดิต
วานนี้ (20 เม.ย.) นายสุริยะใส กตะศิลา อาจารย์ประจำวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว แสดงความเห็น กรณีคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีคำสั่งอายัดทรัพย์ของ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ ภรรยา จำนวน 40.95 ล้านบาท
"เรื่องราวของคุณธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดี DSI หวือหวา หรือวิบากกรรมเพิ่งเริ่มต้น ! คุณธาริต ปัจจุบันยังรับราชการดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ถือเป็นข้าราชการผู้หวือหวา อันดับต้นๆของระบบราชการไทย “หวือหวา”ชนิดที่ห้าวหาญในการใช้อำนาจที่มีนัยการเมืองได้ตลอดเวลา จนผู้มีอำนาจทางการเมืองชอบอก ชอบใจ เป็นเหตุให้เขาอยู่ยงคงกระพัน ไม่ว่าการเมืองจะพลิกออกหน้าไหนก็ตาม แต่สุดท้าย กระเด็นจากตำแหน่งเพราะรัฐประหาร
คำสั่งป.ป.ช. อายัดทรัพย์สินกว่า 40 ล้านบาท ของธาริต รอบนี้แน่นอนก็ต้องรอคุณธาริตชี้แจงการได้มา ว่าผิดปกติหรือไม่ ถ้าผิดปกติก็เข้าใกล้คุก หรืออาจจะถูกให้ออกจากราชการก่อนเกษียณ ซึ่งต้องติดตามกัน ส่วนข้อสังเกตที่ว่าทำไม 40 ล้าน ตัวเลขน้อยจัง หรือมีมากกว่านี้ ก็เป็นเรื่องที่ทั้ง ป.ป.ช. และ ปปง. อาจจะต้องขยายผลสอบสวนกันไปตามข้อเท็จจริง
แต่ที่อดเวทนาไม่ได้ ที่คุณธาริต บอกป.ป.ช.ล็อกเป้าเอาผิด จ้องเล่นงานตัวเขานั้น ดูเหมือนออกอาการเกินเหตุ ทั้งที่คุณธาริต มีเวลาชี้แจงต่อป.ป.ช.ตั้ง 30 วัน ทำไมไม่นึกถึงตอนที่ตนเองเป็น อธิบดี DSIไล่อายัดบัญชีแกนนำ กปปส. ในช่วงชุมนุม กลั่นแกล้งเล่นงานเป็นรายวันก็ทำมาแล้ว ถึงคราวโดนกรรมตามเล่นงานบ้าง ก็อย่าร้อง ให้อายคนนักเลย
กรณีคุณธาริต เป็นอุทาหรณ์ให้ข้าราชการไทยพึงระมัดระวัง เพราะการใช้อำนาจเพื่อสนองกิเลสนักการเมืองนั้น บางครั้งก็ต้องมานั่งรับกรรมอยู่คนเดียว นาทีนี้คาดว่า คุณธาริต คงนึกถึงร.ต.อ.เฉลิม ก่อนใครเพื่อนกระมัง"
ด้านนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธานคณะกรรมการป.ป.ช. กล่าวว่า กรณีนี้ คณะอนุกรรมการไต่สวนเรื่องดังกล่าวได้ดำเนินการไต่สวนโดยละเอียดถี่ถ้วน ก่อนที่จะรายงานต่อที่ประชุมป.ป.ช. เพื่อขอมติดำเนินการอายัดทรัพย์ชั่วคราวดังกล่าว ซึ่งการพิจารณา และตรวจสอบอย่างละเอียดตามหลักฐาน และพบว่ามีพฤติกรรมเคลื่อนย้ายทรัพย์สิน จึงอายัดทรัพย์ชั่วคราว
ทั้งนี้ ป.ป.ช.ให้ความยุติธรรมทั้งหมด โดยนายธาริต มีสิทธิที่จะมาชี้แจงทรัพย์สินภายใน 30 วัน และมาพิสูจน์ทรัพย์ที่ถูกอายัดนี้ ไม่ว่าจะเป็นทรัพย์สิน ที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ หากชี้แจงได้ว่าไม่เกี่ยวข้องกับที่ถูกอายัด ก็ต้องคืนไป โดยป.ป.ช.สามารถอายัดทรัพย์สินดังกล่าวไว้ได้ 1 ปี เพื่อทำการพิสูจน์ทรัพย์ดังกล่าว หากครบ 1 ปีแล้วไม่มีความผิดปกติ ป.ป.ช. ทำอะไรไม่ได้ ก็ต้องยกเลิกคำสั่งอายัด
ส่วนที่นายธาริต ระบุว่าได้รับหนังสือแจ้งเรื่องอายัดทรัพย์สินเมื่อวันที่ 16 มี.ค. ที่ผ่านมา และครบกำหนด 30 วัน ในวันที่ 20 เม.ย.นี้ แต่ได้ยื่นหนังสือขอขยายเวลาการเข้าชี้แจง ทางคณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาอย่างไร นายปานเทพ กล่าวว่า เชื่อว่าทางคณะอนุกรรมการไต่สวน เรื่องดังกล่าว คงรายงานกรณีที่นายธาริต ขอขยายเวลาเข้าชี้แจงต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ ในวันอังคารที่ 21 เม.ย.นี้ ซึ่งตามกฎหมายผู้ถูกกล่าวหาสามารถยื่นขอขยายเวลาเข้าชี้แจงได้อีก 30 วัน
ส่วนจะให้ขยายเวลาหรือไม่ก็แล้วแต่มติที่ประชุมคณะกรรมการ ส่วนกรณีที่นายธาริต มองว่า เรื่องนี้เขาถูกดิสเครดิตนั้น ไม่ได้ดิสเครดิต เพราะเป็นการไต่สวนตามกฎหมาย และพิจารณาตามหลักฐาน และเมื่อผู้ถูกกล่าวหาสามารถชี้แจงรายละเอียดของทรัพย์สินที่ถูกยึดได้ ก็คืนทรัพย์ไป เป็นหน้าที่ที่จะต้องมาพิสูจน์ ไม่ได้ดิสเครดิต