ASTVผู้จัดการรายวัน-"ประยุทธ์"ให้การต้อนรับนายกรัฐมนตรีรัสเซีย หยอดคำหวานเป็นเพื่อนที่สำคัญตอนเพื่อนมีปัญหา พร้อมลงนามข้อตกลง 5 ฉบับ ตั้งเป้าเพิ่มการค้าเป็น 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ด้านรัสเซียยาหอมกลับไทยเป็นหุ้นส่วนที่เก่าแก่ที่สุด "ประวิตร"ควงบิ๊กทหารเยือนจีนตามคำเชิญกลาโหมจีน ยันต้อนรับทุกประเทศ ไม่ได้เลือกข้าง วงในเผยเป็นการเพิ่มอำนาจต่อรอง หลังสหรัฐฯ ยุโรป เมินไทยตั้งแต่รัฐประหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (8 เม.ย.) ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับนายดมิทรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซีย ในโอกาสเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรี ได้นำนายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซีย ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ภายในตึกไทยคู่ฟ้า เนื่องจากฝนตกอย่างหนัก ก่อนที่จะพบปะกับคณะรัฐมนตรี และคณะทูตานุทูต ประเทศต่างๆ ประจำประเทศไทย และลงนามในสมุดเยี่ยม
จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้หารือ ข้อราชการ กลุ่มเล็ก และหารือข้อราชการเต็มคณะตามลำดับ ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งการขยายความร่วมมือ ด้านการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง และสังคม รวมถึงประเด็นระหว่างประเทศ ที่สองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน
เมื่อเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรี ทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามความตกลงทวิภาคี 5 ฉบับ ประกอบด้วย บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งอาณาจักรไทยกับกระทรวงพลังงานสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงาน แผนการดำเนินกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว ปี 2015-2017 บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านยาเสพติดระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานเพื่อการควบคุมยาเสพติดแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย และบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกับกระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย
***เพิ่มความร่วมมือให้แน่นแฟ้นมากขึ้น
ต่อมาเวลา 12.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ ได้แถลงข่าวร่วมกับนายดมิทรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซีย ภายหลังการลงนามความตกลงทวิภาคีระหว่างไทย-รัสเซีย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยินดีที่นายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซียมาเยือนไทย ในฐานะแขกของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นการเยือนครั้งแรกในรอบ 25 ปี และในปี 2560 ก็จะครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ของไทย-รัสเซีย ซึ่งเรามีเจตนารมณ์ที่จะยกระดับความสัมพันธ์ต่อไปอีก 120 ปี ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น บนพื้นฐานผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย และในเรื่องของเศรษฐกิจ เราจะผลักดันการค้าระหว่างกันให้โตยิ่งขึ้น จากเดิมมีมูลค่าการค้าอยู่ที่ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ไปเป็น 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปีหน้า และได้ขออย่าให้ประเทศไทยเสียดุลการค้ามากนัก โดยเชิญชวนให้รัสเซียพิจารณานำเข้าข้าว ยางพารา อาหารแช่แข็ง และสิ้นค้าเกษตรอื่นๆ
