xs
xsm
sm
md
lg

“ยาแรง” ใช้รักษาโรคให้ถูกทาง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ป้อมพระอาทิตย์
โดย โสภณ องค์การณ์

การเร่งตรวจสอบหลักฐานกรรมสิทธิ์การถือครองที่ดิน การบุกรุกที่ป่า อุทยาน พื้นที่สาธารณะโดย มาตรา 44 เป็นตัวช่วย กำลังได้รับเสียงเชียร์จากชาวบ้านอย่างเต็มที่หลังจากได้เห็นการใช้อำนาจเงิน อิทธิพลเถื่อน หนุนด้วยเครือข่ายการเมือง ของบรรดานายทุนและพวกมีเส้นสายมายาวนาน

เป็นการละเมิดกฎหมายอย่างโจ่งแจ้ง ได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่บ้านเมืองในการออกเอกสารสิทธิโดยมิชอบเพื่อแลกกับเงินและช่องทางก้าวหน้าในอาชีพราชการ

เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบ ผู้รักษากฎหมายไม่ทำหน้าที่จับกุมเพราะเป็นพวกเดียวกัน เกรงอิทธิพลของนักการเมือง ขณะที่ตัวเองได้ประโยชน์ตามน้ำไปด้วย เป็นมาอย่างนี้โดยตลอด

ผลก็คือ ตัวเลขประมาณการเบื้องต้นชี้ว่า พื้นที่ถูกบุกรุก ถือครองในรูปแบบต่างๆ มีอย่างน้อย 30 ล้านไร่ ความเป็นจริงน่าจะมากกว่านั้นถ้ารวมถึงการครอบครองถือกรรมสิทธิ์ผ่านตัวแทน

ในกรณี “โบนันซ่า” เป็นยอดของภูเขาน้ำแข็ง ยังมีอีกมากมายทั่วประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่ยอดนิยมเช่นเขาใหญ่ วังน้ำเขียว เขาค้อ เชียงใหม่ เชียงราย ภูเก็ต สมุย กระบี่


เกาะต่างๆ พื้นที่ในป่า ภูเขาสูง โดยปกติออกเอกสารสิทธิไม่ได้ ถูกบุกรุกอย่างกว้างขวาง

กรณีหมู่บ้านรีสอร์ทของนายพลตำรวจ อัยการ และข้าราชการตำแหน่งใหญ่โต ในนครราชสีมาถือเป็นอีกตัวอย่างของการใช้อิทธิพลทุกรูปแบบ การกระทำความผิดแบบนี้สมควรได้รับโทษเต็มที่

ล่าสุด พื้นที่เลียบอ่างเก็บน้ำลำตะคองที่เรียกกันว่า “มอย่างปลา” มีร้านอาหารขนาดต่างๆ 47 แห่งปลูกอย่างถาวรยึดครองพื้นที่นั้นมานานถึง 20 ปีโดยไม่มีเอกสารสิทธิไม่มีใครกล้าแตะ กำลังถูกอำนาจของมาตรา 44 ให้เจ้าของการรื้อถอนภายใน 30 วัน จะอ้างความยากจน ถูกรังแกไม่ได้

หากินบนที่ดินของรัฐมายาวนาน มีใครได้ประโยชน์นอกเหนือจากผู้ประกอบการหรือไม่ มาตรา 44 ยังให้อำนาจเจ้าหน้าที่จัดการปัญหาอะไรก็ตามที่สร้างความเดือดร้อนให้ชาวบ้าน การบุกรุกป่าทำลายต้นน้ำลำธารถือเป็น อาชญากรรมเลวร้าย โดยเฉพาะด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากรธรรมชาติ

อันที่จริง ไม่จำเป็นต้องใช้มาตรา 44 เพราะมีกฎหมายมากมายอยู่แล้ว เพียงเพราะเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบไม่ทำงาน ไม่กล้าบังคับใช้กฎหมาย เกรงกลัวอิทธิพลของเจ้านายและนักการเมือง

ประเทศไทยจึงเป็นดินแดนของคนชั่ว อาชญากร ผู้ทรงอิทธิพล คนโกงอยู่เหนือกฎหมาย

การบุกรุกป่าต้นน้ำลำธาร ตัดไม้ทำให้ภูเขาเตียนโล่ง อย่างกว้างขวางทั่ว ประเทศจึงเป็นอาชญากรรมร้ายแรงด้านเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม เข้าขั้นบ่อนทำลายความมั่นคงของชาติ

ประเทศไทยได้สูญเสียพื้นที่ป่ามากมายจนเหลือไม่ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ เลวร้ายกว่าเพื่อนบ้าน

ผู้ตรวจการแผ่นดิน คุณศรีราชา เจริญพานิช ได้เปิดเผยข้อมูลเมื่อ 3-4 ปีก่อนว่าแผ่นดินไทยถูกครอบครองโดยชาวต่างชาติมากถึง 100 ล้านไร่หรือ 1 ใน 3 ของประเทศ รวมทั้งผ่านตัวแทนโดยเฉพาะคำร่ำลือเกี่ยวกับพื้นที่นา “อาหรับ” ในภาคกลาง โดยพวกเศรษฐีอาหรับมากว้านซื้อที่นา

มีนักการเมืองชั่วรับเป็นนายหน้า ตัวแทนจัดการ เป็นการทรยศประชาชน ขายชาติชัดเจน

การที่คุณท่านใช้อำนาจมาตรา 44 ในลักษณะนี้ถือว่าเป็นคุณต่อบ้านเมือง ต้องเล่นงานเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบด้วย จะเป็นมาตรการลงโทษและป้องปรามไม่ให้เกิดขึ้นอีก

