ASTVผู้จัดการรายวัน-สนช. เคาะ 23 เม.ย. แถลงเปิดคดีถอดถอน "บุญทรง-ภูมิ-มนัส" ทุจริตขายข้าวจีทูจีเก๊ พร้อมค้านไม่ให้เพิ่มหลักฐานเอกสาร ชี้ในสำนวน ป.ป.ช. ครบถ้วนแล้ว "หมอวรงค์" เชื่อ "แก๊งจีทูเจี๊ยะ" รอดยาก ผิดชัดกว่าคดี "ยิ่งลักษณ์" เย้ยยื่นหลักฐานเพิ่ม หวังยื้อคดี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ (2 เม.ย.) ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาวาระ เพื่อดำเนินกระบวนการถอดถอนนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ออกจากตำแหน่ง
โดยการพิจารณาดังกล่าว เป็นไปตามข้อกล่าวหาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ระบุว่า บุคคลทั้ง 3 ร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ด้วยการร่วมกันกระทำความผิดในโครงการรับจำนำข้าวในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยบุคคลดังกล่าวได้ช่วยเหลือและเอื้อประโยชน์ให้บริษัทของจีน 2 แห่ง ที่ไม่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีนให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอราคารายอื่น
** นัด 23 เม.ย.เปิดคดี “บุญทรง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการพิจารณาครั้งนี้ ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 ไม่ได้เดินทางเข้าร่วมประชุมแต่อย่างใด ส่วนฝ่ายตัวแทนผู้กล่าวหามีนายศักดิ์ชัย เมธินีพิศาลกุล ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. เป็นตัวแทน
ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้เห็นชอบกำหนดวันแถลงเปิดสำนวนคดีของ ป.ป.ช. ผู้กล่าวหา และการแถลงคัดค้านคดีของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คน ในวันที่ 23 เม.ย. เวลา 09.00 น. พร้อมแจ้งให้สมาชิก สนช. สามารถยื่นญัตติคำถามคู่กรณีได้จนถึงวันที่ 22 เม.ย. ก่อนที่จะมีการประชุมแถลงเปิดคดี
จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาคำขอเพิ่มเติมพยานหลักฐานของผู้ถูกกล่าวหา โดยนายบุญทรง กับนายภูมิ ไม่ได้ประสงค์ยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติม มีเพียงนายมนัส ที่ยื่นขอเพิ่มเติมพยานเอกสารจำนวน 9 รายการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้อกฎหมาย หนังสือของสำนักนายกรัฐมนตรี และหนังสือของเอกชนจีน
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีมติไม่เห็นด้วยให้เพิ่มเติมพยานหลักฐานทั้ง 9 รายการ เนื่องจากบางส่วนได้มายื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกอบการพิจารณาไปแล้ว ขณะที่พยานเอกสารบางส่วน ยังไม่ปรากฏในกระบวนการไต่สวนคดี แต่เป็นเรื่องหลักการข้อกฎหมายที่ผู้ถูกกล่าวหาสามารถหยิบยกมาต่อสู้ได้อยู่แล้ว
***เย้ย"มนัส"ยื่นหลักฐานยื้อคดี
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าทางที่ประชุม สนช. คงทราบว่าการขอเพิ่มพยานของนายมนัส มีเจตนาเพื่อต้องการจะยื้อคดี เนื่องจากกรณีระบายข้าวแบบจีทูจี ถือว่าเป็นการจับผิดแบบมีหลักฐานที่ชัดเจน ตั้งแต่หลักฐานการส่งออกข้าว ก็มีหลักฐานว่าไม่ใช่จีทูจี แต่เป็นการดำเนินการของคนที่ใกล้ชิดกับฝ่ายการเมือง และยังมีหลักฐานที่ชัดเจนว่าข้าวไม่ได้ส่งออกไปยังต่างประเทศ ขณะเดียวกันในขาเข้า ซึ่งก็คือการนำเงินมาชำระเข้ากับรัฐบาล ซึ่งโดยปกติต้องต้องมีการชำระด้วยเงินจากต่างประเทศ หรือเป็นระบบแอลซี แต่ปรากฏว่ากลายเป็นแคชเชียร์เช็ค โดยบริษัทค้าข้าวที่อยู่ในประเทศ
“ผมเชื่อว่า สนช. คงมีการประเมินแล้วว่าข้อมูลหลักฐานที่อยู่ในมือนั้น เพียงพอต่อการตัดสินใจ ไม่จำเป็นที่จะต้องเพิ่มพยานหลักฐานเพิ่มเติมตามที่นายมนัสร้องขอ” นพ.วรงค์ กล่าว
***ผิดชัดยิ่งกว่าคดี “ยิ่งลักษณ์”
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คน เมื่อเทียบกับกรณีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีใดจะถูกถอดถอนง่ายกว่ากัน นพ.วรงค์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 น่าจะถูกถอดถอนได้ง่ายกว่า เพราะกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นการปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต จนนำมาสู่ความเสียหาย การตัดสินใจถอดถอนนั้น ต้องดูข้อมูลของทั้งประเทศ ซึ่งจะยากกว่า แต่สำหรับผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 นั้น เป็นผู้ทำการทุจริตด้วยตนเอง และก็มีหลักฐานชัดเจน
“เชื่อว่าฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา คงไม่สามารถหาอะไรมาแก้ข้อกล่าวหาได้อย่างแน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมา ตอนพรรคประชาธิปัตย์ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้าหากจีทูจีเป็นของจริง ก็คงสามารถชี้แจงได้ตั้งแต่วันนั้นแล้ว แต่ว่าจนบัดนี้ ก็ยังไม่สามารถชี้แจงได้” นพ.วรงค์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ (2 เม.ย.) ที่รัฐสภา มีการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) โดยมีนายสุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย รองประธาน สนช. คนที่ 1 เป็นประธานการประชุม ได้พิจารณาวาระ เพื่อดำเนินกระบวนการถอดถอนนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นายภูมิ สาระผล อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และนายมนัส สร้อยพลอย อดีตอธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ออกจากตำแหน่ง