นอกจากนี้ ยังได้เชิญชวนให้รัสเซียเข้ามาแข่งขัน ประมูลโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และระบบโลจิสติกส์ของไทย ตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ส่วนผู้ประกอบการของไทย ก็มีความสนใจในการลงทุนผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และอาหารในรัสเซีย ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะอำนวยความสะดวกนักลงทุนอย่างเต็มที่ และมีความยินดีที่นายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซียจะพบปะกับตัวแทนภาคธุรกิจของไทย รวมถึงได้เห็นพ้องสานต่อความร่วมมือด้านพลังงานปิโตรเลียมและพัฒนาบุคคลากรด้านนี้ และการเพิ่มความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ส่วนเรื่องการท่องเที่ยว ไทยยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวรัสเซีย ซึ่งปีที่ผ่านมา เดินทางมาท่องเที่ยวไทยถึง 1.7 ล้านคน จากนี้หวังว่าจะมีตัวเลขเพิ่มขึ้น โดยยืนยันว่า ไทยจะให้การดูแลสวัสดิภาพของนักท่องเที่ยวรัสเซียและชาติอื่นๆ
***ยกรัสเซียเพื่อนที่สำคัญที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ยังได้ขอให้นายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซีย นำคำเชิญไปยัง นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ให้เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อสานต่อความสัมพันธ์ให้ยั่งยืนยิ่งขึ้น
"คำว่าเพื่อน สำคัญที่สุด เมื่อเพื่อนมีปัญหาก็ต้องการแรงใจ แรงหนุนจากเพื่อน วันนี้รัสเซียให้ความเป็นเพื่อน ผมก็จะรักษามิตรภาพนี้ไว้ ขอขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่เข้าใจ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
***รัสเซียยาหอมกลับเป็นหุ้นส่วนที่เก่าแก่
นายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซีย กล่าวตอบกลับว่า ระเทศไทยเป็นประเทศหุ้นส่วนที่เก่าที่สุดของรัสเซีย ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และในอีก 2 ปี ที่จะมีการเฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ของความสัมพันธ์ทางการทูต โดยจะรักษาประเพณี มิตรภาพ และความเคารพต่อกัน จากนั้นเราจะได้ร่วมทำโครงการที่มีผลสำเร็จร่วมกัน โดยเฉพาะการผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการศึกษา
"ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีของไทย ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และลึกซึ้ง ตนมั่นใจว่า การเจรจาในครั้งนี้ จะช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และจะเชิญนายกรัฐมนตรีไทย เดินทางไปเยือนประเทศรัสเซีย อย่างเป็นทางการต่อไป"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงข่าว นายกรัฐมนตรี ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซียและคณะ ที่ตึกสันติไมตรีหลังนอก
สำหรับการเดินทางเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซีย มีวัตถุประสงค์กระชับความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือในสาขาต่างๆ บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน นับเป็นการเยือนประเทศไทยในระดับนายกรัฐมนตรีของสหพันธรัฐรัสเซียครั้งแรกในรอบ 25 ปี
**"ประวิตร"ควง"บิ๊กทหาร" เยือนจีน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวก่อนเดินทางไปเยือนกระทรวงกลาโหมจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 8-10 เม.ย.นี้ ว่า เป็นการไปเยือนหลังจากที่ นายฉาง ว่าน ฉ่วน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของจีน เดินทางมาเยือนไทยก่อนหน้านี้ โดยจะใช้เวลาห้วงสั้นๆ ในการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันในหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องการฝึกที่ได้ดำเนินการไปตามแผนงานที่วางไว้ เพราะกระทรวงกลาโหมสองประเทศ ได้ประสานงานกันมานานแล้ว ไม่ใช่เริ่มทำในวันนี้ ส่วนจะเดินทางไปดูอาวุธยุทโธปกรณ์ และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับทางจีน ว่าจะจัดให้ดูหรือไม่ ถ้าไม่มีเวลา ก็ไม่ดู
"โครงการจัดหาเรือดำน้ำที่พูดกันมากนั้น ขณะนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า กระทรวงกลาโหม เพียงแค่เห็นชอบในหลักการตามที่กองทัพเรือได้เสนอความจำเป็นขึ้นมา ส่วนการจัดหา และเลือกแบบ รวมถึงงบประมาณ เป็นเรื่องของกองทัพเรือ ซึ่งไม่ใช่ซื้อวันนี้ แล้วจะนำเข้าประจำการได้ทันที ต้องใช้เวลาอีกนาน และต้องมีการผูกผันงบประมาณไปอีก 5-10 ปี และจำไว้แล้วกันว่าเราไม่มีปัญญาที่จะซื้อยุทโธปกรณ์ด้วยเงินจำนวนมาก ถึงมีเงิน ก็คงไม่ใช้มากขนาดนี้ เพราะเราคงไม่รวยมากขนาดนั้น แต่เรือดำน้ำ มีความจำเป็นที่เราต้องมี" รมว.กลาโหมกล่าว
