xs
xsm
sm
md
lg

ธปท.หนุนเลิกอัยการศึกสร้างความเชื่อมั่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรรายวัน - ผู้ว่าแบงก์ชาติชี้รัฐบาลยกเลิกกฎอัยการศึกจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนต่างชาติ ยืนยันเศรษฐกิจค่อยๆ ฟื้น ประเมินจีดีพีทั้งปีโต 3.8% ไม่กังวลหนี้ครัวเรือน แต่ห่วงพืชผลเกษตรราคาตกต่ำ

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงกรณีที่รัฐบาลยกเลิกกฎอัยการศึกหันไปใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราวนั้น ว่า การที่รัฐบาลจะยกเลิกการบังคับใช้กฎอัยการศึกจะเป็นปัจจัยที่ช่วยสร้างความเชื่อมั่นในสายตาของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะในมิติแง่ข้อมูลข่าวสาร แต่ฝ่ายความมั่นคงห่วงเรื่องความไม่สงบคลื่นใต้น้ำ จึงต้องมีเครื่องมือที่จัดการฉับพลัน หากเกิดปัญหา และถ้านำมาตรา 44 มาใช้แทนจำเป็นต้องอธิบายให้คนทั่วไปรับทราบภายใต้เงื่อนไขอะไรบ้าง ซึ่งคนไทยพร้อมรับฟังอยู่แล้ว
สำหรับประเด็นกรมการบินพลเรือนของไทยไม่ผ่านมาตรฐานขององค์การการบินระหว่างประเทศ (ICAO) ทำให้เกิดการยกเลิกเที่ยวบินจากไทยไปญี่ปุ่น และประเทศอื่นๆ กำลังพิจารณายกเลิกตามมานั้นมองว่าผลกระทบแค่วงจำกัด แค่สายการบินบ้างแห่ง สะท้อนความเข้มแข็งของสถาบันต่างๆ ถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ต้องตื่นตัวในการแก้ไขปัญหาและเข้าใจดีว่าหน่วยงานเกี่ยวข้องกำลังพยายามแก้ไข และรัฐเร่งเจรจารัฐบาลประเทศต่างๆ
นายประสารยืนยันว่า ขณะนี้ยังคงเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของภาวะเศรษฐกิจไทยอยู่ แม้มีความท้าทายเพิ่มเติมขึ้นบ้าง อาทิ เศรษฐกิจโลกชะลอตัว โดยเฉพาะเศรษฐกิจที่สำคัญประเทศไทย ซึ่งกระทบการส่งออกทุกประเทศ อีกทั้งราคาพืชผลต่ำส่งผลต่อรายได้ อย่างไรก็ตาม มองว่าเศรษฐกิจมหภาคไม่น่ากังวลเกินไปและยังคงมีเสถียรภาพที่ดีอยู่ไม่ว่าจะเป็นด้านต่างประเทศ หรือภายในประเทศไทยอย่างภาวะการจ้างงาน อัตราเงินเฟ้อ ฐานะระบบธนาคารพาณิชย์ เงินสำรองทางการระหว่างประเทศที่มีความมั่นคง และแนวโน้มยังคงเห็นการฟื้นตัวเศรษฐกิจไทยแบบค่อยเป็นค่อยไป
"เชื่อว่าปีนี้ยังขยายตัวได้ดีกว่าปีก่อนที่เติบโตเพียง 0.7% โดยคาดว่าจะขยายตัวได้ราว 3.8% หรือมากกว่า 3% แสดงให้เห็นแนวโน้มการฟื้นตัวที่ดี ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยในประเทศ ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ว่าในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งหน้าในช่วงเดือน เม.ย.จะตัดสินใจอย่างไร เพราะ กนง.ยังมีเวลาดูในภาพรวมอีกครั้งหนึ่ง" นายประสารกล่าวและว่า กรณีที่ภาคอุปโภคบริโภคของไทยเติบโตน้อยกว่าที่ ธปท.คาดการณ์ไว้ แต่มองว่าการอุปโภคบริโภคน่าจะกระเตื้องขึ้นได้แบบค่อยเป็นค่อยไปเช่น และไม่ห่วงเรื่องหนี้ครัวเรือน เพราะเริ่มเห็นแนวโน้มการชะลอตัวของหนี้ครัวเรือน จึงต่างกับสถานการณ์ช่วงปี 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งหนี้เพิ่มขึ้นช่วงน้ำท่วมและรถคันแรก แต่ขณะนี้การก่อหนี้รถคันแรกบรรเทาลง
นอกจากนี้ขณะนี้รัฐบาลเตรียมมีมาตรการบรรเทาความเดือดร้อนเกษตรกรทางหนึ่ง เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากราคาพืชผลตกต่ำ ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญ ด้านผู้ให้กู้ระมัดระวังมากขึ้น ส่วนการจ้างงานยังดีอยู่ไม่มีอาการล้ม เพียงแค่ขายของได้น้อย และไม่สามารถขยับราคาตามต้นทุนได้ จึงต่างกับวิกฤตต้มยำกุ้งที่มีการปิดบริษัท ไล่คนออก.
กำลังโหลดความคิดเห็น