xs
xsm
sm
md
lg

บทพิสูจน์จุดยืน“ศาลปกครอง” ในยุค“ปิยะ”ประธานขัดตาทัพ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

**เมื่อที่ประชุม คณะกรรมการตุลาการศาลปกครอง (ก.ศป.) มีมติ 8 ต่อ 3 เสียง ให้สั่งพักราชการ“หัสวุฒิ วิทิตวิริยกุล”ประธานศาลปกครองสูงสุด จากปม “จดหมายน้อย”ฝากตำรวจ เปิดทางให้ “ปิยะ ปะตังทา”รองประธานศาลปกครองสูงสุด คนที่ 1 มีโอกาสเข้าปฏิบัติหน้าที่ประธานศาลปกครองสูงสุด ในระหว่างการสอบสวนพิจารณาดำเนินการทางวินัย “หัสวุฒิ”ของคณะกรรมการสอบสวน และ ก.ศป.
ประเด็นที่ต้องติดตามต่อก็เป็นเรื่องการสอบสวนพิจารณาให้ความเป็นธรรมต่อ “หัสวุฒิ”ที่ยังคงมีตำแหน่งเป็นประธานศาลปกครองสูงสุด จึงมีคำถามว่า“ปิยะ ปะตังทา”ในฐานะ“ประธานขัดตาทัพ”ควรมีจุดยืน และหลักการทำงานอย่างไร เพื่อให้ถูกต้องตามกฏหมาย ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และ สามารถประคับประคองให้ “องค์กรศาลปกครอง”ยังเป็นที่ศรัทธาเชื่อมั่นของประชาชนในการทำหน้าที่ต่อไป
**ภายหลังที่ “ปิยะ”ขยับขึ้นมารักษาการประธานศาลปกครองสูงสุดไม่ทันไร ก็มีกระแสข่าวสะพัดตามหน้าสื่อว่า จะมีการปลด“ดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม”เลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง พร้อมกับมีชื่อตัวตายตัวแทนอย่าง “กาญจนารัตน์ ลีวิโรจน์”ที่ปรึกษาสำนักงานศาลปกครอง ที่จะมาเสียบเก้าอี้ของ“ดิเรกฤทธิ์”
ถือว่าเป็นข่าวที่ก่อให้เกิดความสับสน และความกังวลของบุคคลากรศาลปกครองเป็นอย่างยิ่ง ถึงการอำนวยความเป็นธรรมของศาลปกครองในยุคของ “ปิยะ”เพราะข่าวการปลด “ดิเรกฤทธิ์”ถูกมองว่า เป็นกระบวนการยึดอำนาจโดยไม่ชอบธรรม และกดดันให้คนบางกลุ่มในศาลปกครอง ยอมเข้าร่วมกระบวนการไปด้วย
เหตุเพราะ“ปิยะ”ได้รับคำสั่งให้ปฏิบัติหน้าที่ประธานศาลปกครองสูงสุดเพียง“ชั่วคราว”เท่านั้น ซึ่งคาดว่าจะไม่เกิน 60 วัน ตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนด ให้คณะกรรมการสอบสวนต้องรายงานผลการสอบสวนทางวินัย“หัสวุฒิ”เสนอต่อ ก.ศป. เมื่อเข้ามาทำหน้าที่เพียง“ชั่วคราว” จึงไม่ควรมีคำสั่งเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล หรือกระทั่งการริเริ่มงานในเชิงนโยบายใหม่
**ซึ่งต้องถามต่อว่า “ปิยะ”มีความมั่นใจได้อย่างไรว่า “หัสวุฒิ”จะไม่ได้กลับมาเป็นประธานศาลปกครองสูงสุดอีก หากที่สุด ก.ศป. มีมติให้“หัสวุฒิ”กลับเข้าทำงานต่อ แล้วมีการเปลี่ยนแปลงเลขาธิการสำนักงานศาลปกครองไปแล้ว ก็ย่อมมีปัญหาตามมาอย่างแน่นอน
อย่างน้อยๆ“หัสวุฒิ”ก็ต้องให้ความเป็นธรรมแก่“ดิเรกฤทธิ์”ก็จะยิ่งทำให้ปัญหายุ่งเหยิงไปกันใหญ่
ขณะที่กระบวนการการสอบสวนทางวินัย“หัสวุฒิ” ก็มีปรากฏการณ์ประหลาด เมื่อมีการเสนอเรื่องคัดค้านคณะกรรมการสอบสวนด้วยกันเองต่อ กศ.ป. โดยเป็นการคัดค้านกรรมการที่ สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ส่งมาร่วมสอบสวน ด้วยข้อหาสภาพร้ายแรงที่จะไม่เป็นกลาง เมื่อ กศ.ป. ส่งเรื่องไปยังก.พ. ก็ถูกแทงเรื่องกลับทันที เนื่องจากก.พ.เห็นว่า ทั้งกรรมการสอบสวน หรือ ก.ศป. ล้วนไม่ใช่ผู้มีสิทธิ์ที่จะร้องคัดค้านกรรมการด้วยกันได้
กลายเป็นเรื่องที่สร้างความเสื่อม-เสียหายต่อความน่าเชื่อถือของ ก.ศป. ตลอดจนความเป็นกลางของกรรมการสอบสวน ที่จนบัดนี้ก็ยังไม่เรียกประชุมพิจารณาใดๆ เลย ทั้งที่มีมติพักราชการ“หัสวุฒิ”ไปตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมา
ผนวกกับเสียงลือเสียงเล่าอ้างว่า กรรมการสอบสวนที่เป็นก.ศป.อยู่ ล้วนมีสภาพร้ายแรงที่จะไม่เป็นกลางมากกว่าเสียอีก
และไม่ว่าผลการสอบสวนของคณะกรรมการที่ตั้งขึ้นจะเป็นอย่างไร ก็ต้องส่งเรื่องให้ ก.ศป. ลงมติในขั้นตอนสุดท้ายอยู่ดี หาก“ปิยะ” เลือกที่เปลี่ยนตัวเลขาธิการสำนักงานศาลปกครองจริง ก็จะสะท้อนว่า “ปิยะ”ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ประธานศาลปกครองสูงสุด และประธาน ก.ศป. พิพากษาไปแล้วว่า “หัสวุฒิ”อาจมีความผิดทางวินัย และต้องลงโทษไล่ออกจากราชการ จึงถือโอกาสนี้ “ยึดอำนาจ”โดยการเปลี่ยนตัวเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง และไม่สนว่า“หัสวุฒิ”จะได้กลับนั่งเก้าอี้เดิมอีกหรือไม่
**หากเป็นเช่นนั้น “ปิยะ”ก็ถือว่ามีส่วนได้ส่วนเสียเต็มๆ การจะไปร่วมลงโทษทางวินัย“หัสวุฒิ”ย่อมไม่ถูกต้องอย่างแน่นอน
ขณะเดียวกัน การข่าวที่ว่า“กาญจนารัตน์”จ่อที่จะเสียบเก้าอี้ของ“ดิเรกฤทธิ์” เกิดขึ้นท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของบุคลากรในศาลปกครองว่า งานนี้มี“ใบสั่ง” เพื่อตอบแทน“กาญจนารัตน์”ที่มีผลงานโดดเด่นในหลายเรื่อง ที่สวนทางกับแนวทางของ“หัสวุฒิ” ทั้งเรื่องการแก้ไขกฏหมายจัดตั้งศาลปกครอง การเลือกผู้ทรงคุณวุฒิภายนอกเข้ามาเป็น ก.ศป. และการปฏิรูปศาลปกครองในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการยกร่างรัฐธรรมนูญ
การผลักดัน“กาญจนารัตน์”ให้เป็นเลขาธิการสำนักงานศาลปกครอง ซึ่งเป็นตำแหน่งทางราชการที่สูงที่สุดในช่วงก่อนที่จะเกษียณอายุราชการในเดือน ก.ย.58 หรือเหลือเวลาทำงานเพียง 4-5 เดือนเท่านั้น ก็ถูกมองว่าเป็นเพียง“ทางผ่าน”เพื่อที่จะสนับสนุนให้“กาญจนารัตน์”แต่งตัวก่อนเข้ารับตำแหน่งตุลาการศาลปกครองสูงสุด ภายหลังจากเกษียณอายุราชการเท่านั้น ไม่เพียงเท่านั้น “ปิยะ”ต้องไม่ลืมว่า การแต่งตั้งใครขึ้นมาทำงานในตำแหน่งสำคัญ ต้องพิจารณาไปถึง“ปูมหลัง”ว่า เคยมีเรื่องเสียหายในการรับราชการมาก่อนหรือไม่ด้วย
บทบาทของ“ปิยะ”ในช่วงที่ปฏิบัติหน้าที่ประธานศาลปกครองสูงสุดชั่วคราว ถือเป็นบทพิสูจน์ที่สำคัญถึงจุดยืน หลักการ และภาวะผู้นำของ“ปิยะ”ที่ย่อมถูกคนใน-คนนอก จับตามองอย่างแน่นอน และเป็นโอกาสที่จะได้แสดงความกล้าหาญ และยืนอยู่บนความถูกต้อง ผ่านการทำหน้าที่ประธานศาลปกครองสูงสุด และประธาน ก.ศป. ที่ตรงไปตรงมา โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ส่วนตน และต้องไม่กลัวเกรงอิทธิพลกลุ่มผลประโยชน์ใดๆ
และหากท้ายที่สุด“หัสวุฒิ”ถูกสอบสวนจนเสร็จสิ้นกระบวนความแล้ว มีเหตุให้ต้องพ้นตำแหน่งไป “ปิยะ”ที่มีอาวุโสสูงสุด ก็น่าจะได้รับเลือกจาก ก.ศป. ให้ดำรงตำแหน่งประธานศาลปกครองสูงสุด ถึงวันนั้นจะใช้อำนาจไปในทิศทางใดเพื่อสนองต่อนโยบายของตัวเอง เพื่อประโยชน์ขององค์กร ก็คงเป็นที่ยอมรับได้ และไม่มีผู้ใดคัดค้าน
อย่างไรก็ตาม หากยังยืนยันที่จะเปลี่ยนแปลงหรือแต่งตั้งเลขาธิการศาลปกครองคนใหม่นั้น ก็ควรเปิดให้มีการประบวนการสรรหาเหมือนในอดีตที่ผ่านมา ไม่ควรล็อฏเก้าอี้ให้คนใดคนหนึ่ง โดยไม่คำนึงถึงผลประโบยชน์ที่ส่วนร่วมจะได้รับ
บทบาทของชายชื่อ“ปิยะ ปะตังทา”ต่อจากนี้ไป ไม่เพียงจะเป็นบทพิสูจน์ตัวตนแท้จริงของตัวเองเท่านั้น ยังถือเป็นบทพิสูจน์จุดยืนของ “ศาลปกครอง”ต่อการอำนวยความยุติธรรมให้แก่สาธารณชนอีกด้วย
กำลังโหลดความคิดเห็น