***ยันพร้อมสายสัมพันธ์ทุกประเทศ
เมื่อถามถึงการถ่วงดุลมหาอำนาจสหรัฐฯ ด้วยการเชื่อมสัมพันธ์ โดยมีการดีลจีนและรัสเซีย มากขึ้นนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราพร้อมจะดีลกับทุกประเทศ ไม่ได้ระบุ หรือเจาะจงว่าต้องเป็นประเทศใด อย่าพูดให้เป็นประเด็น ยืนยันว่าไม่มี และบังเอิญที่นายกรัฐมนตรีรัสเซียมาเยี่ยมเยียนนายกรัฐมนตรีของไทย ไม่เกี่ยวกับตนที่เดินทางไปประเทศจีนพอดี ซึ่งไม่เกี่ยวกัน ตนเดินทางไปในนามของกระทรวงกลาโหม ทั้งนี้ ใครจะมาเราก็พร้อมต้อนรับ และเราก็อยากไปทุกประเทศที่เชิญมา ซึ่งขึ้นอยู่กับเวลาด้วย ยืนยันว่า เราเปิดกว้าง และเป็นกลาง พร้อมรับทุกประเทศ โดยต้องการทำให้ประเทศชาติเจริญและมั่งคั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พร้อมด้วย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก และคณะ ประกอบด้วย รมช.ต่างประเทศ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ปลัดกลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด และผบ.เหล่าทัพ เดินทางเยือน สาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างเป็นทางการ ระหว่าง 8-10 เม.ย. 58 นี้ ตามคำเชิญ ของกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐประชาชนจีน
***เมินสหรัฐฯ หันสานสัมพันธ์รัสเซีย-จีน
รายงานข่าวแจ้งว่า การดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศของรัฐบาลในขณะนี้ เป็นการให้ความสำคัญกับประเทศที่ให้ความสำคัญกับไทย โดยเฉพาะประเทศที่เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างรัสเซียและจีน เพราะหลังจากที่ได้เกิดการรัฐประหาร ได้มีหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ และประเทศในยุโรป ที่แสดงท่าทีที่ไม่เห็นด้วย และปฏิเสธที่จะร่วมมือกับไทยในด้านต่างๆ จนกระทั่งปัจจุบันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วานนี้ (8 เม.ย.) ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับนายดมิทรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซีย ในโอกาสเดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ตามคำเชิญของนายกรัฐมนตรี โดยนายกรัฐมนตรี ได้นำนายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซีย ตรวจแถวทหารกองเกียรติยศ ภายในตึกไทยคู่ฟ้า เนื่องจากฝนตกอย่างหนัก ก่อนที่จะพบปะกับคณะรัฐมนตรี และคณะทูตานุทูต ประเทศต่างๆ ประจำประเทศไทย และลงนามในสมุดเยี่ยม
จากนั้นทั้งสองฝ่ายได้หารือ ข้อราชการ กลุ่มเล็ก และหารือข้อราชการเต็มคณะตามลำดับ ครอบคลุมในทุกมิติ ทั้งการขยายความร่วมมือ ด้านการเมือง เศรษฐกิจ ความมั่นคง และสังคม รวมถึงประเด็นระหว่างประเทศ ที่สองฝ่ายมีความสนใจร่วมกัน
เมื่อเสร็จสิ้นการหารือ นายกรัฐมนตรี ทั้งสองฝ่ายร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามความตกลงทวิภาคี 5 ฉบับ ประกอบด้วย บันทึกความเข้าใจระหว่างกระทรวงพลังงานแห่งอาณาจักรไทยกับกระทรวงพลังงานสหพันธรัฐรัสเซียว่าด้วยความร่วมมือด้านพลังงาน แผนการดำเนินกิจกรรมด้านการท่องเที่ยว ปี 2015-2017 บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างกระทรวงวัฒนธรรมแห่งราชอาณาจักรไทยกับกระทรวงวัฒนธรรมแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านยาเสพติดระหว่างสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดแห่งราชอาณาจักรไทยกับสำนักงานเพื่อการควบคุมยาเสพติดแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย และบันทึกความเข้าใจระหว่างสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกับกระทรวงพัฒนาเศรษฐกิจแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย
***เพิ่มความร่วมมือให้แน่นแฟ้นมากขึ้น
ต่อมาเวลา 12.15 น. พล.อ.ประยุทธ์ ได้แถลงข่าวร่วมกับนายดมิทรี เมดเวเดฟ นายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซีย ภายหลังการลงนามความตกลงทวิภาคีระหว่างไทย-รัสเซีย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ยินดีที่นายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซียมาเยือนไทย ในฐานะแขกของรัฐบาล ซึ่งถือเป็นการเยือนครั้งแรกในรอบ 25 ปี และในปี 2560 ก็จะครบรอบ 120 ปี ความสัมพันธ์ของไทย-รัสเซีย ซึ่งเรามีเจตนารมณ์ที่จะยกระดับความสัมพันธ์ต่อไปอีก 120 ปี ให้แน่นแฟ้นมากขึ้น บนพื้นฐานผลประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย และในเรื่องของเศรษฐกิจ เราจะผลักดันการค้าระหว่างกันให้โตยิ่งขึ้น จากเดิมมีมูลค่าการค้าอยู่ที่ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ไปเป็น 1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐในปีหน้า และได้ขออย่าให้ประเทศไทยเสียดุลการค้ามากนัก โดยเชิญชวนให้รัสเซียพิจารณานำเข้าข้าว ยางพารา อาหารแช่แข็ง และสิ้นค้าเกษตรอื่นๆ
นอกจากนี้ ยังได้เชิญชวนให้รัสเซียเข้ามาแข่งขัน ประมูลโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน และระบบโลจิสติกส์ของไทย ตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ส่วนผู้ประกอบการของไทย ก็มีความสนใจในการลงทุนผลิตชิ้นส่วนยานยนต์ และอาหารในรัสเซีย ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะอำนวยความสะดวกนักลงทุนอย่างเต็มที่ และมีความยินดีที่นายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซียจะพบปะกับตัวแทนภาคธุรกิจของไทย รวมถึงได้เห็นพ้องสานต่อความร่วมมือด้านพลังงานปิโตรเลียมและพัฒนาบุคคลากรด้านนี้ และการเพิ่มความร่วมมือด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ส่วนเรื่องการท่องเที่ยว ไทยยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวรัสเซีย ซึ่งปีที่ผ่านมา เดินทางมาท่องเที่ยวไทยถึง 1.7 ล้านคน จากนี้หวังว่าจะมีตัวเลขเพิ่มขึ้น โดยยืนยันว่า ไทยจะให้การดูแลสวัสดิภาพของนักท่องเที่ยวรัสเซียและชาติอื่นๆ
***ยกรัสเซียเพื่อนที่สำคัญที่สุด
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ยังได้ขอให้นายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซีย นำคำเชิญไปยัง นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ให้เดินทางมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ เพื่อสานต่อความสัมพันธ์ให้ยั่งยืนยิ่งขึ้น
"คำว่าเพื่อน สำคัญที่สุด เมื่อเพื่อนมีปัญหาก็ต้องการแรงใจ แรงหนุนจากเพื่อน วันนี้รัสเซียให้ความเป็นเพื่อน ผมก็จะรักษามิตรภาพนี้ไว้ ขอขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่เข้าใจ" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
***รัสเซียยาหอมกลับเป็นหุ้นส่วนที่เก่าแก่
นายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซีย กล่าวตอบกลับว่า ระเทศไทยเป็นประเทศหุ้นส่วนที่เก่าที่สุดของรัสเซีย ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก และในอีก 2 ปี ที่จะมีการเฉลิมฉลองครบรอบ 120 ปี ของความสัมพันธ์ทางการทูต โดยจะรักษาประเพณี มิตรภาพ และความเคารพต่อกัน จากนั้นเราจะได้ร่วมทำโครงการที่มีผลสำเร็จร่วมกัน โดยเฉพาะการผลักดันความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการศึกษา
"ขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีของไทย ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และลึกซึ้ง ตนมั่นใจว่า การเจรจาในครั้งนี้ จะช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศ และจะเชิญนายกรัฐมนตรีไทย เดินทางไปเยือนประเทศรัสเซีย อย่างเป็นทางการต่อไป"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการแถลงข่าว นายกรัฐมนตรี ได้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงอาหารกลางวัน เพื่อเป็นเกียรติแก่นายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซียและคณะ ที่ตึกสันติไมตรีหลังนอก
สำหรับการเดินทางเยือนไทยของนายกรัฐมนตรีสหพันธรัฐรัสเซีย มีวัตถุประสงค์กระชับความสัมพันธ์และขยายความร่วมมือในสาขาต่างๆ บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกัน นับเป็นการเยือนประเทศไทยในระดับนายกรัฐมนตรีของสหพันธรัฐรัสเซียครั้งแรกในรอบ 25 ปี
**"ประวิตร"ควง"บิ๊กทหาร" เยือนจีน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวก่อนเดินทางไปเยือนกระทรวงกลาโหมจีนอย่างเป็นทางการ ระหว่างวันที่ 8-10 เม.ย.นี้ ว่า เป็นการไปเยือนหลังจากที่ นายฉาง ว่าน ฉ่วน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของจีน เดินทางมาเยือนไทยก่อนหน้านี้ โดยจะใช้เวลาห้วงสั้นๆ ในการพูดคุยแลกเปลี่ยนกันในหลายเรื่อง รวมถึงเรื่องการฝึกที่ได้ดำเนินการไปตามแผนงานที่วางไว้ เพราะกระทรวงกลาโหมสองประเทศ ได้ประสานงานกันมานานแล้ว ไม่ใช่เริ่มทำในวันนี้ ส่วนจะเดินทางไปดูอาวุธยุทโธปกรณ์ และอุตสาหกรรมป้องกันประเทศหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับทางจีน ว่าจะจัดให้ดูหรือไม่ ถ้าไม่มีเวลา ก็ไม่ดู
"โครงการจัดหาเรือดำน้ำที่พูดกันมากนั้น ขณะนี้ยังไม่มีอะไรคืบหน้า กระทรวงกลาโหม เพียงแค่เห็นชอบในหลักการตามที่กองทัพเรือได้เสนอความจำเป็นขึ้นมา ส่วนการจัดหา และเลือกแบบ รวมถึงงบประมาณ เป็นเรื่องของกองทัพเรือ ซึ่งไม่ใช่ซื้อวันนี้ แล้วจะนำเข้าประจำการได้ทันที ต้องใช้เวลาอีกนาน และต้องมีการผูกผันงบประมาณไปอีก 5-10 ปี และจำไว้แล้วกันว่าเราไม่มีปัญญาที่จะซื้อยุทโธปกรณ์ด้วยเงินจำนวนมาก ถึงมีเงิน ก็คงไม่ใช้มากขนาดนี้ เพราะเราคงไม่รวยมากขนาดนั้น แต่เรือดำน้ำ มีความจำเป็นที่เราต้องมี" รมว.กลาโหมกล่าว
***ยันพร้อมสายสัมพันธ์ทุกประเทศ
เมื่อถามถึงการถ่วงดุลมหาอำนาจสหรัฐฯ ด้วยการเชื่อมสัมพันธ์ โดยมีการดีลจีนและรัสเซีย มากขึ้นนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เราพร้อมจะดีลกับทุกประเทศ ไม่ได้ระบุ หรือเจาะจงว่าต้องเป็นประเทศใด อย่าพูดให้เป็นประเด็น ยืนยันว่าไม่มี และบังเอิญที่นายกรัฐมนตรีรัสเซียมาเยี่ยมเยียนนายกรัฐมนตรีของไทย ไม่เกี่ยวกับตนที่เดินทางไปประเทศจีนพอดี ซึ่งไม่เกี่ยวกัน ตนเดินทางไปในนามของกระทรวงกลาโหม ทั้งนี้ ใครจะมาเราก็พร้อมต้อนรับ และเราก็อยากไปทุกประเทศที่เชิญมา ซึ่งขึ้นอยู่กับเวลาด้วย ยืนยันว่า เราเปิดกว้าง และเป็นกลาง พร้อมรับทุกประเทศ โดยต้องการทำให้ประเทศชาติเจริญและมั่งคั่ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พร้อมด้วย พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รมช.กลาโหม และผู้บัญชาการทหารบก และคณะ ประกอบด้วย รมช.ต่างประเทศ รมช.เกษตรและสหกรณ์ ปลัดกลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด และผบ.เหล่าทัพ เดินทางเยือน สาธารณรัฐประชาชนจีน อย่างเป็นทางการ ระหว่าง 8-10 เม.ย. 58 นี้ ตามคำเชิญ ของกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐประชาชนจีน
***เมินสหรัฐฯ หันสานสัมพันธ์รัสเซีย-จีน
รายงานข่าวแจ้งว่า การดำเนินนโยบายด้านต่างประเทศของรัฐบาลในขณะนี้ เป็นการให้ความสำคัญกับประเทศที่ให้ความสำคัญกับไทย โดยเฉพาะประเทศที่เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจอย่างรัสเซียและจีน เพราะหลังจากที่ได้เกิดการรัฐประหาร ได้มีหลายประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐฯ และประเทศในยุโรป ที่แสดงท่าทีที่ไม่เห็นด้วย และปฏิเสธที่จะร่วมมือกับไทยในด้านต่างๆ จนกระทั่งปัจจุบันนี้