การปล่อยน้ำเสีย กากอุตสาหกรรมลงสู่แม่น้ำลำคลอง ต้องถูกจัดการอย่างเด็ดขาด เพิ่มโทษตามกฎหมาย โดยถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง ก่อภัยต่อความปลอดภัยต่อชีวิตคนและสัตว์

มีผู้ประกอบการอุตสาหกรรมมากมายสร้างความมั่งคั่งโดยการเอาเปรียบสังคม ทำให้ชุมชนใกล้เคียงเดือดร้อน เป็นภัยต่อสุขภาพและการดำรงชีพ ด้วยการสร้างปัญหามลภาวะเป็นพิษ

มาตรา 44 ต้องให้ปิดกิจการเพื่อปรับปรุง มีโทษ ไม่ต้องหวั่นต่อข้ออ้างว่าสูญเสียบรรยากาศการลงทุน เพราะบรรยากาศของชาวบ้านได้เสียหายมายาวนาน หายคนเสียชีวิตเพราะโรคร้ายแรง

มาตรา 44 ต้องฟื้นฟูกลไกกระบวนการทางกฎหมาย กดดันให้เจ้าหน้าที่ทำงานอย่างเต็มกำลัง ไม่หวั่นอิทธิพลใดๆ ทั้งนั้น จะได้สร้างความตื่นตัวให้ชาวบ้านรายงานความผิดปกติเพื่อจัดการ

ยังมีอีกเยอะ เช่นอาหารปนเปื้อนสารพิษ ฟอร์มาลิน เคมีเกษตรต่างๆ ทำให้คนตายผ่อนส่ง

ยังไม่มีหน่วยงานใดทำงาน “อย่างจริงจัง เข้มขวด ตรวจสอบ ลงโทษ” เด็ดขาด ทำให้คนไทยมีชีวิตท่ามกลาง “พิษ” โดยการเสพตามมลภาวะแวดล้อมและเสพเป็นอาหาร

เสียงร่ำลือเรื่องสัตว์ทะเล ผักสด สินค้าสดอื่นๆ ถูกราดโดยสารฟอร์มาลินกันเน่าเสียเร็วได้รับฟังมานาน แต่ยังไม่มีใครจัดการจนรับประกันได้ว่าสินค้า วัตถุดิบประกอบอาหารนั้น “ปลอดภัย” แม้แต่ในห้างร้านมีสินค้าติดป้าย “ผักปลอดสารพิษ” แยกชั้น เท่ากับว่าสินค้าที่ไม่มีป้ายนั้น “มีสารพิษ”

ไม่เพียงเฉพาะสารพิษจากการเติมแต่งเพื่อรักษาความสดเทียม ยังมีสารพิษในการใช้เลี้ยงไก่ หมู เนื้อ ทำให้เด็กเร่งวัยเจริญพันธุ์ มีผลเสียเรื้อรังในร่างกาย ก่อเกิดโรคมะเร็ง โรครักษายากสารพัดอันเป็นผลมาจากอาหารประเภท “เปิบด่วน” สำหรับเด็กในเมืองเข้าถึงสังคมบริโภคแบบใหม่

อาหารทันสมัย “เปิบด่วน” จากไก่ หมู เนื้อ อุดมไปด้วยสารพิษจึงเป็นอันตรายอย่างมาก แม้กระทั่งไก่และไข่เลี้ยงแบบฟาร์มทันสมัยยังมีป้ายระบุ “ปลอดยาปฏิชีวนะ” “อาหารสัตว์ผสมสารเคมี” นั่นเท่ากับว่าสินค้าที่ไม่มีป้ายเตือนคือพวกมีสารพิษ ยาต่างๆ ตกค้างอยู่ เป็นอันตราย

แล้วพวกข้าราชการกินเงินเดือนจากภาษีชาวบ้านทำอะไรได้บ้างกับ ไก่ หมู เนื้อ เลี้ยงโดยกรรมวิธี “วิทยาศาสตร์”

ชวนให้สงสัยว่าพวกเจ้าสัว เจ้าของสินค้าเหล่านี้กล้าบริโภคสินค้าของตัวเองหรือไม่ กล้าใช้ปรุงเป็นอาหารเลี้ยงลูกหลาน ครอบครัวโดยไม่กลัวตายผ่อนส่งด้วยมั้ย?

คุณท่านน่าจะสั่งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบ วิเคราะห์ในห้องแล็บทั้งในและต่างประเทศเพื่อดูว่าระดับของพิษปนเปื้อนอาหารในตลาดสดและตลาดติดแอร์เป็นอันตรายหรือไม่

เป็นการรับประกันว่า “ครัวไทยสู่ครัวโรค” ไม่ก่อให้เกิดโรคร้าย โดยเฉพาะมะเร็ง

ความหวังสูงส่งของคนในชาติคือต้องการให้คุณท่านใช้มาตรา 44 จัดการปัญหาทุจริตอย่างเด็ดขาด ท่านได้เห็นตัวอย่างในสิงคโปร์แล้วว่าสังคมที่ปลอดคอร์รัปชั่นนั้นก้าวหน้า ประหยัดทรัพยากรได้มากเพียงใด ปีนี้คุณท่านจะทำได้ถึงครึ่งของเค้ามั้ย เพราะบ้านเราคอร์รัปชั่นเต็มร้อยแล้ว

ถ้าทำได้ ไม่ต้องกลัวใครมาไล่ ไม่ต้องพึ่งกองทัพ ประชาชนจะออกไปต่อสู้เพื่อปกป้องท่านเอง



กำลังโหลดความคิดเห็น