โดยการพิจารณาดังกล่าว เป็นไปตามข้อกล่าวหาของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่ระบุว่า บุคคลทั้ง 3 ร่วมกันกระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา พ.ร.บ.การเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2542 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ด้วยการร่วมกันกระทำความผิดในโครงการรับจำนำข้าวในสมัยรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยบุคคลดังกล่าวได้ช่วยเหลือและเอื้อประโยชน์ให้บริษัทของจีน 2 แห่ง ที่ไม่ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลจีนให้เข้ามาทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) โดยไม่ต้องแข่งขันราคากับผู้เสนอราคารายอื่น
** นัด 23 เม.ย.เปิดคดี “บุญทรง”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการพิจารณาครั้งนี้ ผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 ไม่ได้เดินทางเข้าร่วมประชุมแต่อย่างใด ส่วนฝ่ายตัวแทนผู้กล่าวหามีนายศักดิ์ชัย เมธินีพิศาลกุล ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. เป็นตัวแทน
ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้เห็นชอบกำหนดวันแถลงเปิดสำนวนคดีของ ป.ป.ช. ผู้กล่าวหา และการแถลงคัดค้านคดีของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คน ในวันที่ 23 เม.ย. เวลา 09.00 น. พร้อมแจ้งให้สมาชิก สนช. สามารถยื่นญัตติคำถามคู่กรณีได้จนถึงวันที่ 22 เม.ย. ก่อนที่จะมีการประชุมแถลงเปิดคดี
จากนั้นที่ประชุมได้พิจารณาคำขอเพิ่มเติมพยานหลักฐานของผู้ถูกกล่าวหา โดยนายบุญทรง กับนายภูมิ ไม่ได้ประสงค์ยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติม มีเพียงนายมนัส ที่ยื่นขอเพิ่มเติมพยานเอกสารจำนวน 9 รายการ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นข้อกฎหมาย หนังสือของสำนักนายกรัฐมนตรี และหนังสือของเอกชนจีน
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมมีมติไม่เห็นด้วยให้เพิ่มเติมพยานหลักฐานทั้ง 9 รายการ เนื่องจากบางส่วนได้มายื่นต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ประกอบการพิจารณาไปแล้ว ขณะที่พยานเอกสารบางส่วน ยังไม่ปรากฏในกระบวนการไต่สวนคดี แต่เป็นเรื่องหลักการข้อกฎหมายที่ผู้ถูกกล่าวหาสามารถหยิบยกมาต่อสู้ได้อยู่แล้ว
***เย้ย"มนัส"ยื่นหลักฐานยื้อคดี
นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าทางที่ประชุม สนช. คงทราบว่าการขอเพิ่มพยานของนายมนัส มีเจตนาเพื่อต้องการจะยื้อคดี เนื่องจากกรณีระบายข้าวแบบจีทูจี ถือว่าเป็นการจับผิดแบบมีหลักฐานที่ชัดเจน ตั้งแต่หลักฐานการส่งออกข้าว ก็มีหลักฐานว่าไม่ใช่จีทูจี แต่เป็นการดำเนินการของคนที่ใกล้ชิดกับฝ่ายการเมือง และยังมีหลักฐานที่ชัดเจนว่าข้าวไม่ได้ส่งออกไปยังต่างประเทศ ขณะเดียวกันในขาเข้า ซึ่งก็คือการนำเงินมาชำระเข้ากับรัฐบาล ซึ่งโดยปกติต้องต้องมีการชำระด้วยเงินจากต่างประเทศ หรือเป็นระบบแอลซี แต่ปรากฏว่ากลายเป็นแคชเชียร์เช็ค โดยบริษัทค้าข้าวที่อยู่ในประเทศ
“ผมเชื่อว่า สนช. คงมีการประเมินแล้วว่าข้อมูลหลักฐานที่อยู่ในมือนั้น เพียงพอต่อการตัดสินใจ ไม่จำเป็นที่จะต้องเพิ่มพยานหลักฐานเพิ่มเติมตามที่นายมนัสร้องขอ” นพ.วรงค์ กล่าว
***ผิดชัดยิ่งกว่าคดี “ยิ่งลักษณ์”
ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีของผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 คน เมื่อเทียบกับกรณีถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กรณีใดจะถูกถอดถอนง่ายกว่ากัน นพ.วรงค์ กล่าวว่า ตนเชื่อว่าผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 น่าจะถูกถอดถอนได้ง่ายกว่า เพราะกรณีของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ เป็นการปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริต จนนำมาสู่ความเสียหาย การตัดสินใจถอดถอนนั้น ต้องดูข้อมูลของทั้งประเทศ ซึ่งจะยากกว่า แต่สำหรับผู้ถูกกล่าวหาทั้ง 3 นั้น เป็นผู้ทำการทุจริตด้วยตนเอง และก็มีหลักฐานชัดเจน
“เชื่อว่าฝ่ายผู้ถูกกล่าวหา คงไม่สามารถหาอะไรมาแก้ข้อกล่าวหาได้อย่างแน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมา ตอนพรรคประชาธิปัตย์ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ ถ้าหากจีทูจีเป็นของจริง ก็คงสามารถชี้แจงได้ตั้งแต่วันนั้นแล้ว แต่ว่าจนบัดนี้ ก็ยังไม่สามารถชี้แจงได้” นพ.วรงค์กล่าว